เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ท่าน้ำแห่งนึงใกล้กับวัดคลองเตยนอก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งย้อนไปสัก 20 กว่าปีเห็นจะได้ ในยุคสมัยที่ทางแถวนั้นยังไม่ค่อยเจริญ เป็นป่ารกทึบต้นไม้ขึ้นเบียดเสียดเต็ม 2 ข้างทาง
ความเจริญยังไม่เข้ามาสักเท่าไร ไฟฟ้าส่องสว่างตามถนนหนทางก็มีบ้างเป็นบางจุด ทำให้บรรยากาศตามท้องถนนยุคนั้นดูน่ากลัว พอตกกลางคืน เวลาประมาณ 3-4 ทุ่ม ชาวบ้านก็ปิดไฟนอนกันหมดแล้ว
คืนนั้นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม เราก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น..เสียงปลายสายบ่งบอกว่าเป็นเสียงของพ่อนั่นเอง ที่บอกให้ไปรับแกที่ท่าน้ำวัดคลองเตยนอก..
เรารีบลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา แล้วบึ่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจไปรับพ่อทันที โดยระยะทางก็ห่างจากบ้านไปเป็นกิโลๆ แถมบรรยากาศข้างนอกยามนี้นั้นก็ดูวังเวงไปทุกที่ด้วย
เวลานั้นมันไม่มีรถแล่นสวนมาเลยสักคันเดียว แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแต่อยากจะรีบไปรับพ่อแล้วรีบๆกลับมานอนต่อให้ไวที่สุด เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียน
ขี่รถไปเรื่อยๆจนไปถึงท่าน้ำแห่งนึง ซึ่งเวลานั้นพ่อก็มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่ตอนนั้นที่เรามองไป สังเกตว่าพ่อไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นแค่คนเดียว แต่มีผู้หญิงผมยาวยืนหันหลังให้เราอยู่ใกล้ๆกับพ่อด้วย.. สังเกตดูเธอผู้นั้นใส่ชุดนักศึกษา รองเท้าผ้าใบสีขาว ดูแล้วอายุน่าจะแค่ไม่เท่าไร
เมื่อเพ่อเดินขึ้นมาเราจึงถามพ่อว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?” พ่อก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน แต่เธอลงเรือมาด้วยกัน โดยระหว่างนั่งเรือเธอไม่พูดจาอะไร คนขับเรือถามว่าไปไหนก็ไม่ตอบ ได้แต่ชี้นิ้วบอกอย่างเดียว
พอฟังพ่อเล่าจบ เราก็นึกสนุกเลยตะโกนร้องถามผู้หญิงคนนั้นไปว่า… “จะกลับด้วยกันมั้ยคะ มีคนมารับหรือเปล่า..” และก็ได้ผล เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้งว่า
“ไม่มีใครมารับ ถ้างั้นขอติดรถไปด้วยคนนะ”
พอสิ้นเสียงแล้วเธอก็ค่อยๆหันหน้ามาทางเรา โดยที่ตอนนั้นเห็นหน้าไม่ค่อยชัดเพราะมีเส้นผมปิดบังหน้าตาอยู่ บวกกับความมืดยามค่ำคืนตรงบริเวณนั้นด้วยมั๊ง แต่เท่าที่สังเกตตามเนื้อตัวของเธอดูซีดๆผิวพรรณดูขาวยังไงพิกล แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก
จากนั้นเรา 3 คน ก็พากันเดินมาที่รถ ตอนนั้นเราเปลี่ยนมาให้พ่อขี่รถแทน โดยมีเรานั่งกลางและเธอคนนั้นนั่งหลังสุด
ตลอดเวลาที่รถวิ่งไปนั้น ดูผู้หญิงคนนั้นจะไม่ยอมพูดจาเลยสักคำ แล้วที่มันเริ่มแปลก ก็ตรงที่พอขี่ไปไหนๆไอ้หมาเวรก็ยังหอนรับกันไปตลอดทางด้วย..!! แถมบางจังหวะยังมีลมพัดมาให้หนาวกายเป็นระลอกๆอีกด้วย จนพ่อต้องหันหน้ามากระซิบบอกกับเราว่า “วันนี้ทำไมมันชักจะแปลกๆ นะ”
เมื่อขับรถมาถึงทางโค้งที่มีต้นหูกวางขนาดใหญ่อยู่ จู่ๆผู้หญิงที่ขอนั่งติดรถมาด้วย เธอก็พูดด้วยเสียงอันแหบแห้งว่า “ให้หยุดรถตรงนี้”
พ่อเราจึงหยุดรถ แต่ยังไม่ทันที่จะหันไปมองว่าเธอก้าวลงจากรถหรือยัง ผู้หญิงคนนั้นจู่ๆก็ไปยืนอยู่ที่ใต้ต้นหูกวางริมถนนแล้วอย่างรวดเร็ว..!!
มันเป็นไปได้อย่างไร เธอลงไปตอนไหนไม่มีใครรู้ ? พ่อจึงบอกให้เราตั้งสติให้ดี เพราะเราไม่ได้มาร้าย และเขาก็คงไม่มาทำอะไรเราหรอก..
จากนั้นพ่อก็หันไปพยายามสตาร์ทรถอีก แต่ทีนี้พยายามเท่าไรมันก็ไม่ยอมติดค่ะ ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงยืนอยู่ใต้ต้นหูกวางเหมือนเดิม โดยสายตาก็มองมาที่พวกเรา 2 คนด้วยแววตาที่ดูน่ากลัวมากๆ..!!
ตอนนั้นเหมือนพ่อจะเริ่มทนไม่ไหว พ่อจึงหันไปตะโกนด่าเธอไปว่า “ถ้ายังไม่เลิกแกล้งกันอีก เดี๋ยวจะแช่งไม่ให้ไปผุดไปเกิดเลยน่ะ” แล้วสักพักรถมันก็สตาร์ทติดขึ้นมาเองเฉยเลย
แต่ยังไม่ทันที่จะขี่รถออกไป ก็มีบางอย่างหล่นลงมาจากไหนไม่รู้ เฉียดหน้ารถไปแค่นิดเดียวเองค่ะ
เพ่งตาดูวัตถุตรงหน้าคล้ายๆลูกมะพร้าว แต่ตรงนั้นไม่มีต้นมะพร้าวอยู่เลยสักต้น แล้วอะไรที่ตกลงมา พ่อจึงส่องไฟจากหน้ารถเพื่อดูว่ามันคืออะไร?
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือหัวของคนค่ะ.. มีเส้นผมยาวๆ ที่ใบหน้าดูบอบช้ำ ดวงตาบวมแดง ลิ้นแลบยาวชวนน่าขนลุกที่สุด..!!
พอเห็นเท่านั้นแหละค่ะ เราตะโกนบอกพ่อว่าให้ขับรถกลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ โดยไม่ยอมหันหน้ากลับไปมองข้างหลังอีกเลย
เมื่อขี่รถไปถึงบ้าน แม่เลยถามว่าเป็นอะไรมาท่าทางเหมือนหนีผีมางั้นแหละ.. “ใช่เลยแม่พวกเราหนีผีมา น่ากลัวซะด้วย”.. พ่อร้องบอกแม่ สรุปว่าคืนนั้นทั้งคืนเรานอนไม่หลับเลยค่ะ นึกถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
พอรุ่งเช้า..เรารวบรวมความกล้าเข้าไปถามน้าชายที่เป็นเพื่อนพ่อ รวมถึงเล่าเรื่องราวที่ไปเจอมาเมื่อคืนให้เขาฟัง เผื่อว่าน้าชายน่าจะรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับที่ตรงนั้นและผีผู้หญิงที่เราเจอเมื่อคืน
สรุปก็เป็นจริงค่ะ..เมื่อน้าชายเล่าให้ฟังว่า สงสัยผู้หญิงที่เจอนั้นจะเป็นนักศึกษา ที่เคยถูกข่มขืนและฆ่าตายในป่าหลังต้นหูกวางแน่ๆ..เพราะหลังจากเกิดเหตุและชาวบ้านไปพบศพนั้น คนเขาก็เจอวิญญาณของหญิงสาวผู้นั้นมาปรากฏกายให้เห็นอยู่บ่อยหน
คาดกันว่า เธอคงยังไม่ไปไหนหรอก เพราะยังจับคนร้ายไม่ได้.. ก่อนหน้านี้เคยกระทั่งญาติๆของผู้ตายได้ไปนิมนต์พระให้มาเชิญวิญญาณไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมไปสักที ซ้ำยังเที่ยวหลอกผู้คนยามค่ำคืนอยู่แบบนั้น..!!
เราฟังก็ขนลุกซู่ไปหมดเลยค่ะ ใจนึงก็กลัวแต่อีกใจนึงก็นึกสงสารผู้หญิงคนนั้นที่ถูกคนร้ายฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมแบบนั้น
แต่พอผ่านวันนั้นไปได้อีกประมาณ 3-4 วัน..ก็มีข่าวว่า คนขับวินมอเตอร์ไซค์หน้าท่าน้ำคนนึงเกิดไปโดดน้ำตายที่ท่าน้ำนั่น.!! ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามันจะเกี่ยวกันรึเปล่านะคะ เพราะว่าหลังจากนั้น ก็ไม่เคยมีใครพบเห็นดวงวิญญาณของผู้หญิงนักศึกษาคนนั้นอีกเลยค่ะ…
ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก สยองขวัญวาไรตี้