ผู้โดยสารข้างทาง ขับรถกลางคืนหากคุณเจอใครยืนโบกมือเรียกอยู่ข้างทาง อย่าจอดรับพวกเขาเหล่านั้นเด็ดขาด 

ผู้โดยสารข้างทาง

หากคุณขับรถเดินทางไกลในเวลากลางคืน แล้วเจอใครยืนโบกมือเรียกรถคุณอยู่ศาลาข้างทาง อย่าจอดรับพวกเขาเหล่านั้นเด็ดขาด มิฉะนั้นคุณอาจได้เจอดีเหมือนพนักงานขับรถคนนี้ เรื่องราวของคนขับรถทัวร์สายเหนือ ที่บังเอิญจอดรับหญิงสาวข้างทาง แล้วจอดรับเธอขึ้นมา จนทำให้เขาได้พบเจอกับประสบการณ์สุดหลอน ที่ถูกเล่าบนพอดแคสต์ Joox ของ หลอนศาสตร์  เรื่อง หญิงสาวที่ศาลาต่างจังหวัด เรื่องราวจะหลอนขนาดไหน เราไปอ่านกันเลย…

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ชายคนนี้เขามีอาชีพเป็นคนขับรถทัวร์สายกรุงเทพฯ ขึ้นเหนือ  ในสมัยก่อนถนนหนนทางยังค่อนข้างมืด น่ากลัวและเปลี่ยวมาก ไม่เหมือนกับปัจจุบันที่มีเสาไฟส่องสว่างตลอดทาง

เนื่องจากเส้นทางนี่ระยะไกลค่อนข้างไกล  เที่ยวรถที่เขาขับส่วนใหญ่มักจะออกจากสถานีหมอชิตในช่วงดึกๆ  เพื่อจะให้ไปถึงปลายทางช่วงเช้าพอดี สมัยก่อนเวลาเราขึ้นรถที่หมอชิต บางวันผู้โดยสารจะไม่เต็มที่นั่ง ทำให้คนขับรถใช้โอกาศนี้รับผู้โดยสารระหว่างทางที่ยืนรอรถตามป้อมตำรวจข้างทาง และเก็บเงิน เพื่อรายได้เสริม ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ต้องแบ่งให้บริษัท ซึ่งคืนนั้นก็เป็นอีกคืนที่ผู้โดยสารไม่เต็มเที่ยวรถ มีที่นั่งว่างประมาณ 7-8 ที่นั่ง

พอรถออกเดินทางจาก กทม. เลยอยุธยา ผ่านจังหวัดอ่างทอง กระทั่งมาถึงชัยนาท ระหว่างทางมีผู้โดยสาร 2 คน ยืนรอรถอยู่ตรงป้อมตำรวจทางหลวงข้างทาง เขาก็จอดรถรับผู้โดยสารขึ้นมา กระเป๋ารถก็รู้หน้าที่ เก็บเงินค่าโดยสาร  ผู้โดยสารนั่งที่เสร็จ รถก็ออกเดินทางต่อ 

รถออกเดินทางต่อไปพักหนึ่ง เขาก็มองเห็นไกล ๆ ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกจากศาลามายืนโบกรถ เขาจึงเปิดไฟเลี้ยวเข้าข้างทางเพื่อรับผู้โดยสารคนนี้ 

ทันทีที่รถจอดสนิท ประตูเปิดออก ผู้หญิงคนนั้นก็เดินขึ้นมาบนรถ แต่มันมีสิ่งที่แปลกอยู่อย่างนึงคือ แทนที่เธอจะเดินเข้าไปนั่งที่ว่างด้านใน เธอกลับนั่งลงตรงที่นั่งเด็กรถ ซึ่งอยู่ ๆ ข้างๆคนขับ ติดกับประตูทางขึ้นด้านหน้า เขาจึงถามเธอว่า ทำไมคุณผู้หญิงถึงมานั่งตรงนี้ไหม ทำไมไม่ขึ้นไปนั่งข้างบนเหมือนคนอื่นๆเค้าล่ะ แต่เธอตอบกลับมาว่า

“เดี๋ยวจากตรงนี้ไปอีกประมาณ 5-6 กิโล หนูจะรบกวนให้จอดรับแฟนค่ะ หนูกลัวว่าจะเดินมาบอกไม่ทัน ก็เลยขออนุญาตนั่งตรงนี้แล้วกัน”

เขาได้ยินแบบนั้น  ก็ไม่ได้คิดอะไร ตกปากรับคำ ดีเหมือนกัน ได้ลูกค้าเพิ่มอีกคน ได้ตังเพิ่มด้วย 

เขาขับรถเดินทางต่อได้ไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า…“จอดซอยข้างทาง ข้างหน้าด้วยค่ะ… เดี๋ยวหนูจะขอลงไปตามแฟนที่บ้าน”

เขาจอดรถตรงจุดที่หญิงคนนั้นบอก แต่ก่อนที่เธอจะลงไปเขาก็ได้ย้ำกับเธอว่า… “น้องอย่าไปนานนะ  เดี๋ยวผู้โดยสารท่านอื่นเค้าจะรอนาน”

เธอก็บอกว่า “ได้ค่ะพี่ ไม่นานหรอก แฟนหนูเก็บกระเป๋ารอแล้ว เดี๋ยวเดินเข้าไปตามแปปเดียวก็ออกมาด้วยกันแล้ว…” จากนั้นเธอก็เดินหายเข้าไปในซอยมืดๆพักนึง

ด้วยความที่เขากลัวผู้โดยสารคนอื่นจะสงสัยว่าทำไมเขาจอดรถ หรือรออะไร เขาและเด็กรถจึงทำฟอร์มบอกผู้โดยสารว่า จะขอลงไปตรวจรถ เช็คลมยาง  นู่น นี่ นั่น แปปนึง ขับต่อไปมันจะไม่ปลอดภัย

เขารอผู้หญิงคนนั้นอยู่ประมาณ 5-6 นาที เธอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา จนเริ่มรู้สึกสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือป่าว  จึงได้บอกกับเด็กรถว่า “เธอเป็นอะไรหรือป่าว เข้าไปตามเธอหน่อยซิ หากเดินไปเจอบ้านคนก็ให้ลองตะโกนถามดูละกัน”  เด็กรถก็บอกว่า…

“พี่…ตอนนี้มันตี 2 แล้วนะ เดินไปเรียกแบบนี้มันจะไม่ดีเหรอ?”

“ฮื่ยยยย ไม่เป็นอะไรหรอก เอ็งลองไปเรียกดูเถอะ ในซอยคงมีบ้านคนกี่หลังหรอก”

ระหว่างนั้นเขาก็ทำทีเดินตรวจเช็คสภาพรถไปเรื่อย ๆ กระทั่งผ่านไปไม่ถึง 5 นาที เด็กรถก็เดินกลับมา แล้วบอกว่า

“พี่.. ผมเดินไปไกลมาก ไม่เห็นจะมีบ้านคนสักหลังเลยพี่ !”

“หึย!! มันจะเป็นไปได้ยังไง เองก็เห็นอยู่ว่าเค้าเดินเข้าไปในซอยนี้ จะหายไปได้อย่าไง ” 

“ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ลองเดินเข้าไปดูสิ””

“จะบ้าเหรอ จะไปได้ไง ถ้าไปกันหมดแล้วผู้โดยสารคนอื่นๆ ล่ะ รถหายหรือเกิดอุบัติเหตุจะทำยังไง?”

“ไม่เชื่อ พี่ลองขับรถเข้าไปดูมั้ย”

“เอางี้ละกัน พี่จะทำทีถอยรถมาแล้วก็หันหัวเข้าไปในซอย แล้วก็เปิดไฟสูงเพื่อดูว่าบ้านคนมันอยู่ตรงไหน  เผื่อว่าเธอเดินกลับมาเราจะได้เห็น” 

พอหันหัวรถเข้าไปในซอย ้ปืดไฟสูงสาดไฟเข้าไป มันเป็นทางลูกรัง แล้วสองข้างทางเป็นป่ากกขึ้นสูงรกทั้งซอยเลย เด็กรถมันเลยรีบบอก

“เนี่ยพี่ เห็นมั้ย? ไม่มีบ้านคนสักหลัง ผมเดินเข้าไปมันไม่มีอะไรเลย ”

“ในซอยมันมีอาจจะซอยแยกอีกหรือเปล่า ลองเดินเข้าไปดูซิ”

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเถียงกันอยู่  เขาทั้งสองก็เห็นร่างของผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินฝ่าความมืดกลับมา  พร้อมกับลากอะไรบางอย่างมาด้วย เขาเลยบอกเด็กรถว่า

“นั้นไง มาแล้ว เขาถืออะไรมาด้วยหรือเปล่า ไปช่วยเค้าถือหน่อยซิ จะได้ไว ๆ จอดรอตรงนี้นานมากแล้ว จะได้เดินทางต่อซะที”

เด็กรถก็รีบวิ่งไปเลย วิ่งๆๆๆไป  พอวิ่งไปถึงตรงผู้หญิงคนนั้น จู่ ๆ เด็กรถก็วิ่งกลับออกจากซอยหน้าตาตื่น พร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น “พี่ๆๆๆ ขึ้นรถๆๆ” แล้วขึ้นรถไป เขาก็ถามว่า “จะรีบขึ้นรถไปไหน เค้ากำลังเดินมาแล้ว รอแปปนึง” แต่เด็กรถมันก็คยั้นคยอให้เขาขึ้นมาบนรถ และถอยรถออกจากตรงนั้นอย่างเดียว แต่เขาไม่ขึ้นไป เด็กรถก็เลยจัดการ ถอยรถเองซะเลย แล้วเรียกให้เขาขึ้นรถ

เขาก็งงว่าเด็กรถมันเป็นอะไร ถามอะไรไป มันก็พูดอยู่อย่างเดียวว่า “ขึ้นรถเร็วพี่ ขึ้นรถๆๆๆๆ ” จังหวะนั้นเขาเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังจะมาถึงรถแล้ว ก็เลยเดินเข้าไปช่วย ระหว่างเดินไปเขาก็เอ๋ยปากถามเธอไปด้วยว่า “อ้าว ทำไมเดินมาคนเดียวล่ะ แฟนอยู่ไหน?’ จนเขาเดินไปถึงเธอ เท่านั้นแหละ เขาถึงกับร้องลั่นเลย

“ผีหลอก! ผีหลอก! ผีหลอกกกกกกก!”

เขารีบวิ่งกลับมาที่รถทันที เด็กรถก็ตะโกนเรียก “พี่เร็ว! ขึ้นรถเร็ว!” พอเขาขึ้นรถได้ก็กระโดนนั่งขับรถแทนที่เด็กรถ แล้วขับออกจากตรงนั้นทันที เขาพูดกับเด็กรถว่า

“ทำไม…มึง…ไม่บอกกุ?”

“ผมบอกมึงแล้วไงพี่ ว่าให้ขึ้นรถ มึงไม่ฟังผม”

“แล้วมึงเห็นอย่างนั้น ทำไมมึงไม่บอกกูเลยล่ะว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คน !”

“ผมก็บอกแล้วไงว่าให้มึงถอยรถ”

พอรวบรวมสติได้เขาก็ถามเด็กรถว่า “มึงว่า ไอ้สิ่งที่เราเห็นเมื่อกี้เนี่ย มันของจริงใช่มั้ยวะ” 

เด็กรถบอก “จริงแน่นอนพี่ เพราะดึก ๆ ดื่น ๆ ตี 2 ตี 3 คนบ้าอะไรจะมาลากโลงศพออกมาจากซอย”

เด็กรถเล่าต่ออีกว่า “แล้วในโลงยังมีร่างผู้ชายนอนอยู่ เขานั่งขึ้นมาพนมมือเหมือนถูกมัดตราสัง แถมยังหันมาพูดกับผมด้วยว่า “พี่..ช่วยไปส่งผมศาลาหน้าด้วย..” ”

เขาก็บอกว่า “ขนาดนั้นเลยหรอวะ โชคดีนะที่กูเห็นแค่โลง ไม่งั้นคงช็อกตายอยู่ตรงนั้นไปแล้ว”

จนเขาขับรถเลยไปกำลังจะเข้านครสวรรค์ ตรงนั้นจะมีป้อมตำรวจทางหลวง มีคนโบกรถ และมีผู้โดยสารบางคนจะลงไปเข้าห้องน้ำ เขากับเด็กรถก็เลยไปลงสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “พี่ ไอ้ตรงนี้ หลักกิโลเท่านี้ๆ เนี่ย ระหว่างตรงเนี่ย ๆ มันเคยมีเรื่องอะไรหรือเปล่าว่าพี่? ตำรวจก็บอก อื้มม คับคล้ายคับคลา แล้วก็เล่าให้ฟังว่า

“เมื่อสักเดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมา มีผู้หญิงมารอแฟนอยู่ที่ศาลานี้ แล้วโชคร้ายถูกกลุ่มวัยรุ่นต่างอำเภอ เมามาจากไหนไม่รู้ ลากผู้หญิงไปรุมโทรฺม แต่จังหวะแฟนขับรถตามมาเห็นพอดี เลยมีเหตุทะเลาะวิวาทกัน สุดท้ายทั้งผู้ชายและผู้หญิงถูกฆ่าแล้วหมกศพไว้ที่ศาลารถ แต่ศาลาไหนไม่รู้ จำไม่ได้ กว่าจะเจอศพก็ 3-4 วันแล้ว..”

พอเขากับเด็กรถได้ยินเท่านั้นล่ะ ถึงกับมองหน้ากันทันที ชัดเจน!! กูว่าใช่ หลังจากนั้นมา เขาก็ไม่รับผู้โดยสารตามศาลารอรถอีกเลย จะรับแต่จากป้อมตำรวจทางหลวงเท่านั้น…

จบกันไปแล้วกับเรื่อง หญิงสาวที่ศาลาต่างจังหวัด หลอนเอาเรื่องเหมือนกันนะ ส่วนตัวแอดมินก็เป็นคนต่างจังหวัดเหมือนกัน เวลาขี้มอเตอร์ไซด์กลับบ้านตอนกลางคืน แล้วต้องขับผ่านศาลาที่อยู่ข้างทางมืด บอกเลยว่า มันช่างชวนให้จินตนาการว่ากำลังมีใครกำลังนั่งจ้องเราจากในศาลา ต้องรีบบิดคันเร่งอย่างไว ไม่กล้าหันไปมองแม้แต่กระจกข้างเลยครับ 

ขอบคุณเรื่องจาก Joox หลอนศาสตร์ เรื่อง ศาลาหลอนต่างจังหวัด  

บทความ Rewrite : ห้ามนำไปเล่าลง Youtube 

Previous articleปอบยายทอง ระวังดีๆเด้อหมู่เจ้า ข่อยสิมาหลอยกินตับหมู่เจ้าจักมื่ออยู่
Next articleคืนปีใหม่…สยองขวัญ