เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่ง แถวย่านบางนา เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา คุณต้นทำอาชีพเป็นช่างติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องครัว มีอยู่เคสหนึ่ง ที่คุณต้นต้องไปติดตั้งให้กับบ้านฝรั่งในย่านบางนา
ชุดติดตั้งจะมีทั้งหมด 3 คน มีหัวหน้า คุณต้น และคนขับรถ ไปถึงหมู่บ้านแห่งนี้ประมาณเก้าโมงเช้า แต่ต้องทำการแรกบัตรที่ป้อมรปภ.ก่อน รปภ.ก็ได้ถามว่า “บ้านเลขที่อะไรครับ” หัวหน้าก็ตอบว่า “บ้านเลขที่ …”
รปภ.แสดงอาการตกใจเล็กน้อย แล้วถามออกมาเบาๆว่า “พี่ ห้อยพระอะไรเหรอ” หัวหน้าและคุณต้นหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง คิดในใจว่าทำไมรปภ.ต้องถามอะไรแบบนี้ แล้วรปภ.ก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “ตรงเข้าไปนะครับ เลี้ยวซ้าย พอถึงซอย…ให้ตรงเข้าไปอีก แล้วเลี้ยวขวา”
พวกคุณต้นจึงขับไปตามทางเรื่อยๆ จนไปถึงบ้านของลูกค้า ลักษณะเป็นบ้านทรงฝรั่ง มีสามชั้น หลังจากลงจากรถ คุณต้นก็สังเกตเห็นความผิดปกติของหัวหน้า คือหัวหน้ายืนแหงนหน้ามองขึ้นไปบนบ้าน เหมือนกำลังจ้องอะไรสักอย่าง แต่เมื่อคุณต้นลองมองขึ้นไปดู ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร
แล้วหัวหน้าก็พูดขึ้นว่า “ปะ รีบขนของเข้าไปข้างใน แล้วทำงานให้เสร็จดีกว่า จะได้รีบๆกลับ” ซึ่งคุณต้นก็คิดว่า นี่ก็เป็นอาการผิดปกติของหัวหน้าอย่างหนึ่ง เพราะทุกครั้งเวลาออกไปทำงานข้างนอก หัวหน้าจะไม่พูดอะไรในทำนองนี้ จึงช่วยกันขนของเข้าไปข้างใน
เปิดประตูบ้านเข้าไป โซนหน้าจะเป็นห้องรับแขก บันไดจะอยู่กลางบ้าน โซนขวาจะเป็นห้องครัวเปิดโล่ง ถัดจากห้องครัวจะเป็นห้องน้ำ ตกแต่งสีโทนทึบทั้งหมด ทั้งๆที่ภายนอกก็ใช้สีขาวปกติ ดูรวมๆแล้วเหมือนเป็นบ้านเก่าที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ มีกลิ่นอับเหมือนกลิ่นของธูปหอม ลอยฟุ้งกระจายทั่วบ้าน ทำให้รู้สึกขนลุกแปลกๆ
ในขณะที่คุณต้นกำลังแกะอุปกรณ์ออกมาประกอบ จู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง เหมือนมีคนคอยจ้องอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆที่ภายในบ้านมีกันอยู่แค่สามคน แต่ความรู้สึกมันเหมือนกับว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย
ทุกคนช่วยกันทำงานไปได้สักพัก ในจังหวะที่คุณต้นยกเอาประตูตู้สแตนเลสขึ้นมาประกอบ ปรากฏว่าเห็นเงาสะท้อนจากในประตูตู้สแตนเลส เห็นเป็นเงาดำๆ ค่อยๆเดินลงมาจากบันไดทางด้านหลัง
คุณต้นตกใจรีบหันกลับไปดู แต่ก็ไม่พบอะไร เห็นเพียงแค่บันไดวางเปล่า ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกๆ แต่คุณต้นก็พยารปภ.ไม่คิดอะไรมาก รีบทำงานให้เสร็จ แต่หางตาเจ้ากรรมมันกลับเหลือบไปเห็นเงาดำๆลักษณะเดิม ยืนอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ
คุณต้นสะดุ้งตกใจอีกครั้ง รีบหันไปมองทันที ปรากฏว่าเป็นรูปปั้นผู้หญิงฝรั่งแขนกุด ยืนก้มหน้า ตั้งอยู่ข้างๆประตูห้องน้ำ คุณต้นเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคงจะฟุ้งซ่านคิดมากเกินไป จึงเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ
แต่ในจังหวะที่เดินเข้าไปใกล้รูปปั้นหน้าห้องน้ำ คุณต้นกลับรู้สึกเย็นวาบ จนขนลุกตั้งไปทั้งตัว ความกลัวในอะไรบางอย่างมันผุดขึ้นในตัวเรื่อยๆ โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ คุณต้นค่อยๆก้าวผ่านรูปปั้นเข้าไปในห้องน้ำ โดยพยารปภ.บังคับไม่ให้หางตามองไปที่รูปปั้น
หลังจากที่ล้างหน้าเสร็จ คุณต้นก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่พบหัวหน้ากับคนขับรถ ทั้งๆที่เมื่อสักครู่ ยังนั่งทำงานกันอยู่ในบ้าน จึงเดินไปที่หน้าประตูบ้าน ก็เห็นว่าหัวหน้ายืนอยู่นอกประตูรั้วบ้าน แล้วหันหน้ามองเข้ามาในบ้าน เหมือนกำลังจ้องอะไรสักอย่างที่อยู่ในบ้าน ส่วนขนขับขึ้นไปนั่งอยู่ในรถแล้ว
ด้วยความปลกใจ คุณต้นจึงพูดว่า “อ่าวพี่ ออกไปกันทำไมเนี่ย ยังไม่เสร็จเลย” หัวหน้าตอบว่า “เอ็งเข้าไปจัดการให้เสร็จละกัน พี่ขอดูดบุหรี่ก่อน” คุณต้นจึงจำเป็นต้องเข้าไปทำงานต่อให้เสร็จ
จนมาถึงขั้นตอนสุดท้าย คุณต้นไล่เอาแอลกอฮอล์เช็ดสแตนเลสต่างๆ เพื่อให้มันใสสะอาด ในระหว่างที่กำลังนั่งเช็ดประตูตู้สแตนเลสอยู่ ปรากฏว่าเห็นเงาสะท้อนขของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในประตูตู้สแตนเลส เขายืนอยู่ด้านหลัง กำลังโน้มตัวเอาหัวลงมาอยู่ข้างๆคุณต้น
ลักษณะเป็นผู้ชายตัวอ้วนๆ ไม่มีผม ไม่มีแขน ลูกกะตาเห็นเป็นสีดำๆ แม้ว่าจะมองไม่เห็นลูกกะตา แต่คุณต้นรู้สึกได้เลยว่าสิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง กำลังจ้องมองคุณต้นอยู่ ในระยะที่เรียกว่าเผาขนได้เลย
คุณต้นสะดุ้งสุดตัว หันหลังควับทันที แต่ก็ไม่พบอะไร เห็นเพียงแค่บันไดวนขึ้นไปชั้นบน คุณต้นรู้สึกกลัวจนนั่งไม่ติดพื้น คิดในใจว่าหรือนี่จะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้หัวหน้าและคนขับรถหนีออกไปอยู่ข้างนอกกันหมด
คุณต้นไม่รอช้า รีบเก็บงานให้เร็วที่สุด แล้วรีบเก็บของออกไปนอกบ้าน ช่วงนั้นเวลาประมาณเที่ยงๆ ทุกคนจึงรีบขึ้นรถถ ขับออกไปจากบ้าน จนไปถึงป้อมรปภ.
ด้วยความสงสัย คุณต้นจึงถามกับรปภ.ว่า “พี่ ผมถามจริงๆเถอะ ที่ถามพวกผมว่าห้อยพระอะไรเนี่ย มันมีอะไรหรือเปล่า” รปภ.ตอบกลับมาว่า “คงจะเจอกันแล้วสิ” คุณต้นคะยั้นคะยอถามรปภ.ว่า “เล่าให้ฟังหน่อยเถอะ ผมอยากรู้มากเลย”
รปภ.เล่าว่า แต่ก่อนบ้านหลังนั้นมันเป็นบ้านของคนไทย แต่สามีตาย เพราะโดยขโมยเอาไม้ทุบเข้าที่หัว ตายอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ ภรรยาจึงไปคบกับฝรั่ง แล้วทำการตกแต่งบ้านใหม่ทั้งหมด เพื่อที่จะขาย เพราะสามีฝรั่งบอกกับผู้เป็นภรรยาว่าอยู่ไม่ได้
โดยให้เหตุผลว่า กลางดึกของทุกคืน จะได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ชั้นล่าง พอเดินลงไปดู ปรากฏว่าเห็นรูปปั้นค่อยๆเคลื่อนตัวกลับไปยืนอยู่ที่หน้าห้องน้ำตามเดิม เหมือนกับว่าเมื่อครู่ มันเพื่งจะเดินไปเดินมาภายในบ้าน และเวลาที่เผลอหลับในช่วงกลางวัน จะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกครั้ง และในช่วงที่กำลังสะดุ้งตื่น จะเห็นเป็นผู้ชายร่างท้วมๆ เดินขึ้นบันไดไปข้างบน เป็นแบบนี้ทุกครั้งจนอยู่ไม่ได้
จากนั้น หัวหน้ามาเล่าให้ฟังทีหลังว่า ตอนที่ไปถึงบ้านหลังนั้นช่วงแรกๆ หัวหน้าได้มองขึ้นไปบนชั้นสาม บนห้องชั้นสามจะมีหน้าต่างบานใหญ่ๆ ปรากฏว่าหัวหน้าเห็นผู้ชายยืนเอาเท้าเหยียบเพดาน ห้อยหัวลงมามองหน้า และตอนที่ล้วงมือเข้าไปใต้ซิงค์วางของ อยู่ๆก็มีคนจับมือแล้วดึงเข้าไป จนหัวหน้าตกใจ รีบสะบัดมือออก แล้วเดินออกจากบ้านทันที
ส่วนคนขับรถเล่าว่า ตอนที่กำลังนั่งต่อสายยางซิงค์ล้างจาน หางตาเห็นเหมือนผู้ชาย นั่งมองอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ แล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอเดินไปดูก็ไม่พบใคร….
สรุป บ้านหลังที่คุณต้นและพวกเข้าไปทำงานนั้น แต่เดิมเคยเป็นบ้านของสามีภรรยาคนไทยมาก่อน จนกระทั่งวันหนึ่ง มีโจรบุกขึ้นบ้าน และคงบังเอิญเจอเข้ากับสามีของเจ้าของบ้านพอดี โจรเลยจัดการทุบหัวจนเสียชีวิต ส่วนภรรยาคงไม่อยู่บ้านพอดี เลยรอดมาได้
หลังจากที่สามีเสียชีวิตไป ภรรยาก็ได้มีสามีใหม่เป็นชาวต่างชาติ แต่พอสามีใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านได้ไม่นาน ก็เจอเหตุการณ์ แปลก ๆ เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้มากมายหลายครั้ง แต่เหตุการณ์ที่หนักที่สุดคือ เขานอนหลับอยู่ชั้นล่างของบ้านแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมา เห็นเป็นผู้ชายร่างท้วมๆ เดินขึ้นบันไดไปข้างบน ทั้ง ๆ ที่ ณ ช่วงเวลานั้น เขาอยู่บ้านคนเดียว
เหตุการณ์หนักขึ้นทุกวันจนเขาทนอยู่ไม่ได้ จึงบอกให้ภรรยาขายบ้านหลังนี้เสีย ก่อยทำการประกาศขาย ภรรยาจึงได้ทำการรีโนเวทบ้านบ้านหลังนี้ใหม่ และได้ติดต่อให้พวกคุณต้นมาติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ใหม่
คงจะด้วยคราวเคราะห์คราวซวย หรือโชคชะตานำมา ทำให้พวกคุณต้นต้องเจอกับผีสามีเก่าของเจ้าของบ้านหลังนี้นั่นเอง….