Home คลังหลอน ไผคือปอบ ไผน่ะ!! มานั่งเลียเขียงอยู่ตรงนั้น

ไผคือปอบ ไผน่ะ!! มานั่งเลียเขียงอยู่ตรงนั้น

ไผคือปอบ ไผน่ะ!! มานั่งเลียเขียงอยู่ตรงนั้น

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ คุณมร สมาชิกกลุ่ม กฎแห่งกรรม และ เรื่องวิญญาณ เธอได้เล่าถึงประสบการณ์หลอน ๆ บางอย่างที่ได้ประสบพบเจอด้วยตัวเองเมื่อสมัยวัยเด็ก ซึ่งจนทุกวันนี้เธอเองก็สงสัยว่าสิ่งที่เทอเห็นนั้น มันคืออะไรกันแน่…เรามาหาอ่านไปพร้อมกันดีกว่า

เรื่องนี้มันเกิดขึ้นตอน มร อายุประมาณ 12/13ปี สมัยนั้น หมู่บ้านที่ครอบครัวมรอาศัยอยู่ยังอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้นาๆพรรณทั้งสัตว์ป่าก็มีพรานล่ามาขายอยู่เนืองๆค่ะ

ตอนนั้นมรเป็นเด็กจะอาศัยอยู่กับยายและน้องๆ 3 คน พ่อแม่และน้าชายจะเข้าไปทำไร่ข้าวโพดอีกหมู่บ้านนึงค่ะ

ยายนั้นทำอาชีพเสริมคือ ทอเสี่ยกก ขายราคาก็อยู่ที่ 4 ผืน 100 บาท โดยยายจะทอกับ ยายทุม เพื่อนซี้คู่หูแกค่ะ รักกันมาก ยาย 2 คนนี้มีอะไรก็ช่วยเหลือแบ่งปันกันตลอด และยายทุมก็เป็นใจดีมากๆ แกรักและเอ็นดูมรมาก มักจะให้ขนม ให้ของกินต่างๆมรบ่อยๆ

ช่วงนั้นที่แห่งนี้จะร่ำลือกันว่ามี ผีปอบ ประจำหมู่บ้าน มีอยู่ 3 คนที่ชาวบ้านสงสัยคือ

1..ตาทอง

2…ยายปิ่น

3…ยายกุล

ตาทอง นั้นลือว่าแกเป็นปอบเพราะแกมีวิชา กำปั้นหนักหมื่น แต่แกเผลอไปชกเพื่อนสนิทเข้าโดยไม่ตั้งใจเพราะเมา และโดนท้าว่าถ้ามีวิชาจริงๆตามที่คุยก็ลองชกกูดูสิ ถ้าไม่เห็นกับตากูก็ไม่เชื่อ 

ทีแรกแกก็ไม่อยากทำหรอกค่ะ แต่เพราะฤทธิ์เหล้าบวกกับคำดูถูก แกชกแค่ครั้งเดียวเพื่อนแกก็สลบเห็นลือว่าเลือดทะลักออกปากออกทวารทั้ง 6 เสียชีวิตคาที่เลย ตั้งแต่นั้นมาชีวิตตาทองก็เปลี่ยนไป พร้อมข่าวลือว่าแกกลายเป็นปอบตั้งแต่นั้นมาค่ะ

ยายปิ่น  นั้นชาวบ้านลือว่าแกเรียนวิชา หอยใหญ่  แต่แกแอบไปเล่นชู้กับสามีชาวบ้านเลยผิดของทำให้กลายเป็นปอบ แต่ปอบยังไม่แก่เท่าปอบตาทองกับปอบยายกุล เพราะเพิ่งเป็น 

ค่ำๆถ้าผ่านหน้าบ้านยายปิ่น บ่อยครั้งมรจะได้ยินเสียงแกด่าผัวแกที่ทำงานไม่ได้ดั่งใจแก แกตะด่าสารพัด แต่ผัวแกก็ยังรักแกและไม่เคยเถียงเมียซักคำ และไม่ให้เมียทำงานอะไร ให้อยู่แต่บ้าน 

ผัวแกเป็นคนขยันหนักเอาเบาสู้ เอาใจเมียสารพัด แต่เมียก็ยังก่นด่าบรรพรุษเช้าเย็น 3 เวลาหลังอาหาร หรือจะเป็นด้วยเหตุที่ว่าผัวแกรักและตามใจมากแบบนี้ ทำให้ชาวบ้านอิจฉาเลยใส่ความว่าแกเป็นปอบ มรก็ไม่อาจทราบได้ค่ะ

ส่วนยายกุลนั้น ลือว่าแกเป็นปอบเพราะแกเป็นคน รำผีฟ้า สมัยก่อนคนอิสานเวลาคนที่มีเจ็บป่วยหาสาเหตุไม่ได้หรือป่วยเรื้อรัง ญาติผู้ป่วยนิยมจ้างคนทรงผีฟ้ามารำ เพื่อแก้หรือขับไล่สิ่งไม่ดีออกจากตัวคนไข้ 

ชาวบ้านลือว่าเพราะแกเรียกค่าครูมากเกินไปทำให้กลายเป็นปอบ เพราะวิชารำผีฟ้า คือวิชาช่วยคนไม่มีสินจ้างรางวัล คนที่เป็นร่างทรงผีฟ้าคือคนที่อุทิศตนเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ทำนองว่าเป็นร่างให้ผีฟ้ามาทรงเพื่อช่วยเหลือมนุษย์นั่นแหละค่ะ แต่แกโลภหากินบนความเดือดร้อนของคน แกผิดผีทำให้กลายเป็นปอบชาวบ้านลือแบบนั้นค่ะ

เมื่อเป็นแบบนี้บ่อยครั้งเวลาโพล้เพล้วันดีคืนดีก็จะมีเสียงเอะอะโวยวายของชาวบ้านว่า  “ปอบ เข้าคนโน้นคนนี้ประจำค่ะ”

ครั้งนึงยายวิ่งกระหึดกระหอบมาบอกมรว่า “ปอบเข้าคน ยายจะไปดูเขาไล่ปอบ มึงอยู่บ้านดูแลน้องอย่าตามมา ยายไปไม่นานก็กลับมา อยู่นี่แหละ ว่าเสร็จยายก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามชาวบ้านคนอื่นๆไปยังบ้านคนที่สงสัยว่าโดนผีปอบเข้าสิงค่ะ

ด้วยความสงสัยว่า ปอบเข้า มันเป็นยังไงเพราะได้ยินหลายครั้งแล้ว จึงแอบตามยายไปดู ก็เห็นชาวบ้านกำลังมุงดู หมอธรรม ประจำหมู่บ้านกำลังทำพิธีไล่ปอบ  โดยการใช้แส้ตี มือก็ถือขันน้ำมนต์สวดอะไรพัมพำๆๆ พร้อมกับถามว่า “มึงเป็นใครมาจากไหนจะออกไปดีๆ หรือจะให้กูมัดทรมานมึงไว้แบบนี้” 

แต่ทำไงปอบก็ไม่ออก หมอธรรมก็ให้คนตำพริกแดงๆเป็นถ้วยมากรอกปากคนที่สงสัยปอบเข้า ก็ยังมีอาการปอบเข้า  หมอธรรมก็สั่งให้เอาคางคกตัวเป็นๆมายัดปากก็ไม่ออก เล่นเอาหมอธรรมเหงื่อแตกพลั่กๆๆ

ซักพักมีลุงคนนึงเดินมาสมทบ ลุงคนนี้ร่างกายสูงใหญ่หน้าตาน่ากลัว จะด้วยความโมโหหรืออะไรไม่ทราบได้ แกได้พูดด้วยเสียงดังฟังชัดว่า  มึงจะออกไม่ออกไม่ออกกูจะเอา ค…. ยัดปากมึง  พร้อมกับเดินไปตรงหน้าคนที่ปอบเข้า แล้วแกก็ถอดกางเกงลง

ได้ผลแหะ 555 คนที่ว่าปอบเข้าร้องเสียงดัง กูออกแล้วๆๆๆๆ พริกเป็นถ้วยไม่กลัว  มากลัวกล้วยลุงคนนั้น 555 

หลังจากแอบไปดูเขาไล่ปอบ  พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นยาย แต่ยายก็ไม่ดุว่าอะไร ยายเพียงบอกว่า”ไปๆกลับบ้านเรา ทีนี้รู้แล้ววันหลังก็อย่าอีกนะ” ยายคงรู้ว่านิสัยมรคืออยากรู้อยากเห็น ห้ามก็คงไม่ฟังค่ะ

ตอนนั้นถ้ามรเป็นไข้ไม่สบาย ยายจะขู่ว่า ให้รีบกินข้าวกินยาหายไวๆถ้าปอบมันผ่านมามันจะเข้ามาแทรกได้ 

มรน่ะไม่ได้กลัวปอบหรอกค่ะ แต่กลัวว่าถ้าปอบเข้า มร  แล้วยายจะไปเรียกลุงคนนั้นมา  ปอกกล้วย ให้ชิม โอ๊ยแค่คิดก็สยดสยอง

ชีวิตก็ดำเนินมาเรื่อยๆค่ะ ปอบก็เข้าคนนั้นคนนี้บ่อยๆค่ะ แต่มรก็ไม่ได้ไปดูหรอก ไปแค่ครั้งเดียวแค่นั้น

จนกระทั่งวันนึงหน้าหนาวใกล้ปีใหม่ ตอนนั้นพ่อแม่น้า ได้ออกมาจากไร่ในดงแล้วค่ะ น้าตอนนั้นอายุประมาณ 23 แกเป็นคนขยัน หัวค่ำแกจะไปหา  ไต้ปลา  ไต้ปลาก็คือส่องปลาตอนกลางคืนนั้นแหละค่ะ วิธีการก็คือ ใช้ตะเกียงแก๊ส  สุ่ม ข้อง  หาส่องปลาตามริมตลิ่งตามลำห้วยค่ะ ตอนกลางคืนปลาจะมาลอยน้ำตื้นค่ะ

น้าจะออกจากบ้านประมาณทุ่มนึง กลับมาประมาณ ตี1 เป็นประจำค่ะ ปลาที่หามาได้นั้นจะมีสารพัดปลา บางตัวก็สด บางตัวน้าก็ใช้มีดแหลมฟันเอาค่ะ

สมัยนั้นที่บ้านยังไม่มีตู้เย็น ถ้าน้ากลับมาแกจะเรียกมรมา  คัวปลา หรือขอดเกล็ดควักไส้ปลาที่โดนมีดฟันนั้นแหละค่ะ เพราะถ้าปล่อยไว้จนเช้าปลาพวกนี้ก็จะเน่าทำกับข้าวไม่อร่อยค่ะ

น้าปลุก มร แค่ครั้งเดียวก็ลุกมาทำไม่เคยอิดออดค่ะ ตัวเป็นก็ขังไว้ตัวตายก็ขอดเกล็ดควักไส้ใส่เกลือรอทำกับข้าวเช้านี้ค่ะ

ทุกครั้งก็ไม่เคยมีมีปัญหาอะไร แต่วันนั้นมรก็ลุกทำปลาตามปรกติ พอทำเสร็จยังไม่ได้ล้างเขียงล้างมีดให้เรียบร้อย ก็เกิดปวดท้องกะทันหันสงสัย ตำกล้วยมื้อบ่ายทำพิษ มรเลยจำใจไปปล่อยทุกข์ กะว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาล้างเก็บให้เรียบร้อยค่อยเข้านอนค่ะ

แต่พอ มร กลับจากปลดปล่อยทุกข์ จะมาล้างเขียงเก็บ ปรากฏว่าตรงนั้นได้มี คน กำลังยกเขียงที่มรทำปลานั้น เลีย เสียงดัง สวบๆ อย่างเอร็ดอร่อย มรเองตอนนั้นก็ไม่ได้คิดกลัวอะไร มีเพียงรู้สึกสงสัยว่าใครมาเลียเขียงแบบนั้นเขาหิวมาจากไหน ถ้าหิวทำไมไม่บอกมร จะได้หาข้าวปลาให้กิน

มรยืนอยู่ข้างหลังเลยถามขึ้นว่า “ไผน่ะ”  พอคนๆนั้นหันหน้ามาทางมร คุณพระช่วยมันคือ ตาทองนั้นเอง!! แล้วแกมาเลียเขียงทำไมหรือแกไม่ได้กินข้าว แกหิวข้าวหรือ พอแกหันมาเห็นมรแกก็ตกใจทำเขียงหล่นจากมือ 

ต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นครัวบ้านมรไม่ได้อยู่บนบ้าน คือเป็นครัวแบบบ้านๆอยู่กับพื้นดินค่ะ ตรงตุ่มน้ำที่ทำปลาก็จะมืดๆหน่อย มรใช้ไฟโคมใส่หัวส่องทำปลาค่ะ

พอตาทองเห็นมร แกตกใจมาก แกรีบวิ่งกลับบ้านแก ซึ่งรั้วแกติดกันกับบ้านมรค่ะ

ด้วยความสงสัย มรเลยขึ้นไปบนบ้านและปลุกยาย เล่าให้ยายฟังว่าตาทองมาเลียเขียงที่มรทำปลา ยายตกใจมาก และไล่ไปมรนอน ส่วนเขียงก็ปล่อยมันไว้แบบนั้นล่ะ พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน

พอตอนเช้ายายใช้ให้มรก่อไฟ ยายได้โยนเขียงกับมีดลงในเตาถ่านที่แดงๆ

ข่าวลือเรื่องตาทองเลียเขียงสะพัดไปทั่วหมู่บ้านจากปากต่อปาก ตาทองไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนเลยค่ะ ปรกติแกก็ไม่ค่อยออกไปไหนหรอกค่ะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน มรก็ไม่รุ้ว่าแกกินอยู่ยังไง

ตอนนั้นมรก็คิดสงสารแกเหมือนกันค่ะ แต่ก็มรเห็นจริงๆ และไม่ได้คิดอะไรมากแค่แปลกใจว่าแกเลียเขียงทำไม ซึ่งคนปรกติเขาไม่ทำกัน เลยบอกยาย ก็ไม่คิดว่าคนจะลือต่างๆนาๆค่ะ

หลังจากนั้นไม่นานพ่อแม่ก็พา มร ย้ายมาอยู่อีก อ. นึง ที่นี่ไม่มีปอบค่ะ แต่ต่อมาก็มีข่าวลือว่ามีคนเอา ห่าก้อม มาปล่อย 

นั้นล่ะค่ะ จนทุกวันนี้มรก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรตาทองแกหิว หรือว่าแกเป็นปอบกันแน่ค่ะ แต่แกก็อายุยืนมากเลยนะคะ แม้จะมีแต่หนังหุ้มกระดูกแต่แกก็ยืนยงคงกระพันไม่ยอมตายค่ะ….จบแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ

Cr. คุณสมร นระสิงห์  กฎแห่งกรรม และ เรื่องวิญญาณ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here