ผีมารับสังฆทานกับคุณป้านิภา

ผีมารับสังฆทาน

วันนี้ผมขอเล่านิทานเรื่องผีให้ฟังนะครับ ฟังเล่น ๆ ฟังสนุก ๆ อย่าถือสาเป็นเรื่องจริงจัง เอาเป็นว่าถ้าอยากเชื่อก็เชื่อ ไม่อยากเชื่อก็ให้มันผ่านไปครับ 

เรื่องนี้คุณป้านิภาท่านเล่าให้ผมฟังเพราะผมดันไปเห็นรูป รูปหนึ่งในหนังสือที่ชื่อว่า “ก่อนตะวันจะลับฟ้า” ของท่าน มีคำอธิบายว่าเป็นรูปถ่ายที่ถ่ายติดวิญญาน เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะยาวเข้าเรื่องเลยดีกว่า

เรื่องของเรื่องคือ มีตระกูลเศรษฐีกาญจนบุรีตระกูลหนึ่ง ทุกคนในครอบครัวชอบทำบุญ ทำทาน และศรัทธาคุณป้านิภามาก และมักจะมาฝึกนั่งสมาธิกับป้านิภาที่จุฬามณีเสมอ ๆ 

วันหนึ่งผู้เป็นแม่ชื่อว่า “นางดี” ก็ปรับทุกข์กับคุณป้า ขอร้องให้ช่วย เนื่องจากตัวเธอนั้น ลูก ๆ ทุกคนเป็นคนดี นับถือและเคารพศาสนาด้วยความจริงใจ ยกเว้นลูกชายคนโต ชื่อว่า “นายซ้ง” ซึ่งเป็นคนที่ไม่นับถือศาสนา แถมยังด่าว่าแม่และพี่น้อง ด่าว่าพระสงฆ์และศาสนาว่าเป็นพวกถ่วงความเจริญ ไม่ทำงานทำการเอาแต่ขอเขากิน คนทำบุญนะโง่ เขาไม่ทำหรอกบุญนะ

นางดีขอให้คุณป้าช่วยดูดวงนายซ้งให้ที ช่วยโน้มน้าวจิตใจให้นายซ้งมาเป็นคนที่เคารพศาสนาด้วย โดยนางดีจะเป็นผู้ออกค่าบูชาครู (ดูหมอต้องมีค่าครู) ให้เอง คุณป้าสงสารก็เลยตอบตกลง

หลังจากนั้นนางดีก็หาทางให้ลูกชายมาส่งที่จุฬามณีเพื่อให้พบกับคุณป้านิภา คุณป้านิภาก็ออกอุบายเข้าไปทักทายนายซ้ง ชมเชยว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ขับรถพาแม่ไปที่ที่แม่ต้องการ และคุณป้าก็ขอดูมือของนายซ้ง เมื่อจับมือแล้ว คุณป้าก็ทราบด้วยณานทัษณะว่านายซ้งชะตาขาด จะต้องฆ่าตัวตายในเร็ววันนี้

คุณป้าก็เลยทักไปว่าอย่าคิดฆ่าตัวตายนะ มันจะตายจริง ให้ทำบุญต่อชะตาเสีย ฝ่ายนายซ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็โกรธมาก บอกว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ตัวเขาจะฆ่าตัวตาย ในเมื่อเขารวยและมีความสุขดี จะมาหลอกให้เขาทำบุญนะ ไม่มีทาง เสร็จแล้วก็ผลุนผลันจากไป

ตัวนายซ้งเองก็มีลูกชาย ชื่อว่า “นายเก่ง” ซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ วันหนึ่งนายเก่งกลับมาบ้านที่กาญจนบุรี และแจ้งให้นายซ้งทราบว่าไม่มีสิทธิสอบ นายซ้งโกรธมากและได้ทะเลาะกับนายเก่งอย่างรุนแรง จนนายเก่งหุนหันออกจากบ้านไป นายซ้งทุกข์ใจมากประกอบกับน้อยใจในตัวลูกชายจึงยิงตัวตายทันที

น้องชายนายซ้งชื่อ “นายทศ” รู้ว่าพี่ชายฆ่าตัวตายก็รีบรุดไปที่บ้านพี่ชาย เมื่อไปถึงแล้วนายทศก็รีบตรงไปที่ศพ และถุยน้ำลายใส่ไปที่ศพ และพูดว่า ไหนว่ามึงเก่ง มึงจะไม่ฆ่าตัวตาย มึงมากะกูไปหาป้านิภาด้วยกัน และนายทศก็รีบขับรถไปหาป้านิภาที่จุฬามณีทันที

เมื่อถึงจุฬามณีก็เป็นเวลาหลัง 5 โมงเย็นแล้ว ปกติป้านิภาไม่รับแขกหลัง 5 โมงเย็น ท่านก็เห็นนายทศขับรถมากับผู้ชายอีกคน นายทศรีบลงมาจากรถ มากราบป้าและแจ้งให้ทราบว่าเมื่อสักครู่นี้ “นายซ้ง” ได้ฆ่าตัวตายแล้ว

คุณป้านิภาท่านเลยทราบในทันทีว่าผู้ชายอีกคนที่อยู่ในรถและไม่ยอมลงมาคือ “นายซ้ง” คุณป้านิภาก็เลยบอกว่า นายซ้ง ตอนนี้อยู่ที่นี่แล้ว นั่งอยู่ในรถ

นายทศก็ตกใจหน้าซีดบอกว่าตนเองเป็นคนเรียกให้นายซ้ง ตามมาหาคุณป้านิภาด้วยกัน และขอให้คุณป้านิภาช่วยพี่ชายด้วย เพราะปกติคนฆ่าตัวตาย ถ้าไม่ตกนรกก็ต้องเป็นสัมภเวสี คุณป้านิภาก็เลยให้ตามทุกคนในบ้านมาทำสังฆทานที่จุฬามณีทันที

ระหว่างที่คุณป้านิภานำถวายสังฆทาน ป้านิภาได้เห็นนายซ้งมายืนรอรับส่วนกุศล คุณป้านิภาจึงได้บอกกับบรรดาญาติของนายซ้งว่านายซ้งอยู่ทีนี่แล้ว มารอรับสังฆทานที่จะถวายนี้ 

ลูกชายนายซ้ง “นายเก่ง” ก็ได้ถ่ายรูปทันที เมื่อล้างรูปออกมาก็ปรากฎเป็นเงาราง ๆ มีร่างของนายซ้งอยู่ในรูปด้วย ซึ่งทางญาติได้นำรูปมามอบให้คุณป้านิภาในภายหลัง ผมได้นำรูปมาให้ทุกท่านดูเพื่อยืนยันด้วยครับ

เป็นไงครับนิทานสนุกไหม นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 1. วิญญานมีจริง ตายแล้วไม่สูญ 2. สังฆทานเวียนแบบหลวงพ่อฤๅษีฯ มีผลจริง วิญญานรับได้จริง 3. มโนมยิธิเป็นของจริง ผู้รู้จริงผู้ทรงฌานจริงมีจริง

เมื่ออ่านมาจนถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่าแล้ว ป้านิภา คือใคร ทำไมถึงมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ ถ้าอย่างงั้นอย่าเสียเวลา เราไปอ่านประวัติความเป็นมาของ ป้านิภา แบบกันเลยยดีกว่า…

ในแวดวงนักปฏิบัติธรรม ชื่อของ คุณแม่นิภา คงสุข นักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแนว “มโนมยิทธิ” สายหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ดูจะเป็นบุคคลหนึ่ง ที่บรรดาสานุศิษย์ผู้ปฏิบัติกรรมฐานสายนี้พูดถึงอยู่เสมอ 

คุณแม่นิภาเป็นศิษย์เอกคนหนึ่งของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และเป็นผู้ถ่ายทอดแนวทางกรรมฐาน “มโนมยิทธิ” จนมีลูกศิษย์ลูกหาเต็มเมืองทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันท่านได้ก่อตั้ง “จุฬามณีสถานปฏิบัติธรรม” ขึ้นที่ จ.กาญจนบุรี และที่หมู่บ้านสิวลี รังสิต โดยเปิดสอน “มโนมยิทธิ” สำหรับผู้ที่สนใจ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

ผู้เขียนได้พบ “คุณแม่นิภา คงสุข” เมื่อต้นเดือนธันวาคม ปี 47 วันนั้นท่านมาเป็นวิทยากรบรรยายในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิต และท่านก็ได้ให้หนังสือธรรมะ ซึ่งเป็นประสบการณ์ทางจิตที่ได้จากการปฏิบัติแนว “มโนมยิทธิ” จนเกิดอภิญญา เห็นดวงวิญญาณ ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เห็นภาพนิมิตที่เป็นอดีตและอนาคต เรื่องราวต่าง ๆ ในหนังสือจำนวนหลายเล่มที่ท่านมอบให้ ผู้เขียนได้รับอนุญาตให้นำบางเรื่องราวมาลงเผยแพร่ ดังนี้…

ก่อนพบทางสายธรรม 

ช่วงชีวิตของ คุณแม่นิภา คงสุข ก่อนที่จะมาพบทางสายธรรม คุณแม่เป็นชาวอำเภอปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ท่านเป็นพี่สาวคนโตในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน ก่อนค้นพบเส้นทางธรรม ท่านก็มีชีวิตเป็นปกติ คือแต่งงานมีครอบครัว มีบุตรธิดา ประกอบธุรกิจร้านอาหารที่ จ.อุตรดิตถ์ ชีวิตในเวลานั้นท่านพบทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป ยังไม่รู้จักความสุขสงบแท้จริงในทางสายธรรม 

จนกระทั่งอายุราว 48 ปี ท่านก็ได้หนังสือประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค มาเล่มหนึ่ง เมื่อเปิดอ่านแล้วก็รู้สึกเลื่อมใสศรัทธาเหลือเกิน จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณแม่นิภา หันมาปฏิบัติและศึกษาธรรมอย่างจริงจัง

และก็เป็นธรรมดาที่ผู้ปฏิบัติทางจิตในแนวทางสายใดก็ตาม มักพบเห็นและสัมผัสเรื่องราวอันมหัศจรรย์ได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้มีภูมิธรรมขั้นสูง เช่น คุณแม่นิภา คงสุข ที่มักพบเห็นดวงวิญญาณมากมาย และมักมีนิมิตมาเตือนล่วงหน้า อย่างเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรด ที่สหรัฐฯจะถล่ม ท่านก็รู้ล่วงหน้าว่าจะต้องเกิดเช่นกันในหนังสือของ คุณแม่นิภา คงสุข มีเรื่องราวซึ่งเป็น “กฎแห่งกรรม” ที่น่าสนใจ อย่างเรื่องนี้

ตัดไม้

เมื่อป้ายังอายุ 14 ปี เดินทางพักแรม เจอคนแก่อายุ 70 ปีกว่า ๆ ปากท่านเป็นเนื้องอก พูดไม่ชัด เนื้องอกในปากเต็มไปหมด ป้าก็ถามว่า “ก๋งเป็นอะไร” ท่านก็พูดว่า “เออ…เอ็งถามก็ดี จะได้เล่าให้ใคร ๆ ฟังว่าการตัดต้นไม้นั้นไม่ดี อย่าเอาอย่างก๋ง” 

ท่านก็เล่าว่าท่านมีคุณปู่ของท่านเป็นคนรวยมาก มีที่ดินมาก แต่มีต้นไทรใหญ่อยู่ในที่ดินกินเนื้อที่ 4 ไร่ ท่านจึงสั่งตัดโค่นไทรนั้น ขณะสั่งตัดก็มีคนงานตายอยู่เสมอ ท่านก็ไปเอาหมอผีมาสะกด เจอคนงานโค่น การโค่น สมัยก่อนไม่มีเลื่อยอย่างสมัยนี้ ต้องใช้ขวานสับทีละปึก ๆ สรุปคือ คนตายมากมาย 

ไทรต้นนี้จะมีนกอาศัยมากหลายชนิด ก่อนโค่นวันพระ 14-15 ค่ำ จะมีเสียงดนตรี มโหรี ดีด สี ตี เป่า แต่ตอนโค่นจะมีเสียงสาปแช่งทุกคืนยามดึกสงัด ทั้งที่คนตายกันมากมาย ปู่ของก๋งก็ยังพยายามจะเอาชนะผีเทวดา คือเพียงขอให้โค่นเท่านั้น 

แต่พอต้นไทรเริ่มล้มลง ก็มีเสียงร้องระงมเซ็งแซ่ พร้อมเสียงสาปแช่งปะปนเสียงร้อง คือท่านเล่าว่า สาปแช่งให้เป็นง่อย 7 ชั่วโคตร ท่านเล่าว่าจากนั้นมาตัวก๋งเองและลูกหลานสืบๆกันมาจนถึงทุกวันนี้ 

พอเริ่มเป็นสาวอายุ 15 ปี จะสวย พอย่าง 16 ปี ก็เริ่มเนื้อที่ง่ามมือระหว่างนิ้วหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ยุบลง ปากเริ่มเบี้ยว ตาจะเหล่ข้างหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มหมดความสวยงามจนเรียกว่าเป็นง่อย 

ตอนป้าอายุ 14 เขาปลูกไทรแทนไว้ 5 ปี ป้ายังไปดูไทรนั้นเลย แต่เมื่อ พ.ศ. 31 ป้าพบเพื่อนรุ่นอายุ 14 นั้นอีกครั้ง ถามถึงต้นไทรที่ปลูกแทน เขาบอกว่าไฟไหม้ตายหมดแล้ว แต่ความเป็นไปก็ยังรับกันอยู่ นี่คือผลของการตัดไม้ 

มีคนมากมายที่มีอันเป็นไปจากการตัดไม้ทำลายป่า รุกขเทวดานั้นมีจริง ที่เกเรก็มี เพราะป้าถามรุกขเทวดา หมายถึง เทวดาบนต้นไม้ ท่านจะตอบว่าที่ท่านไม่ลงโทษผู้ตัดไม้ทำลายวิมานของท่านเพราะท่านทรงพรหมวิหาร 4

พุทธคุณช่วยฝรั่ง

ที่อเมริกา วอชิงตัน DC. มีฝรั่งคนหนึ่งเขามีเพื่อนเป็นคนไทยทำงานอยู่สถานทูต เขาได้มาให้ดูหมอโดยมี คุณสุนทร ทั่งจันท์แดง เป็นล่ามให้ พอฉันจับมือสัมผัส ก็เห็นภาพว่าฝรั่งคนนี้ตาจะบอด เพราะเห็นเขาเคยตกปลา เบ็ดไปเกี่ยวตาปลา และเขายังทรมานปลา โดยจับปลาได้ก็บั้ง ๆ ตัวปลา แล้วก็ปล่อยปลาไปโดยมีเลือดแดงฉานในน้ำ 

เขาตกใจและรีบเข้าไปถอดตาปลอมมาให้คุณสุนทรดูว่า เขาถูกควักตาไปข้างหนึ่ง และหมอก็ยังบอกว่าอาจต้องควักอีกข้าง เขาก็ถามว่าจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ก็บอกเขาว่าต้องมีศีล 5 และมานั่งสมาธิ เขาบอกว่าถ้าไม่ต้องควักตาอีกข้างเขาจะยอมทุกอย่าง เพราะที่พูดมา เขาทำอย่างนั้นจริง ๆ 

เขามีเรือให้เช่าตกปลา 3 ลำในแม่น้ำ ถ้าเขาจะขายจะดีไหม? ก็บอกว่าดี เขาก็พาเราไปดูเรือของเขาที่ลำน้ำ เรือเขาสวยน่านั่ง มีห้องนอน ห้องกินอาหาร จากนั้นเขาก็มาเป็นสมาชิกปฏิบัติธรรมในยามที่ฉันไปอเมริกา เขาจะต้องมาปฏิบัติมโนมยิทธิ

เขาได้มโนมยิทธิ สามารถเห็นยายเขามาหาเขา จากนั้นเมื่อฉันไปทีไร เขาจะมาหา พูดไทยได้บ้าง ก่อนจะกลับ เขาจะหาอัญมณีมาให้ เช่น สร้อยข้อมือ แหวนโอปอ จี้แขวนสร้อยมีพลอยโอปอผสมหยกมาให้ทุกปี และเลี้ยงส่งตั้งแต่ปี 39 

จนถึงทุกวันนี้ ตาเขาไม่ต้องควัก ก็เหลือตาไว้ข้างเดียว อีกข้างตาปลอมดูไม่รู้ ถ้าเขาไม่ควักมาให้ดู นี่แหละคือวิชามโนมยิทธิช่วยเขาได้ มีศีล 5 ภาวนา และเดี๋ยวนี้เขาเลิกตกปลา ขายเรือ อยู่คอนโดฯชุด สบาย 

ชาติไหน ภาษาไหนพระพุทธเจ้าโปรดได้หมด พระองค์ถือว่าสัตว์โลกที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ขอเพียงอย่าเป็นผู้คลั่งศาสนาก็พอ พระศาสนามีไว้เพื่อเคารพบูชาความดี ไม่ใช่มีไว้ให้บ้าคลั่ง จะพังทลาย

เหตุที่สมาทานขอให้รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า โดยมิต้องกำหนดจิตรู้ได้จริง เช่น เมื่อพ.ศ. 2537 ฉันรู้ว่าเวิลด์เทรดจะถล่ม รู้ล่วงหน้าตั้งเก้าปีเชียวนะ…

ขอบคุณเรื่องราวจากหนังสือ คุณแม่นิภา คงสุข ผู้สอนกรรมฐาน

โดย คุณสายทิพย์

ที่มา นิตยสารหญิงไทย​

ขอบคุณแหล่งที่มา เว็บบอร์ดพลังจิต 

Previous articleสามสาวปริศนา
Next articleไผคือปอบ ไผน่ะ!! มานั่งเลียเขียงอยู่ตรงนั้น