ย้อนกลับไป 16 ปีก่อนที่จังหวัดตาก เรามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อ โอลีฟ ค่ะ เรารู้จักกันตั้งแต่จำความได้เลย สนิทกันมากเพราะแม่เราเป็นเพื่อนกัน จนเราเรียนถึงชั้น ป.5 มีอยู่วันหนึ่ง พวกเราเลิกเรียนแล้วก็เดินแยกย้ายไปบ้านใครบ้านมัน เราถามโอลีฟว่า “วันนี้จะมาหาเราไหม” มันก็บอกว่า “ยังไม่รู้ พี่ชายให้ไปเยี่ยมยายที่โรงพยาบาล เพราะยายเข้าโรงพยาบาลมาได้ 2-3 วันแล้ว แต่ถ้าแวะไปหาแกได้จะไปหานะ..” สุดท้ายเย็นนั้นโอลีฟมันก็ไม่ได้มาเที่ยวหาเราค่ะ
ช่วงนั้น F4 ไต้หวันนี่กำลังฉายวันแรกเลย แล้วมันมาตอนดึก เราก็ดูจนจบค่ะ กว่าจะจบก็ประมาณตี 1 แล้ว ที่บ้านเราเลี้ยงหมาไว้ 2 ตัว อยู่ๆ หมาเรามันก็เห่า เห่าแล้ววิ่งไปตามแนวรั้วจนถึงหน้าประตูรั้วบ้าน เห่าจนเรารำคาญ เราเลยเปิดหน้าต่างตรงหัวนอนตะโกนด่าหมาให้มันเงียบ
แต่ตอนเราเปิดหน้าต่างออกไป เราเห็นผู้หญิงกับผู้ชายกำลังจูงมือกันเดินไปทางวัด พอดีว่าวันนั้นเสาไฟฟ้าตรงหน้าบ้านเราก็ดับพอดี เลยเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่เห็นเดินตรงไปทางวัดที่ห่างจากบ้านเราไปแค่ 200 เมตร เราก็คิดว่าเป็นคนพม่า เพราะแถวบ้านเราพม่ากระเหรี่ยงเยอะค่ะ เลยปิดหน้าต่างแล้วเข้านอน
จนประมาณตี 5 แม่เรามาเคาะประตูห้องเรียกเรา เราก็เดินงัวเงียออกมา แม่บอกกับเราว่า “โอลีฟกับพี่ชายเค้าน่ะตายแล้วนะ รถบรรทุกชนเมื่อคืนตอน 2 ทุ่ม ตอนกลับจากไปเยี่ยมยายที่โรงพยาบาล..”
เราได้ยินแบบนั้นถึงกับช็อคเลยค่ะ ตัวชา หน้าชา ทำอะไรไม่ถูก นึกถึงเมื่อคืนที่หมาเห่า มันเห่าอะไรกันแน่? แล้วที่เราเปิดหน้าต่างไปเจอนั่นใช่คนหรือเปล่า? หรือว่าเป็นโอลีฟกับพี่ชายกันแน่?
ตอนเช้าเพื่อนๆ ทั้งชั้นเราก็ไปช่วยงานศพที่วัดกัน ปกติแถวบ้านเราเขาจะเอาศพไว้ที่บ้าน แต่โอลีฟมันไม่มีใครเหลือแล้วค่ะ แม่เพิ่งเสียไปได้ 2-3 ปี ตาก็เสีย ยายก็เข้าโรงพยาบาล ส่วนพ่อก็ติดคุก มีพี่ชายคนโตอีกคนก็อยู่กรุงเทพฯ ยังไม่ได้กลับมา
ตอนเราไปดูสภาพศพคือน่าสงสารมากเลยค่ะ เค้าว่าโดนรถบรรทุกแบบพุ่งข้ามเลนถนนมาชนจนคอหักตายคาที่เลย และตรงข้อเท้าก็โดนเหล็กเสียบเป็นรูใหญ่อีกด้วย ส่วนพี่ชายอาการสาหัส ไปเสียที่โรงพยาบาล ที่งานศพเค้าก็หารูปปัจจุบันของโอลีฟเพื่อจะไว้ตั้งหน้าศพ แต่บ้านมันยากจน ไม่มีรูป ครูเลยต้องไปหารูปกลุ่มที่มีโอลีฟ แล้วตัดเอาไปอัดขยายมาเป็นรูปตั้งหน้าศพ รู้สึกสงสารมาก
คืนแรกหลังจากที่ไปช่วยงาน ตอนเดินกลับบ้าน พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งเดินกลับด้วยกัน พอพ้นประตูวัด เราได้ยินเสียงคนเดินตามหลังมาด้วย ทั้งๆ ที่เราเดินกันมาแค่ 2 คน แต่เสียงที่เดินมันมีมากกว่านั้น..
เรารีบเดินกันจนถึงบ้านเรา แล้วอย่างที่บอกค่ะว่า ช่วงนั้นไฟหน้าบ้านเสียพอดีด้วย ถึงตรงนั้นเรารู้สึกเย็นท้ายทอยมากๆ มันขนลุกไปหมด บอกไม่ถูกจริงๆ เสียงเดินนั้นตามเราจนเราเดินเข้าบ้านไป เราเลยพูดลอยๆ ออกไปว่า
“เราถึงบ้านแล้วนะ ขอบคุณที่มาส่งกัน แต่ไม่ต้องมาให้เราเห็นล่ะ เรากลัวผี..”
ส่วนเพื่อนเราอีกคนก็ต้องให้แม่มารับกลับจากบ้านเรา เพราะมันกลัวเอามากๆ เลยค่ะ.. จากนั้นคืนที่ 2-3 เราต้องให้แม่ไปรับไปส่งที่วัด ส่วนเพื่อนเราคนนั้นพอสวดอภิธรรมเสร็จก็กลับแล้วค่ะ ไม่กล้าอยู่จนดึก
หลังจากเสร็จงานศพไปแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ เราก็ได้ไปเยี่ยมยายของโอลีฟที่โรงพยาบาล คือแกยังไม่ทราบเรื่องนะคะว่าหลานเสียไปแล้ว 2 คน ทุกคนไม่มีใครกล้าบอกเพราะกลัวแกจะช็อคค่ะ
เราเดินเข้าไปหายาย แกก็จับมือเรา แกบอกเราว่า “เนี่ย เมื่อวานโอลีฟมันมาหายาย มันเอารูปมาอวด ใส่ชุดนักเรียนสวยเลยล่ะ..” เรานี่ขนลุกเลยค่ะ เพราะเรารู้ว่ามันตายแล้ว จะมาได้ยังไงกัน..
ยายแกก็พูดของแกต่อไปว่า โอลีฟมันก็มาเยี่ยมยายบ่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่รู้ไปไหน ไม่เห็นมา 2-3 วันแล้ว.. เราก็นั่งเงียบฟังแกเล่าไป ขนลุกไปค่ะ.. จนสุดท้ายยายแกมารู้เรื่องเพราะพี่ชายคนโตกลับมา มาบอกความจริง เพราะยายแกเอาแต่ถามหาหลานๆ ว่าทำไมไม่มาหาเลย ..
แต่จากนั้นอีกไม่กี่เดือนยายแกก็เสียค่ะ แล้วพี่คนโตของโอลีฟก็นึกยังไงไม่รู้ ไปหาร่างทรง ร่างทรงเค้าก็บอกมาว่า “บ้านที่อยู่ปัจจุบันเนี่ยไม่ดีเลยนะ ไม่ดีเอามากๆ ใครอยู่ก็ตาย ไม่มีรอดหรอก”
คือบ้านหลังเก่าที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก พ่อโอลีฟเอาไปจำนองค่ะ แล้วสุดท้ายถูกยึด เลยต้องย้ายมาอยู่บ้านหลังปัจจุบัน เพิ่งย้ายมาได้ไม่กี่ปีเท่านั้นเอง ก็คือหลังที่ร่างทรงบอกว่าไม่ดี เพราะหลังจากที่ย้ายมา ก็ตายไล่เรียงกันมาเลยค่ะ ตั้งแต่แม่ ต่อมาเป็นตา จากนั้นเป็นโอลีฟกับพี่ชายคนกลาง และตามมาด้วยยาย ส่วนพี่ชายคนโตอยู่กรุงเทพฯ ตลอด
พ่อพอโดนยึดบ้านก็มีเรื่องแล้วถูกจับ ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้เลยไม่เป็นอะไร มันก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออยู่เหมือนกัน แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ.. ปัจจุบันบ้านหลังนี้ถูกรื้อทิ้งไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
12 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นวันครบรอบวันตาย 16 ปีของโอลีฟเพื่อนเรา ยังรักและคิดถึงเพื่อนเสมอ จะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป.. RIP
Cr. thehouse.online คุณลุลา