กฎที่ต้องปฎิบัติ เมื่อหลงทางในป่าและมาเจอห้างพรานแห่งนี้

กฎที่ต้องปฎิบัติ

ที่อยู่ตรงหน้าผมตอนที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือ ห้างไม้ไผ่ที่ถูกติดตั้งไว้บนต้นไม้ มีบันไดลิงให้ไต่ขึ้น หากคุณนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงหนัง หรือง่ายกว่านั้น ลองนึกถึงมุกในการ์ตูนขายหัวเราะที่เกี่ยวกับเสือสมิง หลังจากที่ผมเดินหาทางออกจากป่านี้ทั้งวัน ผมมาเดินทางไกลในกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ แต่ผมดันเดินผิดทาง จนพลัดหลงจากกลุ่มมาเจอห้างต้นไม้แห่งนี้ และตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้ว ผมจึงจะพักที่นี่ก่อน แล้วค่อยเดินหาทางออกต่อพรุ่งนี้เช้า

ว่าแล้วผมก็ได้ปีนขึ้นบันไดลิงขึ้นไปข้างบน แม้จะเป็นเพียงไม้ไผ่ แต่ผมรู้ได้เลยว่ามันแข็งแรงมาก มันจะไม่หักลงไปแน่ๆ ด้านบนนั้น มีทั้งมีดพร้าห้อยเอาไว้ตรงต้นไม้ และยังมีไฟฉายให้อีกด้วย ผมรู้สึกโอเคมากๆ เพราะผมไม่ได้เตรียมไฟฉายมา แถมมือถือ ก็ถูกริบตามกฎค่ายลูกเสือ 

ผมลองเช็คไฟฉายและมีดดู แล้วก็ได้เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นนึง แปะเอาไว้ข้างๆมีดอยู่ ตอนขึ้นมาผมไม่ทันเห็นเลยแฮะ ว่าแล้วผมก็หยิบมาลองอ่านดู กระดาษมันเก่ามากๆจนหมึกมันจางจนอ่านแทบไม่ได้แต่ก็ยังอ่านได้ และพบว่ามันคือกฎ! แบบในเรื่องสยองขวัญ Rules Of Horror ที่ผมเคยอ่าน มันถูกเขียนไว้ว่า “กฎเพื่อความปลอดภัย ในยามค่ำคืน”

“ถึงผู้ที่อ่านกฎใบนี้ เราขอเดาว่า คุณคงหลงป่าจนมาเจอห้างต้นไม้แห่งนี้ และหากตอนนี้กำลังจะมืดแล้ว ขอให้คุณอย่าได้ไปไหนต่อจากนี้อีกเด็ดขาด และอย่าได้ตั้งคำถาม เกี่ยวกับคนที่สร้างห้างพรานแห่งนี้ขึ้น เราขอบอกคุณไว้ตรงนี้เลยว่า ระแวกนี้ไม่มีหมู่บ้าน หรือที่พักอาศัยของชาวบ้าน จงจำไว้ว่า เมื่อตะวันตกดิน ที่นี่ จะปลอดภัยกว่าด้านล่างแน่ๆ ขอให้คุณ ทำตามกฎใบนี้ และอย่าได้ทำอะไรผิดพลาดเพราะไม่อย่างงั้น คุณอาจจะไม่มีตัวตน อีกต่อไป หรือตัวตนของคุณ อาจจะไม่ใช่ของคุณ ไปตลอดการ 

เรามีไฟฉายและมีดให้คุณและหวังว่า มันจะมีประโยชน์กับคุณอย่างมาก เราไม่มีถ่านสำรองสำหรับไฟฉายให้ ขอให้คุณ ใช้มันให้ประหยัดที่สุด หากคุณไม่ได้มีอุปกรณ์ให้เเสงไฟอันอื่นมาด้วย

กฎข้อที่ 0 ขอเริ่มเกี่ยวกับการดูเวลา คุณสามารถใช้อุปกรณ์บอกเวลาได้ทุกชนิด เวลาจะเดินตามปกติ   แต่หากคุณไม่มีอุปกรณ์ที่ใช้บอกเวลาติดตัว มันยากกว่าแน่ๆ แต่คุณก็ยังมีโอกาศรอด แค่คุณต้องคำนวณเวลาให้ดีเพื่อรับมือเหตุการณ์ตามเวลาที่กำหนดไว้ คุณจะใช้ตำแหน่งของดวงจันทร์ช่วยคุณก็ได้

ข้อ 4 เวลา 3 ทุ่ม เราขอให้คุณ นอนลงซักพัก แต่อย่าได้หลับ เนื่องจากสาเหตุที่คุณต้องนอนลง เพราะว่ามันจะมีเสียงเหมือนบางอย่าง กำลังเดินเหยียบย่ำใบไม้และเดินตรงมาหาคุณ ให้คุณนอนลงนิ่งๆและเงียบๆเอาไว้ อย่าได้คิดจะลุกขึ้นไปดูเด็ดขาด จงเชื่อเราว่านั่นไม่ใช่คนแน่ๆ หรือใช่ ก็เป็นเพียงร่างเท่านั้น เมื่อสิ่งนั้นมันไม่เห็นคุณ มันจะเดินจากไปเองให้คุณรอจนแน่ชัดว่ามันได้เดินจากไปแล้ว คุณถึงจะลุกขึ้นมาได้

ข้อ 2 เมื่อถึงเวลา 1 ทุ่ม คุณจะได้ยินเสียงบางอย่างกำลังเลื้อยแหวกใบไม้อยู่ด้านล่าง หากคุณเอาบันไดขึ้นแล้วก็ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่หากยัง คุณยังมีเวลาเล็กน้อย รีบดึงมันขึ้นมาซะ

ข้อ 6 เมื่อถึงเวลา 4 ทุ่ม จะมีเทียน 2 เล่ม วางอยู่ทางขอบมุมทั้งซ้ายขวาของห้าง จะมีเทียนอันเดียวเท่านั้น ที่จะให้ผลดีกับคุณ ส่วนอีกอันหนึ่ง คือเทียนสำหรับส่งสัญญานให้บางสิ่งที่ชั่วร้าย เราไม่สามารถระบุลักษณะของเทียนที่แน่ชัดได้ แต่ขอให้คุณสังเกตุสิ่งรอบด้าน และเลือกจุดเทียนที่ถูกต้องให้ได้

ข้อที่ 1 เมื่อตะวันตกดินจนทุกอย่างเข้าสู่ความมืดแล้ว ให้คุณดึงบันไดลิงขึ้นมาเพราะมันไม่รื่นรมย์แน่ หากแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ขึ้นมาเยี่ยมคุณ 

ข้อ 5 ในสถานการณ์เดียวกันกับข้อ 4 ในขณะที่คุณนอนลง ขอให้คุณนอนหงาย คุณจะเจอกับอีกาตัวนึงที่มีตาสีแดงสดเหมือนเลือดกำลังจ้องมาหาคุณอยู่ ขอให้คุณจ้องกลับไปที่ตามัน มันอาจจะบินไปบินมาเพื่อหลอกล่อสายตาคุณ แต่ขอให้อย่าละสายตาไปจากมัน มันจะบินหนีไป พร้อมกับเสียงเท้าของบางสิ่ง

ข้อ 3 เวลาประมาณ 2 ทุ่ม คุณจะรู้สึกว่ากิ่งไม้มันโน้มตัวลง โดยจะเกิดขึ้นด้านใดด้านหนึ่งของต้นไม้ ให้คุณไปหลบอยู่ข้างๆต้นไม้ทางฝั่งตรงข้ามที่กิ่งโน้มลง เราได้ทำที่ยืนเผื่อตรงนั้นไว้แล้ว ให้คุณยืนและเอาหลังพิงต้นไม้ไว้ จากนั้นปิดอุปกรณ์ให้แสงไฟทั้งหมด และอยู่ในความมืด จนกว่ากิ่งไม้ จะโยกและโน้มขึ้น เป็นสัญญานว่า คุณปลอดภัยแล้ว”

คนทำกฎนับเลขไม่เป็นรึไง เนี่ย ข้ามข้อไปมา งงกับมันจริงๆ

ข้อ 7 คุณจะรอดมาถึงข้อนี้ ก็ต่อเมื่อคุณจุดเทียนถูกต้องเท่านั้น ขอให้คุณจุดเทียนทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้น ให้คุณดับไฟด้วยการเป่า และโยนมันลงไปด้านล่างซะ ในช่วงเวลานี้ คุณจะปิดไฟฉายก่อนก็ได้

ข้อ 8 ในช่วงเวลาก่อนถึง 4 ทุ่ม จะมีอยู่ครั้งนึง ที่คุณจะได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังพึมพัมอะไรบางอย่าง ให้คุณใช้ไฟฉาย ส่องไปรอบๆเพื่อหาต้นตอของเสียงนั้น เมื่อคุณเจอตัวมัน ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไร ขอให้คุณปาสิ่งของที่ไม่จำเป็นใส่มัน แต่หากไม่มี ให้คุณใช้มีดพร้า เอื้อมขึ้นไปตัดกิ่งไม้มาใช้ก็ได้ มันจะตกใจและวิ่งหนีไปถ้าคุณปาโดนมัน แต่หากคุณปาไม่โดน มันจะคิดว่าคุณเป็นศัตรูกับมัน และจะวิ่งเข้ามาหาคุณ แม้คุณจะเอาบันไดขึ้นไปแล้วแต่มันจะปีนต้นไม้ขึ้นมา  ขอให้คุณเตรียมของที่จะปามากกว่า 1 ชิ้น เพื่อกันพลาด 

ข้อ 9 ในระหว่าง 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืน คุณอาจจะได้พบกับพรานป่าคนหนึ่งให้คุณสังเกตุลักษณะให้ดี เราได้รวบรวมลักษณะที่ผู้เคยพบเห็นเอาไว้ประมาณว่า พรานป่าคนนี้เป็นผู้ชาย สวมชุดสีน้ำตาล สวมโม่งสีดำ มีมีดพร้าสะพายไว้ที่ด้านหลัง และแขนขวาเขาขาดข้างหนึ่ง หากคุณมั่นใจว่า เขามีลักษณะทำนองนี้ และไม่ได้ทำอะไรที่ผิดมนุษย์ ให้คุณลงไปขอความช่วยเหลือจากเขา เขาจะเดินนำทางคุณออกไปจากป่าแห่งนี้ และเขาก็จะเดินจากไป

ข้อ 10 หากคุณยังเผชิญมาถึงข้อนี้ นั่นหมายความว่า คุณไม่เจอพรานป่า งั้นเราก็ขอให้คุณสู้ต่อไป ก่อนถึงเที่ยงคืนเล็กน้อย คุณจะรู้สึกได้ถึงสายลมยะเยือกพัดผ่านมา ขอให้คุณส่องไฟไปยังทิศทางที่สายลมพัดผ่านและดูเวลาให้ดี

ข้อ 11 ทันทีที่ถึงเที่ยงคืน ค้างคาวตัวใหญ่ผิดธรรมชาติมันใหญ่กว่าค้างคาวปกติ จะบินตรงมาที่คุณ ให้คุณจับมีดพร้าให้มั่น เมื่อมันบินมาจนใกล้ระยะเหวี่ยงมีดของคุณแล้ว ให้คุณฟันเข้าไปให้โดนตาข้างใดข้างหนึ่งของมัน มันจะบินขึ้นข้างบนและหนีไปทันที จงเล็งให้ดีๆ คุณมีโอกาสเหวี่ยงมีดครั้งเดียว และอย่าให้มีดตกหรือค้างอยู่ที่มันเด็ดขาด 

ข้อ 12 เมื่อเข้าสู่ช่วงตี 1 ขาของคุณจะแตะพื้นไม่ได้เด็ดขาด ขอให้คุณใช้มือเกาะที่ต้นไม้และยกขาขึ้น เราได้ทำที่เล็กๆสำหรับเหยียบไว้ให้คุณแล้ว ควันสีดำจะผ่านลอดช่องของไม้ไผ่ที่วางต่อกันอยู่ ขอแค่คุณไม่สัมผัสกับมัน คุณจะปลอดภัย 

ข้อ 13 เมื่อถึงเวลาตี 2 คุณจะอยู่ที่ห้างไม่ได้ แต่คุณก็ลงไปที่พื้นไม่ได้เหมือนกัน ให้คุณหาที่ซ่อน ที่คุณคิดว่าปลอดภัยที่สุด เราขอแนะนำ                  

หมึกมันอ่อนมากๆ จนผมอ่านไม่ออกว่าคำแนะนำคืออะไร แต่ชั่งเถอะ

จะมีบางอย่างบินมาและพุ่งตรงลงมาที่ห้างไม้ไผ่ มันไม่ใช่นกหรือค้างค้าว แต่คุณจะให้มันเจอตัวคุณไม่ได้ จงสัญญากับตัวเองว่าคุณจะไม่ร้องออกมา มันจะหาคุณอยู่ซักพัก จนกว่ามันจะบินหนีไป คุณถึงจะกลับขึ้นมาได้

ข้อ 14 เมื่อเข้าสู่ตี 3 ตอนนี้ ถึงเวลาต้องไปแล้ว ขอให้คุณเก็บข้าวของทุกชิ้นที่คุณพกมาด้วย และสามารถเอาไฟฉาย มีดพร้า และรวมถึงกระดาษกฎ ไปด้วยได้เลย เมื่อคุณเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ให้คุณหย่อนบันไดลิงลงไป และค่อยๆไต่บันไดลงไปช้าๆ ในขณะนี้หากคุณได้ยินเสียงเหมือนมีเสือโคร่งตัวใหญ่ อยู่ข้างหลัง ให้รีบกลับขึ้นไปบนห้าง และปีนต้นไม้ลงไปแทน เราได้ทำที่สำหรับลงให้แล้ว

ข้อ 15 เมื่อคุณลงไปถึงพื้นแล้ว หากคุณยังไม่เจอเสือ คุณสามารถเดินได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะไม่เจอระหว่างทาง หากคุณเจอเสือแล้ว คุณต้องวิ่งสุดชีวิต ให้คุณไปถนนทางตรงข้ามที่บันไดห้อยอยู่ เดินไปไม่ไกลคุณจะพบกับต้นไม้ที่มีสายสิญจน์พันยาวไกลออกไป โดยจะมีสายสิญจน์สามสี พันออกไปสามทาง เราไม่สามารถบอกทางที่ถูกต้องให้คุณได้ แต่ขอบอกให้ว่า คุณต้องจับสังเกตุทุกอย่างที่เกิดกับคุณในค่ำคืนนี้ตั้งแต่แรก เมื่อคุณเลือกถูก ให้คุณ ตามสายสิญจน์ไปเรื่อยๆและอย่าได้หันกลับไปมองหลังเด็ดขาด เส้นทางจะมืดและหญ้าอาจจะรกสูงมากๆ หากคุณไม่มีแสงไฟ และคุณสามารถใช้มีดถางหญ้าได้

ข้อ16 …

ข้อ……

เมื่อคุณอ่านกฎทั้งหมดแล้ว เราขอเตือนคุณไว้ก่อน ว่ากฎทั้งหมด มันจะเกิดขึ้นตามข้อ แต่อาจจะไม่ตรงตามที่เขียนไว้ 100% คุณต้องหมั่นสังเกตุทุกอย่างทุกเหตุการณ์ให้ดี 

หากเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในระหว่างเดินทางตามสายสิญจน์ เช่นเสือมันตามคุณทัน ขอให้คุณทำใจให้แข็ง และใช้มีดตัดมือข้างนึงของคุณ และโยนออกไปให้ไกล นั่นจะช่วยถ่วงเวลาให้คุณได้ และดีกว่าที่คุณจะได้เป็นอาหารของมันทั้งตัว และขอให้คุณ วิ่งสุดชีวิตเพื่อหาทางออก

ทั้งนี้ สามารถใช้วิธีนี้ได้เมื่อคุณเผลอตามพรานตัวปลอมไป แต่ให้คุณวิ่งกลับมาที่ห้างแทน

สุดท้ายนี้เราขออวยพรให้คุณโชคดีและรอดปลอดภัยออกไปจากที่นี่ เมื่อคุณไปถึงจุดทางออก ขอให้คุณทิ้งไฟฉาย มีดพร้า และกระดาษกฎเอาไว้ด้วย”

ดูเหมือนจะมีอีก 2 ข้อ แต่ว่า หมึกมันเลือนลางมากจนผมอ่านไม่ออก เพราะกระดาษมันเก่ามากแล้ว แล้ว 2 ข้อนั้นเขียนว่ายังไงกัน? แต่ชั่งเถอะ ผมสงสัยมากกว่า ว่านักประพันธ์คนไหน มันมาเขียน Rules Of Horror ไว้ที่นี่วะ สนุกมากมั้ยเนี่ยผมบ่นพลางยกนาฬิกาข้อมือมาดู ตอนนี้ใกล้ 1 ทุ่มละแฮะ 

ผมลุกไปดึงบันไดลิงขึ้นมา ไม่ใช่ว่าผมเชื่อกฎหรอก แต่มันพูดถูกเรื่องความปลอดภัยเดี่ยวกับบันไดลิง หลังจากนั้นผมก็ไปนั่งพิงต้นไม้กำลังจะนอนเพื่อเอาแรงไปเดินหาทางออกป่าในวันพรุ่งนี้  เอ๊ะ! ผมสะดุ้งวาปขึ้นมา เมื่อเสียงของบางสิ่งเหมือนงูตัวเบ่อเริ่ม กำลังแหวกหญ้าอยู่ด้านล่าง….

ROH กฎที่ต้องปฎิบัติ เมื่อหลงทางในป่าและมาเจอห้างพรานนี้#Final

ด้วยความสงสัยว่ามีอะไร มันเลื้อยอยู่ด้านล่าง ผมจึงลองชะโงกหน้าลงไปดู แต่สิ่งที่ผมได้เห็น มันกลับไม่ใช่งู แต่ว่า ภาพที่ผมเห็น มันเป็นร่างมนุษย์ที่กำลังใช้มือทั้ง 2 ข้าง ดันตัวเองไปข้างหน้า เพราะว่า ร่างนั้นมันไม่มีขา ขาของมันเหมือนขาดหายไปจนเห็นกระดูกข้างใน ผมสะดุ้งเฮือก! กับสิ่งที่ได้เห็น รอยเลือดของมันลากยาวผ่านใต้ห้างที่ผมอยู่ และหายไปในความมืด มันเป็นภาพที่ดูน่าสยดสยอง เสียงหัวใจเต้นดังลั่น 

ผมนั่งรวบรวมสติซักพัก ก่อนที่จะเอื้อมไปคว้ากระดาษกฎขึ้นมาอ่านดู หากสิ่งที่เลื้อยมาเป็นงู ผมก็คงจะเชื่อได้อยู่หรอก ว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่มันไม่ใช่! จึงพูดไม่ได้ว่านี่มันบังเอิญ ผมชำเลืองดูนาฬิกา ตอนนี้ไกล้จะ 2 ทุ่มแล้ว ไอ้ตัวนั้นมันไม่ได้มาตรงเวลาตามที่กฎบอก ผมจะรอกฎข้อต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่า นี่เป็นของจริง แม้จะเชื่อไปแล้วเกือบ 90% 

และแล้วเมื่อถึง 2 ทุ่ม กิ่งไม้ใหญ่ฝั่งขวาของต้นไม้ มันก็ได้โน้มลงเหมือนมีบางสิ่งที่ตัวใหญ่มากๆเกาะอยู่ ผมรีบไปยืนหลบอยู่หลังต้นไม้อีกฝั่งโดยไม่คิดหันไปมองเลย 

ตรงนั้นมีที่ยืนพอให้ยืนหลบได้ ผมเหงื่อไหลพราก ยืนพิงหลังต้นไม้อย่างสั่นๆ หลังทั้งไอ้ตัวนั้น แถมยังกลัวจะร่วงลงไปอีก แต่กิ่งไม้ก็ได้โยกขึ้นไปสู่สภาพเดิม แปลว่ามันไปแล้ว ผมกลับมานั่งลงด้านหน้า ด้วยสีหน้าที่ซีดลง ตอนนี้ก็พิสูจน์ได้100%แล้ว ว่านี่คือ Rules Of Horror ของจริง ที่ผมกำลังเผชิญอยู่จริงๆ 

แล้วกฎมันไม่เหมือนกับที่ผมเคยอ่าน นี่มันอะไรกัน ยังไม่ทันได้คิดต่อ ก็ได้บินเสียงคนกำลังพึมพัมบางอย่าง เหมือนบทสวดที่ฟังไม่ออก ผมคว้าไฟฉายส่องไปมาอย่างหวาดระแวง จนเจอต้นตอ ภาพที่ผมเห็น คือชายร่างแก่แต่ตัวคล้ายฤาษี นั่งยกมือไหว้และพึมพัมอะไรบางอย่างอยู่ 

ผมคว้ากระเป๋าที่เตรียมมาด้วย เทของทุกอย่างออกมา โชคดีที่ในค่ายมีกิจกรรมที่ให้สะสมก้อนหิน ผมจึงเอาก้อนหินที่เก็บระหว่างเข้าค่ายปาใส่มัน แต่ผมเป็นคนที่ไม่มีความแม่นอยู่ในตัวเลย ปาไปลูกแรก มันจึงพลาด 

เสียงก้อนหินตกลงกระทบกับใบไม้ ทำให้ไอ้ตัวนั้นมันหยุดสวดและหันมาทางผม ดวงตาที่ขาวโพลน ในปากเต็มไปด้วยคราบสีแดง ใบหน้าเส้นเลือดปูนออกมาจนเห็นได้ชัดเต็มไปหมด มันลุกขึ้น และพุ่งตรงมาที่ผม ด้วยความตกใจ ผมคว้าก้อนหินและโยนไปโดยไม่ได้เล็งด้วยซ้ำ 

ตอนนั้นผมไม่เหลือสติอยู่เลย คิดเพียงว่าต้องโยนให้โดนมันเท่านั้น และในที่สุด หินก้อนสุดท้าย ผมปาโดนหัวมันเข้าเต็มๆ มันยืนกำหัวซักพัก และวิ่งหนีไปในความมืด ผมนั่งลงหายใจรุนแรงราวกับคนที่วิ่งในความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นเวลา 5 ชั่วโมง ภาพที่มันวิ่งเข้ามา ติดตาผมมาก ผมคงลืมมันไม่ได้ไปชั่วชีวิต

ขณะที่กำลังนั่งพักไม่ถึง 10 นาที ก็มีเสียงเหยียบใบไม้ค่อยๆไกล้เข้ามา ผมตกใจยกนาฬิกาขึ้นมาดูนี่ 3 ทุ่มเเล้วหรอวะ! ใช่แล้ว ต้องนอนลง ผมรีบนอนหงายมองขึ้นไปบนต้นไม้ และก็ได้เห็นอีกาตัวใหญ่ เกาะอยู่บนต้นไม้ ตาสีแดงก่ำ มันจ้องมาทางผม ผมจำได้ว่าต้องจ้องมันกลับและอย่าละสายตาจากมัน และอยู่ดีๆ มันก็ได้อ้าจะงอยปากขึ้น เผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคม ซ่อนไว้ในปากของมัน เหมือนกับว่าเมื่อไหร่ที่ผมไม่มองมัน ฟันเหล่านั้น มันจะมาอยู่ที่คอของผมแน่ๆ แน่นอนว่าอีกาธรรมดาไม่มีแบบนี้แน่ 

แต่ในที่สุดมันก็บินหนีไปพร้อมกับเสียงคนเดินที่หายไปในความมืด ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นทันใด ไอ้อีกาปีศาจนั่น ทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัว ผมนั่งถอนหายใจอยู่ในความมืด เพราะไม่อยากใช้ไฟฉายเยอะ แต่มันก็ทำให้หวาดระแวงเหลือเกิน

พอถึงเวลา 4 ทุ่ม ตามกฎคือจะมีเทียนปรากฏอยู่ 2 เล่ม ผมคว้าไฟฉายมาส่องดู และมันก็มีอยู่จริงๆ ลักษณะของเทียน 2 เล่มนั้น เป็นเทียนไขสีขาวและเคยถูกจุดไปแล้วทั้งคู่ ต่างกันแค่อันฝั่งซ้ายมีเศษโคลนเปื้อนอยู่ แต่ฝั่งขวาไม่มี ผทเตรียมไฟแช็กขึ้นมาจุด ในกฎไม่มีบอกว่าอันไหนคืออันที่ถูก ผมคิดหนักว่าอันไหนคืออันที่ถูก มือกุมหัวไว้แน่น 

ตามกฎข้อต่อไปเขียนไว้ว่า ให้จุดให้ครบ 5 นาทีและโยนลงไปข้างล่าง ผมจึงฉุดคิดได้ว่า น่าจะเป็นอันฝั่งซ้าย เพราะโยนลงไปข้างล่าง มันต้องเปื้อนโคลน ผมจุดไฟแช็กด้วยมือที่สั่นและเอื้อมตัวไปเพื่อจุดเทียน หากมันผิด ผมคงตายแน่ๆ ความคิดนี้เด้งขึ้นมาในหัว ทำให้ผมไม่มีความกล้าเลย แต่ผมไม่มีเวลาคิดนาน เพราะหากไม่จุด ผมก็อาจจะไม่รอดเหมือนกัน   

เดี๋ยวนะ! ผมลดมือกลับมาและหันไปอีกทางจุดไฟทางขวาแทน เพราะว่า ผมเหลือบไปมองด้านล่างและ มันเต็มไปด้วยใบไม้! แล้วเทียนจะเปื้อนโคลนได้ยังไง! ผมจึงเลือกจุดฝั่งขวาแทน เปลวเทียนสีแดงสดลุกโชนขึ้นมา ผ่านไป 1 นาที 2 นาที 3 นาที ในความมืดที่มีแต่เปลียวเทียน 1 เล่ม กับเสียงหัวใจของผม ที่ดังลั่นไปทั้งป่า ผมแทบจะหันไปรอบตัว 

และในที่สุด เสียงนาฬิกาแจ้งเตือนก็ดังขึ้น ครบ 5 นาทีแล้ว! ผมโน้มตัวไปเป่าเทียนละปัดมันทิ้งทันที และโน้มกลับมาถอนหายใจดังเฮือก ผมจุดถูก! มันเหมือนชีวิตผม แขวนไว้กับเทียนเพียง 2 เล่ม หากผมไม่เหลือบไปมองด้านล่าง ผมคงตายไปแล้ว อย่างที่กฎบอกจริงๆ ว่าต้องสังเกตุทุกอย่างรอบด้าน ผมกลับไปนั่งในความมืด ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำ มีเพียงรอให้เวลาผ่านไปถึงกฎข้อต่อไป  

ผมได้แรงกลับมาบ้างแล้วหลังจากพักหายใจอยู่พักใหญ่ ผมยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ 5 ทุ่มครึ่งแล้ว ในระหว่างนั้น ก็ได้มีเสียงคนเหยียบใบไม้ เดินตรงมาที่ห้างพราน ผมหันลงไปมองก็ได้พบว่า มีชายร่างกำยำในชุดสีน้ำตาล สวมโม่งสีดำ กำลังเดินมา เมื่อเดินมาใกล้ๆ ผมก็เห็นว่า เขาสะพายมีดพร้าไว้ด้านหลังและแขนขวาเขาขาดตามที่กฎบอกไว้ เป๊ะทุกอย่าง 

ผมรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเตรียมจะลงไปเพราะคิดว่ารอดแล้ว เขามายืนรอผมที่หน้าห้างเหมือนรู้ว่าผมกำลังจะลงไป ในระหว่างที่ผมกำลังหย่อนบันไดลิงลงไป ยังไม่ทันถึงพื้น เอ๊ะ! ผมรีบดึงบันไดขึ้นทันที สาเหตุก็เพราะว่า มีดพร้าที่เขาสะพายอยู่ เขาหันด้านจับไปทางขวา ซึ่งมือขวาเขาขาด! นั่นมันผิดนะ! ใจหนึ่งก็คิดว่าเขาอาจจะสะพายผิด แต่ระดับพราน หากเป็นแบบนั้น เขาจะรอดได้ยังไงหากเจอสัตว์ร้าย ว่าแล้วผมจึงตัดสินใจ ดึงบันไดขึ้นและไม่ขอเสี่ยงดีกว่า  

“ไอ้หนุ่ม จะอยู่บนนั้นอีกนานมั้ย” ผมตกใจจนขนลุกวาบไปทั้งตัว ไม่คิดว่าเขาจะถามด้วย เพราะในกฎไม่มีบอกเลย “หลงทางหรอ ลงมาสิ เดี๋ยวพาไปส่งที่ทางออก” 

ผมสั่นไปทั้งตัวค่อยๆหันหน้าไปมองพรานคนนั้น “ม… ไม่เป็นไร…ค…ครับ” ผมตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นเอามากๆ “ก็หลงทางไม่ใช่หรอ ลงมาเถอะน่า” เขาพยายามพูดให้ผมลงไป ผมนิ่งไปซักพักทก่อนตอบกลับไปว่า”ม…ไม่ได้หลงทางครับ…ผ…ผมแค่มาตั้งแคมป์ส่องสัตว์” 

เขานิ่งไปซักพักและถอนหายใจออกมา พร้อมกับหันขึ้นมาตอบผมว่า “ที่นี่ มีสัตว์ที่ไหนกันเล่า นายคงไม่แน่ใจสินะ ว่าชั้นคือตัวจริง” ผมขนลุกซู่อีกครั้ง แสดงว่าเขารู้เรื่องกฎหรอ “ชั้นตัวจริงแน่นอน เชื่อเถอะ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะหนีละนะ ลงมาเถอะ” ผมสับสนว่าผมคิดถูกไหม หรือพรานคนนี้จะเป็นตัวจริงกันนะ เค้าอาจจะพาดมีดผิดด้าน แต่ว่าหากไม่ใช่ ผมลงไปก็คงต้องตาย หรือไม่ก็เสียมือไปข้างนึง 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงขอเชื่อตัวเองดีกว่า “ม…ไม่เป็นไรครับ ผมรู้จักทางออกดี ข…ขอบคุณมากครับ” ผมตอบกลับไป แล้วก็เบือนหน้าหนีเขาทันที ดูท่า เขาจ้องเขม็งกลับมาที่ผม แม้จะไม่เห็นหน้า แต่แค่สายตาก็สัมผัสได้ถึงความโกรธ “ตามใจเอ็งละกัน” เขาตอบกลับมาก่อนที่จะเดินผ่านไป 

และแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมโล่งใจประกบกับกลัวมาก ก็ได้เกิดขึ้น เมื่อเขาเดินเข้าไปในความมืดแล้ว แต่ผมยังมองเห็นเขาอยู่ เหมือนว่าเขาจะไม่รู้ว่าผมยังมองเห็น ภาพที่ผมเห็น ผมเห็นร่างกายของเขา เริ่มแปลเปลี่ยน ตัวเขาขยายใหญ่ขึ้น เสื้อผ้าขาดออกเผยให้เห็นขนที่งอกออกมาจนทั่วตัว มือที่มีกรงเล็บแหลมคมยาวออกมา และค่อยๆโน้มตัวลงไปมือประกบพื้น กลายร่างเป็นเสือตัวใหญ่เต็มตัว ผมใจสั่นแรงมาก ไม่สิ เรียกสั่นทั้งตัวเลยดีกว่า 

หลังจากเหตุการณ์นั้น เสือตัวนั้น ได้หันหน้ามามองผมอีกรอบ ทำให้ผมได้เห็นใบหน้าของผู้ล่า ที่มีดวงตาเรืองแสงสีแดงกำ่ราวกับเลือด เขี้ยวยาวแหลม ที่พร้อมจะกับเหยื่อให้ขาดสะบั้นในครั้งเดียว ใบหน้าข้างขวา ของเสือตัวนั้น ไม่มีเนื้อหนัง เผยให้เห็นกระดูกข้างใน มันได้ร้องคำรามเสียงดัง ทรงพลังที่ทำให้ผมแสบหูอย่างมาก ราวกับบอกว่าผมไม่มีทางรอดไปจากมันได้ ก่อนที่มันจะเดินหายเข้าไปในความมืด 

ร่างที่เหงื่อโชกไปทั้งตัวและสั่นราวเข้าเข้าของผม ค่อยๆนอนลงและเอาหลังพิงต้นไม้อย่างอัตโนมัติ ในหัวมีทั้งความโล่งใจ กลัว กังวล ตบตีกันอยู่เหมือนหัวจะระเบิด ผมยกนาฬิกามาดู ยังเหลือเวลาราวๆ 20 นาทีก่อนถึงเที่ยงคืน นับว่ายังโชคดี ที่ยังพอมีเวลาให้ผมพักหายใจ 

หลังจากสงบสติได้แล้ว ผมได้ยกนาฬิกามาดู ตอนนี้ใกล้เที่ยงคืนแล้ว กฎข้อข้อไป ผมต้องเผชิญกับค้างคาว สายลมอ่อนๆเริ่มพัดมา ผมลุกขึ้น บิดตัวไปมาและสูดหายใจเข้าและปล่อยออกมา มือถือมีดพร้าตั้งท่าเตรียมพร้อม ผมมีโอกาสครั้งเดียวเท่านั้น จะพลาดไม่ได้ ดวงตาจ้องไปที่ข้างหน้าอย่างไม่ลดละ ในตอนนั้น สายลมเย็นยะเยือก ก็ได้รุนแรงขึ้น กระแทกที่หน้าผม ลมรุนแรงมากจนผมแทบจะตั้งท่าแทบไม่อยู่ น้ำตาผมเริ่มไหบ เหมือนกับตอนขับมอเตอร์ไซด้วยความเร็ว 150 กม./ชม. 

นาฬิกาได้ดังขึ้นบอกเวลาเที่ยงคืน ผมมองไปข้างหน้า เสียงรองคำรามก้องกังวานมาจากทางด้านหน้า ร่างของสิ่งมีชีวิตคล้ายค้างคาวตัวใหญ่เท่ามนุษย์!ได้บินตรงมาที่ผม 

เห้ย! นี่มันค้างคาวจริงๆหรอ ผมสบถลั่น เมื่อได้เห็นใบหน้าของมัน ที่มีดวงตาเพียงลูกเดียว ใบหน้าบิดเบี้ยว ที่แหลมคมราวกับปีศาจ มีเงาดำที่มีใบหน้าที่ดูทุกทรมาณพุ่งออกมาจากตัวมันมากมาย ผมตั้งท่ายกมีดขึ้นเตรียมฟัน แต่แล้วลมก็แรงขึ้นจนผมต้องกระพริบตา เมื่อผมลืมตาอีกครั้ง มันได้บินมาอยู่ตรงหน้าของผมเพียง 1 เมตร 

ผมตกใจตัวสั่นอีกครั้ง แต่ก็ยังมีสติ ความคุมมือขวาที่ถือมีดยกขึ้นตะหวัดไปที่ปีกมันอย่างรุนแรง จนปีกมันขาดสะบั้น เลือดสีดำน่าสยดสยองสาดกระเด็นติดเต็มหน้าผม มันได้บินขึ้นข้างบนทันที และส่งเสียงแหลมแสบแก้วหู กรีดร้องออกมาด้วยความทรมาณ มันพุ่งเอียงไปเอียงมาเพราะเหลือปีกข้างเดียว และหายไปพร้อมเสียงกรีดร้อง ผมนั่งลงอึ้งและทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น แขนขาอ่อนแรงไปหมด จนลืมไปเลยว่าเลือดของมันติดอยู่เต็มใบหน้า รวมถึงเสื้อผ้าของผม ก่อนจะรู้ตัวและเช็ดมันออก 

ผมได้สติกลับมาหลังจากนั่งทึ่งกับปีศาจค้างคาวอยู่พักใหญ่ๆ ตั้งแต่มาอยู่บนห้างพรานนี้ สติผมกระเจิงไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วไม่รู้ ดีแค่ไหนแล้วที่ผมไม่เป็นบ้าไปซะก่อน

ผมยกนาฬิกามาดู ยังพอมีเวลาให้พักอีกซักพักก่อนถึงเหตุการณ์ต่อไป ผมจึงหยิบสมุดที่พกมาด้วยในกิจกรรมลูกเสือ นำมันมาจดบันทึกเหตุการณ์ต่างๆที่ผมเจอมาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ไม่อยากจะเชื่อ ว่าจะได้มาเจอกับ Rules Of Horror ของจริง

ตอนนี้ไกล้ตี 1 แล้ว ผมรู้ดีว่าต้องทำอะไร ผมรีบเก็บสมุดหนังสือ และของต่างๆยัดใส่กระเป๋า ผมมองดูที่ต้นไม้ มันมีที่สำหรับเหยียบเท้าอยู่จริงๆ ผมคว้ากิ่งไม้และใช้เท้าเหียบตรงนั้น เมื่อถึงตี1 ควันสีดำ ก็ได้โผล่ออกมาจนมองไม่เห็นห้าง ผมเกาะต้นไม้ไว้แน่นจนมือเริ่มชา แต่ก็ต้องทนไว้ เพราะหากปล่อยมือ ผมคงไม่รอดแน่ๆ จนในที่สุด ควันดำก็จางหายไป ผมกระโดดลงมาและยกมือขึ้นมาดู เห็นได้ชัดว่ามันแดงมากๆ แต่ยังไม่มีเลือด แต่ผมก็รอดจากกฎข้อนี้แล้ว

ผมนั่งลงและหยิบกฎขึ้นมาอ่านอีกครั้ง กฎข้อต่อไป คือการหลบบางสิ่งบางอย่างที่จะมาเยือนที่นี่ แต่หมึกของมันอ่อนมากจนอ่านคำแนะนำไม่ออก ผมอ่านวนไปซ้ำๆและนั่งคิดหาที่หลบ นานเกือบชั่วโมง จนตอนนี้มันก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว 

ผมตัดสินใจแล้วว่าจะขึันไปหลบบนต้นไม้เพราะผมไม่สามารถลงไปด้านล่างได้ ดังนั้นต้นไม้อาจจะดีที่สุด แต่พอคิดอีกที ไอ้ตัวนั้น มันจะบินลงมานิ มันต้องเจอผมแน่ๆหากขึ้นไปบนต้นไม้ 

“จนกว่ามันจะบินหนีไป คุณถึงจะกลับขึ้นมาได้” ข้อความนี้ที่เขียนในกฎ มัมได้เด้งเข้ามาในหัวของผม หรือว่า! ผมหย่อนบันไดลิงลงไปข้างล่าง ใช่แล้ว! ผมลงไปข้างล่างไม่ได้ แต่ผม สามารถเกาะอยู่บนบันไดลิงได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงรีบเก็บของทุกอย่างใส่ในกระเป๋าและสะพายมันไว้ข้างหลัง ก่อนที่จะปีนลงไปที่บันไดลิง โดยห้อยตัวห่างจากพื้นประมาณเมตรกว่าๆ ขอแค่หัวของผมไม่โผล่ขึ้นไปข้างบน

และแล้วก็ถึงเวลาตี 2 เสียงกระพือปีก ก็ได้ล่องลอยมาจากบนท้องฟ้า และพุ่งลงมาที่ห้างพรานลงจอดอย่างรุนแรงจนสั่นสะเทือนไปทั้งห้าง รวมถึงบันไดลิงที่ผมเกาะอยู่ด้วย มันได้ร้องคำรามออกมาเสียงดัง เสียงย่ำเท้ากระทบลงที่ห้างไม้ไผ่จนสั่นไปทั้งห้างเกิดขึ้นซ้ำๆราวกับมันกำลังตรวจเช็คและหาเหยื่อ และมีช่วงที่มันหยุดเดิน 

ผมได้เงยหน้าขึ้นไป และทำให้ผมขนลุกวาปขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้มันยืนอยู่ตรงหน้าบันไดลิง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เห็นผม มันมีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ แต่ร่างกายของมันบิดเบี้ยวไปหมด ราวกับกระดูกข้างในหักงอ นุ่งโจงกระเบน ปีกที่มันใช้บิน ไม่ใช่ปีก แต่มันคือหนังที่แขนของมัน มันงอกหนังของมันใช้เป็นปีก จนแขน 2 ข้างเหลือแต่กระดูก ใบหน้าของมัน เละเทะ ราวกับถูกรถบรรทุกทับ หรือถูกคนนับร้อยเหยียบกระทืบ หรือถูกระเบิดปิงปองระเบิดเข้าที่หน้าอย่างจัง มันน่าสยดสยองมากขนผมแทบร้อง แต่ก็ยังคุมไว้ได้ 

ผมภาวนาอย่าให้มันมองลงมา มันได้คำรามขึ้นมาอีกครั้ง และได้ยกแขน 2 ข้างขึ้นกระพือช้าๆและเร็วขึ้น และมันก็ได้บินจากไป ผมรีบปีนขึ้นมาอย่างตะเกียกตะกากและรีบดึงบันไดขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน ไม่อยากจะคิดเลย ถ้ามันเจอผมเข้า จะเป็นยังไง ผมนั่งพักอีกซักพัก และหยิบสมุดมาจดบันทึกเหตุการณ์ต่อ บอกเลยว่าใครเจอเรื่องของผม และเอาไปทำเป็นหนัง คงดังมากแน่ๆ 

และแล้วก็มาถึงตี 3 ผมมัดมีดพร้าไว้ที่ข้างเอว สะพายกระเป๋าขึ้นและยัดกระดาษกฎเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบไฟฉายขึ้นมาและโยนบันไดลิงลงไป เมื่อลงมาถึงข้างล่าง ผมส่องไฟฉายมองไปรอบตัว ไม่มีเสือตัวนั้น ผมยังพอโชคดี ผมจึงรีบวิ่งไปทางตรงข้ามบันได มีเส้นทางที่ถูกกวาดใบไม้ไว้ให้แล้ว 

ผมวิ่งเข้าไปซักพัก ก็ต้องหยุดวิ่ง เมื่อตอนนี้ เจอทางแยกที่ทีสายสิญจน์ 3 สี พันออกไป 3 ทางตามที่กฎว่าจริงๆ ผมมองสายสิญจน์ทั้ง 3 มันมีสี แดง ส้ม และขาว ผมหยิบกฎขึ้นมาดู มันไม่มีบอกว่าจะไปทางไหน ตอนนี้ผมเครียดมากๆ เพราะหากเลือกทางผิดคือตาย 

ผมหันไปรอบๆเผื่อจะมีเบาะแสอะไรและก้มลงดูกฎเผื่อมีข้อความลับซ่อนอยู่ แต่ก็หาอะไรไม่เจอเลย จนผมเริ่มสิ้นหวัง ผมแหงนมองบนท้องฟ้า เพราะอาจจะออกไปไม่ได้แล้ว แต่ผมก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เปลวเทียนที่ผมจุดตอนตอน 4 ทุ่ม มันเป็นสีแดง หรือว่าจะเป็นทางสีแดง 

ผมไม่มีเวลาคิดเยอะ หากไม่เลือกก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี เพราะงั้น ผมจะลองเสี่ยง ผมวิ่งตรงไปทางสีแดง ถูกหรือผิดยังไม่รู้ ผมวิ่งไปเรื่อยๆ และแล้วก็มาเจอทางแยกอีก 4 ทาง ด้านบนมีสายสิญจน์สีแดงพันออกไปทั้ง 4 ทาง 

เชี้ยไรวะเนี่ย! กฎข้อต่อไปหมึกมันอ่อนจนมองไม่ออก ผมไม่รู้อะไรเลย หากผมตัดสินใจวิ่งออกไป มันมีโอกาสถูกเพียงน้อยนิด ผมกลับมาสิ้นหวังอีกครั้ง น้ำตาเริ่มไหลเพราะคิดว่าคงออกไปไม่ได้แน่ๆ ผมถือกฎไว้ในมือแน่น 

แต่แล้ว! ผมก็ได้สังเกตุเห็นบางอย่าง สายสิญจน์ 4 ทางที่พันออกไป มันมีไม่เท่ากัน ฝั่งซ้ายสุดมี 5 เส้น 3 เส้น 4 เส้น และขวาสุดมี 7 เส้น และผมก็นึกบางอย่างได้อีก ผมหยิบกระดาษกฎขึ้นมาดู หรือว่า นี่คือสาเหตุที่ข้อ 1 ถึง 6 สลับกัน! กฎข้อ4มันถูกสบับขึ้นมาเป็นข้อแรก และสายสิญจน์ก็มีทางที่เป็น 4 เส้น เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมวิ่งตรงไปทางสายสิญจน์ 4 เส้นทันที ปลายทางที่ไปเจอ จะเป็นตัวตัดสิน 

หลังจากวิ่งมาซักพัก ก็ได้พบกับทางแยกอีก3ทาง มีสายสิญจน์พันไว้ 5 เส้น 3 เส้น 2 เส้น ใช่แล้ว ไปทาง 2 เส้น เมื่อวิ่งเข้าไป ก็พบทางแยกอีก 5 ทาง และมีทางที่สายสิญจน์พันไว้ 6 เส้น ผมคิดถูกสินะ เมื่อวิ่งไปอีก ก็พบอีก 2 ทางแยก และ มีทางที่พันไว้ 1 เส้น วิ่งไปอีกเจอทางพันอีก 5 และไปอีกก็เจอที่พันไว้อีก 3 ตามกฎ ตอนนี้กฎที่สลับข้อได้หมดลงแล้ว ดังนั้น ปลายทางทันควรจะเป็น ทาง ออก! แต่…กลับทาเจอทางแยกอีก 2 ทาง แต่ครั้งนี้ ไม่มีสายสิญจน์พันไว้ แต่ทางทั้ง 2 ทาง มีหินก้อนใหญ่ตั้งวางไว้ และมีรอยมือประทับไว้ หินทางซ้าย มีรอยมือที่นิ้วโป้งอยู่ฝั่งซ้ายประทับอยู่ ตรงข้ามกับฝั่งขวาที่มีรอยมีที่นิ้วโป้งอยู่ฝั่งขวาประทับอยู่ 

ผมต้องนั่งแก้ปริศนาอีกครั้ง ทางไหนละ คือทางที่ถูก และซักพัก ก็มีเสียงคำรามของเสือดังขึ้น เป็นการบีบเวลาให้ผมคิดนานไม่ได้ แต่แทนที่ผมจะตกใจ ผมกลับนึกถึงพรานคนนั้น และคิดขึ้นมาได้ว่า หากพรานคนนั้นตัวจริง เป็นคนพาออกจากป่า และแขนเขาขาดข้างขวา ดังนั้น หากนี่เป็นรอยมือของเขา นั่นหมายความว่า เขาจะเหลือมือข้างซ้าย มือข้างซ้าย หากยกขึ้นดูจากหลังมือ นิ้วโป้งจะอยู่ฝั่งขวา เมื่อประทับลงไป นิ้วโป้งก็ต้องอยู่ขวา ถ้างั้น ต้องไปทางขวา! ถูกไม่ถูกไม่รู้ แต่ผมไม่มีเวลาคิดเยอะแล้ว 

ผมจึงตัดสินใจทิ้งมีดพร้า ไฟฉาย รวมถึงกฎและวิ่งเข้าทางขวา ไม่รู้ไกลแค่ไหน แต่แสงสว่างมันเริ่มน้อยลง จนถึงที่สุดมันมืด จนผมมองไม่เห็นมือตนเองด้วยซ้ำ ผมเริ่มจะรู้สึกว่าา ผมอาจจะมาผิดทาง และอาจจะไม่ได้ออกไปแล้ว ด้วยความเหนื่อย ผมทรุดตัวลงหอบอยู่ที่พื้น น้ำตาเริ่มไหลออกมา 

“เฮ้ย ลูกเสือ ไปไหนมา” เสียงของผู้ชายเคร่งขรึม ดังมาจากตรงหน้าผม ผมลืมตาเงยหน้าขึ้น ก็พบว่า ตอนนี้ผมอยู่หน้าจุดตั้งค่ายแล้ว 

ในวันนั้น ผมเล่าเรื่องให้ครูฟัง ครูหลายๆคน ไม่เชื่อว่าผมไปเจอเหตุการณ์พวกนี้ มีแต่ครูผู้ชายคนนึง ที่เป็นคนแถวนั้นที่เชื่อ และเล่าให้ฟังว่า ส่วนของป่าที่ผมหลงเข้าไปนั้น เป็นสถานที่ปิด ทันถูกแยกออกจากโลกจริง มันจะมีใบไม้ร่วงตลอดเวลา และที่นั่น เป็นที่ที่พวกปีศาจร้ายอาศัยอยู่ พวกมันจะเฝ้าคอยคนเข้าไปและฆ่าเพื่อกิน ไม่มีใครรู้ทางเข้าและออกที่แน่นอน มีเพียงนายพรานคนที่แขนขาดข้างนึงเท่านั้น 

สุดท้ายนี้ ผมจะขอเขียนกฎที่จาดหายไป เผื่อมีคนหลงเข้าไป และเขามาเห็นเรื่องราวของผม จะได้มีโอกาสรอดมากขึ้น

เริ่มกันที่การเลือกเทียนในข้อที่ 6 ให้คุณเลือกเทียนที่ไม่มีโคลนเปื้อน เพราะที่นั่น มีใบไม้ตกตลอด จึงเป็นไปไม่ได้ ที่จะเปื้อนโคลน 

เมื่อถึงตี 2 ให้คุณปีนบันไดลงไปเพื่อหลบ แต่อย่าลงไปถึงพื้น ผมไม่รับประกันว่ามันจะรอด100% แต่มันดูจะเป็นที่ที่ปลอดภัยสุดแล้ว

ข้อที่ 15 เป็นการหนีออกจากที่นี่ คำใบ้อยู่ที่กฎ 6 ข้อแรกไม่นับข้อ 0 มันจะสลับกัน ให้คุณสังเกตุจำนวนสายสิญจน์ และสีของมัน จะเป็นสีเดียวกับเทียนเล่มที่คุณจุดถูก เช่น กฎข้อแรกเป็นข้อ 5 ให้คุณไปทางที่สายสิญจน์พันไว้ 5 เส้น

ข้อ16 คือการออกประตูมันจะมีรอยประทับมืออยู่ พรานนั้น มือข้างขวาขาด แสดงว่ารอยประทับ นิ้วโป้ง ต้องอยู่ด้านซ้ายเรา

หากคุณได้หลงเข้าไปในป่าแห่งนี้ ผมขอให้คุณ โชคดี และรอดกลับมาให้ได้ สติ และความใจเย็น จะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด

.

.

.

End

ขอบคุณเรื่องราวหลอน ๆ จาก เฟสบุ๊คแฟนเพจ  The Dark Light 

Previous articleผีนั่งข้างหัว ประสบการณ์เจอผีของอาจารย์มหาลัย
Next articleอาถรรพ์หุ่นพยนต์ บางคนบูชาดีๆ จะมีโชคลาภ บางคนทำตรงกันข้ามอาจถึงตาย