Home กระทู้ผีพันทิป ผีนั่งข้างหัว ประสบการณ์เจอผีของอาจารย์มหาลัย

ผีนั่งข้างหัว ประสบการณ์เจอผีของอาจารย์มหาลัย

ผีนั่งข้างหัว ประสบการณ์เจอผีของอาจารย์มหาลัย

เรื่องนี้เคยถูกนำมาเล่าในพันทิปเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว ผม (เจ้าของกระทู้) เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยนะครับ ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี และไม่ได้กลัวด้วย คือเฉยๆ ด้วยสภาพงานบางทีต้องตระเวนไปสอนตามสถาบันต่างๆ ตระเวนพักที่นั่นที่นี่ก็มีประสบการณ์เยอะอยู่แล้ว พักที่ไหนไม่เคยนึกจะไหว้พระภูมิเจ้าที่หรือวางเหรียญบาทอะไรแบบที่บางคนทำ เช็คอิน นอน ตื่นเช้า เช็คเอาท์แล้วไปทำงาน

บางแห่งไปสอนประจำ บางแห่งไปเทอมละหน บางแห่งไปปีละหน บางแห่งนานๆ ไปทีแล้วแต่เขาจะเรียก บางที่นอกจากสอนแล้วยังได้รับเชิญไปสอบวิทยานิพนธ์นักศึกษา 

ซึ่งตอนนั้นผมได้รับหน้าที่ให้ไปสอบวิทยานิพนธ์ ที่สถาบันแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยถูกเชิญมาแล้ว นักศึกษาก็อายุมากๆกันทั้งนั้น คนทำงานมีตำแหน่งแห่งที่กันเป็นส่วนใหญ่

ครั้งที่แล้วเขาจัดให้ผมนอนในตัวเมือง แต่คราวนี้เขาจัดให้นอนรีสอร์ทใกล้สถาบัน จำได้ว่ามีถนนอยู่ข้างสถาบันและจะต้องผ่านบึงหรือทะเลาสาบใหญ่ๆ ก็จะไปถึงรีสอร์ทนั้น

วันแรกสอบนักศึกษาไป 3 ราย ตอนค่ำเขาเลี้ยงฉลองที่สอบผ่านกัน ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ไปกันหมด ผมเลยได้พ่วงไปด้วย มีอาจารย์ท่านหนึ่งผมจะเรียกว่าอาจารย์เอนะครับ มาจาก กทม.เหมือนผม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกว่ามาก รับเชิญมาเหมือนกัน ผมได้พบและรู้จักอาจารย์เอจากการแนะนำของอาจารย์ที่นี่ในวันนั้น ตอนพักเที่ยงที่ห้องอาหารอาจารย์

ในงานเลี้ยงเรานั่งโต๊ะยาวรวมแล้วหลายสิบคนครับ ผมสังเกตเห็นอาจารย์เอนั่งอยู่ก่อนแล้ว จึงเข้าไปทักทายกันตามมารยาท แล้วเลยไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ในงานทั้งกินทั้งดื่มกันเต็มที่ ร้องคาราโอเกะกันสนุกสนาน กว่าจะเลิกก็ใกล้เที่ยงคืน 

ทุกคนแยกย้ายกลับ นักศึกษากลุ่มนึงอาสาขับรถมาส่งผมที่พัก พอไปถึงผมก็เปิดประตูเข้ามา ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปเลย เพราะเมาได้ที่บวกกับอากาศที่เย็น 

รีสอร์ทที่ผมพักมีลักษณะเป็นเรือนแถว ถ้าหันหน้าเข้าห้องพัก ห้องของผมจะเป็นห้องขวามือสุด เรือนแถวนี้มี 3 ห้อง ห้องกลางและห้องซ้ายมือสุดจะมีคนพัก ใครพักหรือไม่มี ผมไม่รู้และไม่ได้สนใจ ถึงเตียงก็นอนเลย 

ผมตื่นขึ้นมาประมาณตี 2 เหมือนคนได้พักผ่อนเต็มที่ อาการเมามึนอะไรตอนนี้ไม่มีแล้ว ร่างกายสดชื่น สมองตื่นตัวเต็มที่ เลยไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากะว่าจะนอนอีกทีให้สบาย อาบน้ำสร็จก็กลับมานอนหลับต่อเลย  เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องมีสอบวิทยานิพนธ์อีกทั้งวัน

ผมหลับไปนานแค่ไหนไม่แน่ใจ และรู้สึกเหมือนฝัน แต่มันแตกต่างจากความฝันที่เคยเป็น ผมรู้สึกเหมือนตตัวเองนอนอยู่แล้วมีใครบางคนมานั่งอยู่เหนือศีรษะ แบบว่านั่งชิดหัวเลย  ในฝันผมพยายามชำเลืองดูด้วย คนนั้นก็ก้มลงมามองหน้าผมเหมือนกัน เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 30 กว่าๆ ผิวคล้ำ หน้าตาบ้านๆ ใส่เสื้อยืดกางเกงยืนส์ เหมือนคนงาน

ในฝันผมพยายามลุกขึ้นแต่ทำไม่ได้ เลยพยายามดิ้นรน ด่าเธอด้วย ประมาณว่ามาทำอะไรตรงนี้ มีปัญหาอะไร เดี๋ยวแช่งเลยนะ สักพักผมก็หลุดจากการควบคุมได้ ผมก็ลุกพรวดขึ้นมานั่ง ตกใจกลัวเล็กน้อย เพราะความรู้สึกเมื่อครู่มันต่างจากความฝันทั่วไป มันหลอนๆ ยังไงไม่รู้

ความฝันเมื่อครู่ ทำเอาผมตื่นตัว หลับยากละทีนี้ เลยเปิดทีวีดูไปด้วย ผมก็กึ่งนั่งกึ่งนอน ดูทีวีไปเรื่อย ดูบ้างไม่ดูบ้าง นานแค่ไหนไม่แน่ใจ จนเริ่มสลึมสลือ

ลักษณะของห้อง เป็นห้องสี่เหลี่ยมยาวๆ เหมือนห้องพักทั่วไป เมื่อยืนหันหน้าเข้าหาห้อง ประตูจะอยู่ซ้ายมือ เปิดประตูเข้ามาห้องน้ำจะอยู่ทางขวา เดินมาอีกหน่อยทางซ้ายจะเป็นกระจกบานใหญ่ หน้าโต๊ะทำงาน ถัดไปจะเป็นทีวี ตรงข้ามทีวีจะเป็นเตียงนอน เมื่ออยู่บนเตียงนอนมองไปที่กระจกจะเห็นห้องน้ำ

ระหว่างที่หลับๆ ตื่นๆ สลึมสลือ ผมตกใจอีกรอบ เพราะเห็นเงาใครสักคนกำลังเดินอยู่ในห้องน้ำ ผมตัดสินใจกระโดดไปที่ห้องน้ำเลยครับ ไปดูให้แน่ใจว่ามีใครอยู่กันแน่ บานประตูห้องน้ำแง้มอยู่ ผมเปิดผลัวเข้าไป 

เอาแล้วไง…..ไม่เจออะไร ในห้องน้ำโล่ง เงียบ ไม่มีใครอยู่ในนั้น ขนลุกเลยครับ ทำเอาผมหลับไม่ลงเลย

แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไร เลยกลับมานั่งดูทีวีต่อ พยายามไม่ฟุ้งซ่าน ก็ได้ผล สมาธิผมก็จดจ่อกับรายการทีวีไม่ได้ระแวงหรือฟุ้งซ่าน

ดูทีวีต่อนานเป็นครึ่งชั่วโมง เริ่มเคลิ้มๆ สลึมสลืออีกละ พักเดียวตกใจตาสว่างอีกแล้ว ทีนี้มาเป็นเสียง

“ฮืออออออออออออ………………………….ฮืออออออออออออ……………….ฮืออออออออออออ”

ผมปิดเสียงทีวีเพื่อจะฟังให้ชัดว่านี่มันเสียงอะไรกันแน่ ดูนาฬิกาตอนนั้นตี 3 กว่าแล้วครับ ไม่ต้องนอนกันพอดี

“ฮืออออออออออออ………………………….ฮืออออออออออออ……………….ฮืออออออออออออ”

เสียงฮือ ฮือ ดังเป็นจังหวะยังมาอย่างต่อเนื่อง ผมพยายามเดินไปรอบห้องเพื่อหาที่มาของเสียง ทีแรกคิดว่าเป็นเสียงจากห้องข้างๆ แต่เปล่าเลย เสียงมาจากแถวหัวเตียงในห้องของผมเอง และถัดจากหัวเตียงคือผนัง และห้องผมเป็นห้องขวามือสุด ไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากห้องผม 

ตอนนั้นตี 3 กว่า เรือนพักถัดออกไปห่างพอสมควร ผมเปิดหน้าตายื่นหูออกไปนอกห้อง เสียงก็ไม่ได้มาจากข้างนอกครับ มันมาจากผนังห้องนี่แหละ

ผมรู้สึกรำคาญเสียงฮือๆ มากเลยด่าออกไปดังๆ หลายหน คราวนี้เสียงฮือดังขึ้นกว่าเดิมอีกครับ ผมก็หยิบนั่นหยิบนี่มาทำเสียงโครมครามบ้าง แต่เสียงนั่นไม่หยุดเลย ผมเริ่มเบื่อเลยเปิดเสียงทีวีและดูรายการทีวีต่อไปเรื่อย นานแค่ไหนไม่รู้ แต่พอเริ่มสังเกตถึงได้รู้ว่าเสียงนั้นหายไปแล้ว มองนาฬิกาอีกทีนี่ก็ตี 5 กว่าละ ไม่ต้องนอนแล้ว

พอฟ้าสว่างผมอาบน้ำอาบท่าออกมากินข้าว มาเดินดูด้านนอกห้องว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า แต่ไม่มีอะไรครับ มันก็คือทางเดินโล่งๆ ผมไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร พอไปถึงที่ทำงานผมก็เล่าให้คนอื่นๆ ฟังแบบขำๆ ว่าเมื่อคืนโดนผีหลอก คนที่สนใจก็ถามในรายละเอียด คนที่ไม่สนใจก็หัวเราะ 

ผมเล่าให้นักศึกษากลุ่มที่สนิทได้ฟังด้วย นักศึกษาคนนึงจึงบอกว่า ใช่เสียงมาจากห้องอาจารย์เอรึเปล่า  อาจารย์เอพักอยู่ห้องข้างๆ ผมนั่นเอง ตอนนั้นผมถึงเพิ่งได้รู้ว่าอาจารย์เอพักอยู่รีสอร์ทเดียวกับผมและห้องข้างกัน ผมก็แค่รับรู้ไว้ไม่ได้นึกอะไร สงสัยอยู่อย่างเดียวว่าทำไมเสียงมาจากผนังด้านขวา 

เย็นนั้นพอสอบเสร็จ มีเลี้ยงฉลองสอบผ่านอีกแล้ว ผมก็ไปร่วมวงด้วย ไปถึงงานเลี้ยงพอนั่งเสร็จสรรพก็เห็นอาจารย์เอนั่งอยู่หัวโต๊ะถัดไป 3-4 เมตร ผมจึงตะโกนทักอาจารย์เอแล้วบอกแกว่า “อาจารย์ ที่รีสอร์ทน่ะ เมื่อคืนผมโดนผีหลอกทั้งคืนเลย อาจารย์โดนมั่งหรือเปล่า” แกหันมาฟังที่ผมเล่า แล้วแกก็นิ่งไปสักพัก แล้วหันไปกินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประมาณ 2-3 ทุ่ม ผมก็ออกจากงานเลี้ยงเพื่อบินกลับ กทม.ตามโปรแกรมที่กำหนดไว้อยู่แล้ว และลืมเหตุการณ์นี้ไปในเวลาไม่นาน

6 เดือนต่อมานักศึกษากลุ่มที่ผมสนิทด้วยมา กทม. และมาเยี่ยมผมที่บ้าน ก็คุยสัพเพเหระอะไรกันไปเรื่อย จนคุยมาถึงอาจารย์เอ ซึ่งอาจารย์เขาต้องมาสอนที่นี่ประจำ และถูกจัดให้พักที่นี่เสมอๆ รวมระยะเวลาเป็นปีแล้วด้วยซ้ำ นักศึกษากลุ่มนี้บอกกับผมว่า

“อาจารย์เอฝากมาบอกว่า อาจารย์แกพักอยู่ที่ห้องนั้น รีสอร์ทนั้นรวมๆ แล้ว 20-30 ครั้ง อยากจะบอกว่าอาจารย์แกเจอทุกครั้งเลย ได้ยินเสียงไอบ้าง คนเดินบ้าง เคาะโต๊ะบ้าง ของหล่นบ้าง บางทีได้ยินเสียงคนเดินบนหลังคา (ห้องพักเป็นเรือนชั้นเดียว) อาจารย์ก็เลยเดินออกไปดูนอกอาคาร เพราะสงสัยว่าดึกดื่นปานนี้ใครนะมาเดินเล่นบนหลังคา สาเหตุที่อาจารย์ทักไปแล้วอาจารย์เอเงียบ เพราะว่าไม่เคยนึกว่าเป็นผี แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร พอโดนทักขึ้นมาเลยตกใจ” และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สถาบันเลยหาที่พักใหม่ให้อาจารย์ทันที

อีก 1 ปีต่อมา ผมได้รับมอบหมายให้มาที่สถาบันแห่งนี้อีกครั้ง เรื่องผีที่รีสอร์ทผมก็ลืมไปหมดแล้วหละ ไม่ได้เอาไปนึก ไปทำบุญกรวดน้ำหรืออะไรทั้งสิ้น ไม่ได้นึกอะไรเลย แค่เป็นเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่เรื่องมันยังไม่ยอมจบนะสิ

อาจารย์อีกคนนึง ผมขอ เรียกว่าอาจารย์บีละกันนะ อาจารย์บีก็เป็นอาจารย์อาวุโสอีกคน เรียกว่าอาจารย์ทั้งหลายที่เป็นตัวละครในเรื่องนี้ผมเด็กสุด อาจารย์บีเป็นอาจารย์ประจำที่สถาบันนั้น สอนประจำไม่ได้เป็นแขกรับเชิญ เวลาเจอก็คุยกันบ้าง เข้าประชุมร่วมกันบ้าง และไปงานเลี้ยงเดียวกันบ้าง แต่คุยกันนับครั้งและนับประโยคได้

ในการกลับมาสถาบันนี้อีกครั้ง ตอนเที่ยงผมได้เจออาจารย์บีที่ห้องอาหารอาจารย์ อาจารย์บีทักผมเองว่า”อาจารย์จำได้มั้ย เรื่องที่อาจารย์เจอผีที่รีสอร์ทน่ะ……..มีคนเล่าให้ฟังเหมือนกันนะ แต่ผมเฉยๆ ไม่ได้สนใจ และไม่เชื่อด้วยซ้ำ แต่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผมมีแขกจากต่างประเทศมาเยี่ยมมหาวิทยาลัย ผมทำหน้าที่ดูแลรับรองแขกท่านนี้ เลยให้เจ้าหน้าที่จัดที่พักให้ใกล้ๆ เขาเลยจัดให้พักที่รีสอร์ทที่อาจารย์เคยไปนั่นแหละ จะบังเอิญหรืออะไรไม่รู้นะ ทางรีสอร์ทก็ให้พักห้องเดียวกับที่อาจารย์เคยพัก”

“แน่นอน..ผมไม่เคยบอกแขกท่านนี้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นที่ห้องนี้มาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเมืองไทย…………………………………..”

“ตอนเช้าผมไปรับแขกท่านนี้ พอไปถึงที่ห้องเห็นท่าทางเขาเหมือนคนไม่ได้นอน และเห็นมีเงินและเหรียญวางอยู่ที่มุมห้องทุกมุม ผมเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น แขกท่านนี้บอกว่าเขารู้สึกถูกรบกวนตลอดทั้งคืน และเหมือนมีใครพยายามขอความช่วยเหลือ”

เราได้แต่มองหน้ากัน และไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย …จบ

ขอบคุณที่มา : Pantip.com 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here