แท็กซี่กะดึก

แท็กซี่กะดึก

เมื่อวันพุธของอาทิตย์ก่อน ผมต้องออกไปซื้อของส่งให้ลูกที่ห้างแห่งหนึ่ง ผมออกมาช่วงบ่ายกำลังรอรถเมล์ ปรากฏว่ามีรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองคันนึงบีบแตรใส่ 

ผมก้มดูเห็นคนขับใส่หมวกกับแว่นดำมองมาที่ผม แต่ผมโบกมือบอกว่าไม่ไป แต่รถแท็กซี่เลี้ยวมาจอดแล้วลดกระจกลงพร้อมกับถอดหมวกกับแว่นออก เขายิ้มแล้วยกมือไหว้ผม พร้อมกับพูดว่า… 

“พี่…ผมโต้งไง ที่เคยทำงานกับพี่เมื่อหลายปีก่อน มาๆพี่ไปไหนเดี๋ยวผมไปส่งฟรีครับ” ผมเลยขึ้นรถไป ก็คุยสัพเพเหระไปหัวเราะกัน 

แล้วสายตาผมก็มองไปที่หน้ารถแท็กซี่มัน คือแบบว่ามีหลวงปู่ทวด เจ้าแม่กวนอิมและพระพิฆเนศ ผมเลยพูดกึ่งแซวน้องมันไปว่า “นี่ถ้ามีพระเยซูคือครบทุกศาสนาเลย” 

เจ้าโต้งบอก “ไม่ไหวพี่แต่ก่อนไม่มีอะไรในรถนะ ผีหลอกจนต้องหามาไว้เลย”

ผมหันไปถามว่า “เคยเจอเหรอวะ?” 

เจ้าโต้งบอก “พี่อยากฟังไหมล่ะ”

ผมจึงพยักหน้าให้  แล้วเจ้าโต้งก็เล่าว่าเมื่อสองปีก่อนเริ่มมาขับแท็กซี่ได้สักพัก พิกัดก็แถวกรุงเทพทั่วไป แล้วส่วนมากมันจะได้แต่กะกลางคืน ส่วนคู่กะกันมีลูกอ่อนเลยขอขับกะเช้าตลอด 

เรื่องแรกที่เจอคือคืนนั้นเป็นคืนวันศุกร์สิ้นเดือน คนออกมาเที่ยวเยอะมาก แต่แปลกมากที่ไม่มีคนเรียกรถมันเลย จนเวลาล่วงเลยมาเกือบห้าทุ่มครึ่ง ขับรถมาที่ที่นึงมีผู้หญิงใส่ชุดสายเดี่ยวสีดำ กางเกงยีนส์รัดรูปเดินมาโบกรถมัน 

เธอสวยมากและก็น่าจะเมามากเช่นกัน ประมาณว่าแอ๋มาเลย พอจอดรถ ลดกระจกลง เธอก็ถามว่า “ไปสุขุมวิทไหมพี่?” โต้งพยักหน้าให้ พอเธอขึ้นมาก็กดมิเตอร์ตามปกติ 

รถวิ่งไปได้สักพัก ผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มไอ ไอแบบถี่ๆ มันเลยถามว่า “เป็นอะไรครับ อ้วกไหม เดี๋ยวผมจะเปิดกระจกให้”

ไม่มีเสียงตอบกลับ แต่เธอเริ่มไอหนักขึ้นเรื่อยๆ คือมองกระจกหลังไอจนตัวงอเลยทีเดียว แต่มันบอกแปลกที่ได้กลิ่นเหม็นไหม้ ก้มมองดูเธอก็ไม่ได้สูบบุหรี่ ในรถก็ไม่น่าจะมีอะไรเพราะรถยังใหม่อยู่

แล้วผู้หญิงคนนั้นก็หยุดไอ แล้วบอกมันว่า “ถึงแล้ว…จอดตรงนี้ล่ะพี่ พอดีไปเที่ยวผับมาสำลักควันเลยไอ” แล้วเธอก็ควักเงินจ่ายแล้วเปิดประตูลงไป 

มันสงสัยเลยถามว่า “ผับอะไรครับคุณ เปิดควันจนสำลักเชียว” ผู้หญิงคนนั้นหันมา แล้วก็มีควันขึ้น ตามตัวเริ่มไหม้ พุพองทีละนิดก่อนพูดว่า “ซานติก้าผับไงคะพี่!”

พอโต้งมันจำข่าวได้ก็ร้องเฮ้ย!! ก่อนจะรีบขับออกมาอย่างไว มันบอก “ผมนี่เหงื่อแตกเลยพี่ ก่อนตายเธอคงทรมานมาก ถึงได้ไอขนาดนั้น” 

เรื่องต่อมาคือถัดมาอีกสามเดือนผมก็ขับกะดึกอีกล่ะพี่ ราวๆสามทุ่มมีนักศึกษาสาวคนหนึ่ง สวย หุ่นดีโบกรถไปลาดพร้าว คิดในใจว่าอยู่ใกล้แค่นี้เสียดายจังนานๆคนสวยจะเรียก 

โต้งรถเลี้ยวเข้าซอยไปเพื่อจะจอดหน้าอพาร์ตเม้นต์ตามที่น้องเขาบอก เธอเอานาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาแล้วบอกว่าพี่เร็วๆหน่อยค่ะ จะถึงเวลาแล้ว โต้งมันเลยถามว่า นัดเพื่อนไว้เหรอครับคุณ

เธอตอบกลับมาว่า “เปล่าค่ะพี่ หนูจะมาโดดตึกตอนสามทุ่มสี่สิบห้าค่ะ! เวลาที่หนูฆ่าตัวตายน่ะ” 

โต้งมันก็ยังขำบอก “คุณนี่ก็หาพูดไป” แล้วรถก็จอดหน้าอพาร์ตเม้นต์ก่อนเธอจะเอาเงินจ่ายซึ่งมีแต่เหรียญทั้งหมดแต่มันนับดูก็ครบถ้วน จ่ายเงินเสร็จ เธอก็รีบวิ่งเข้าตึกไป โต้งมันยังหัวเราะ และพูดว่า สงสัยปวดฉี่มากกว่ามั้งนี่ 

แต่ด้วยความที่ถนนมันกลับรถลำบาก ต้องขับเลยเข้าไปสักหน่อย พอเข้าไปกลับรถ ขับกลับออกมากำลังจะถึงหอ สายตาหันไปดูนาฬิกาสามทุ่มสี่สิบห้าเป๊ะ ทันใดนั้นก็มีสิ่งหนึ่งร่วงหล่นลงมาตรงหน้ารถแบบจะๆเลย  

โต้งมันเลยหยุดรถแล้วชะโงกหน้าไปดู ภาพที่เห็นคือน้องนักศึกษาคนที่มันพึ่งจะมาส่งเมื่อกี้นอนจมกองเลือด ขาแขนนี่หักผิดมนุษย์ไปเลย แต่ที่น่ากลัวคือเธอค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแล้วยืนขาเป๋หันหน้ามาหามันก่อนจะพูดว่า 

“เงินที่หนูให้คือเงินที่ใส่ในปากหนูเอง เห้อ นึกว่าจะไม่ทันเสียแล้ว” และก็ค่อยๆเดินแบบผิดรูปเข้าไปในตึก 

โต้งถึงกับช็อค!! จนยามหน้าอพาร์ตเม้นต์มาเคาะกระจกเรียกจึงรู้สึกตัว ยามถามว่าเป็นอะไร มันเลยถามว่าที่นี่เคยมีคนโดดตึกตายไหม ยามบอก มีสิสาวนักศึกษา เมื่ออาทิตย์ก่อนโดดตึกนี้ตายคาที่

มันถามว่าโดดตอนสามทุ่มกว่าใช่ไหมพี่ ยามแกพยักหน้าบอก ราวๆสามทุ่มสี่สิบนะ ว่าแต่น้องรู้ได้ไง

มันไม่ตอบแต่รีบขับรถออกมาเลย แล้วหันไปมองดูตึกอีกครั้ง ปรากฎว่าเห็นน้องผู้หญิงคนเดิมนั่งห้อยขาอยู่บนดาดฟ้ากำลังมองมาที่มัน …ขนลุกทั้งตัว 

เรื่องที่สามนี่คือหนักสุด มันบอกผมมา เมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง มันขับช่วงเช้าแล้วคู่กะโทรมาบอกว่าไปธุระ ถ้าอยากควงกะก็เอาเลย มันคิดในใจว่าวันนี้คงได้เงินเยอะแน่ๆ 

มันขับตั้งแต่แปดโมงจนถึงบ่ายสองแต่ก็ยังไม่ได้ผู้โดยสารเลยสักคน มันก็แปลกใจ จนขับมาแถวอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จู่ๆมีชายหญิงคู่หนึ่งคาดว่าคงเป็นสามีภรรยากันโบก พอรถไปจอด คำที่ผู้ชายบอกมาคือ “พี่ผมเหมาได้ไหมไปสระแก้ว ผมให้ห้าพันเลยแค่ไปอย่างเดียว” โต้งมันก็คิดในใจ “โหเยอะจัง เอาก็เอาวะวิ่งเที่ยวเดียวก็คุ้มเลย”

แล้วมันก็ขับพาทั้งสองคนไปเรื่อย ๆ โดยให้เขาบอกทางเป็นระยะ ไปถึงที่หมายเกือบสามทุ่ม รับเงินแล้วผู้ชายก็บอกว่า “พี่กลับทางเก่านะ ทางที่ขับมา ถ้าเจอทางลัดก็ไม่ต้องไป ถ้าเจออะไรขับผ่านไปเลยไม่ต้องสนใจ” มันก็ถาม “โจรเหรอครับ?” ผู้ชายคนนั้นบอก “เอาน่าาาา พี่เชื่อผมเถอะ!” แล้วทั้งคู่ก็เข้าบ้านไป 

ขากลับด้วยความหิวมันจึงจอดรถกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ดูเวลาก็จะห้าทุ่มแล้ว กินเตี๋ยวเสร็จจึงรีบขับรถกลับ กทม. ขับมาเรื่อยๆไปเจอป้ายบอกทางลัดออกฉะเชิงเทรา มันก็คิดว่าถ้าไปทางนี้คงประหยัดเวลาได้เยอะ จนลืมคำเตือนผู้ชายคนนั้นไปเลย 

มันเลี้ยวเข้าไป ขับไปเรื่อย ๆ สองข้างทางมีแต่ป่าต้นกกกับต้นปอ บ้านคนก็ไม่มี ไม่มีแม้กระทั่งรถที่สวนมา มันเริ่มจะคิดว่าถูกหลอกหรือป่าวแต่ก็ขับเข้ามาลึกแล้ว 

ขับต่อไปอีกสักพัก ก็เจอรถเก๋งสีขาวจอดเปิดไฟขอทางอยู่ คิดในใจ เอออย่างน้อยก็ยังมีรถอีกคัน จังหวะที่กำลังจะขับเลยผ่านมองไปในรถเห็นเป็นคนขับกำลังดิ้นอยู่บนเบาะ 

พอรถเลยไปสักห้าเมตรมีเสียงบีบแตรดังออกมาจากรถคันนั้น โต้งคิดว่าเขาน่าจะต้องการความช่วยเหลือ เลยจอดรถและถือไฟฉายและเอาไม้หน้าสามเหน็บไว้กลางหลัง 

พอเดินไปถึงรถไฟที่เปิดก็ดับลง แล้วจู่ ๆ ไฟฉายก็ดับ พยายามเปิดก็ไม่ติด เลยตัดสินใจเอามือป้องตรงกระจก ภาพที่เห็นคือผู้ชายถูกยิงตรงขมับเป็นรู สมองกระจายเลือดเต็มเบาะแน่นิ่งอยู่ โต้งใจเต้นตึกตักๆแต่ก็คิดได้ว่าโดนยิงยังไงวะกระจกไม่เป็นอะไร ไม่แตกเลย พอหันกลับไปมอง จู่ ๆ ร่างนั้นก็กระเด้งมาใส่กระจกแทบจูบหน้ามัน

“เชี้ยเอ้ยย!!” 

มันล้มหงายท้องเพราะความตกใจสุดขีด และดูเหมือนข้อเท้าขวาจะพลิก จึงเอามือจับดู แต่ทันใดนั้น ได้ยินเสียง “แกร๊ก!” เสียงเปิดประตูรถ มันคิดในใจ ไม่นะ ภาพที่เห็นคือ มีขาคนค่อยๆยื่นออกมา ร่างนั้นก็ออกมาหัวเป็นรูเลือดไหลตลอดเวลา ตาเบิกโพลงจ้องมาที่มัน 

โต้งพยายามจะลุกขึ้นวิ่ง เท้าก็เจ็บ วิ่งแบบฝืนๆ พร้อมกับหันไปดูร่างนั้น เธอเดินเหมือนซอมบี้มาหาโต้ง โต้งกำลังจะหันกลับวิ่งต่อ เท้าดันไปสะดุดอะไรตรงหน้าแล้วสติก็ดับวูบไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว ปรากฏว่าตัวเองอยู่ในป้อมตำรวจกับจ่าสองคน 

ตำรวจคนนึงเล่าให้โต้งฟังว่า “เมื่อคืนขับรถตามเอ็งมานี่ล่ะ ตอนแรกก็เห็นกันอยู่ พอหันมาคุยกัน หัวกลับไปมองอีกทีอ้าวไอ้แท็กซี่มันหายไปไหนแล้ว ชิบหายหรือมันไปทางลัดนี้ เลยขับตามไป เชื่อไหมพวกพี่เห็นแต่รถแท็กซี่จอดอยู่ไม่เห็นตัวเอ็ง จนเอ็งวิ่งมาชนรถพวกพี่นี่ล่ะ นี่จ่าก็ขับรถแท็กซี่มาจอดไว้ที่หน้าป้อมให้แล้ว ว่าแต่เอ็งไปเจออะไรเข้าล่ะ”

โต้งเลยเล่าให้จ่าฟัง จ่าฟังจนจนก็หัวเราะ ตบไหล่โต้งแล้วบอก อืม!! คนที่เอ็งเห็นน่ะ เค้าเป็นเหมือนนักธุรกิจ เขาลวงมาฆ่าตรงนั้น ก็ยิงตายคารถเลยนะ กลางคืนใครขับรถเข้าไปทางนั้นเจอแทบทุกราย  แปลกนะมันมีคำว่าห้ามเข้าอยู่ตรงคำว่าทางลัดนะ ไม่เห็นเหรอ” 

โต้งบอกไม่มีเลยครับ แล้วจ่าก็บอกให้รีบกลับนะฟ้ามืดเดี๋ยวถูกหลอกอีก มันขับรถมาถึงตรงที่เดิม เห็นป้ายคำว่าทางลัด จึงจอดรถลงไปดู ปรากฎว่ามีคำว่าห้ามเข้าจริงๆ แต่มันร่วงหล่นลงไปปักอยู่ที่พื้นดินและหันคำว่าห้ามเข้าไปข้างในด้วย!! 

โต้งขนหัวลุกทันที ยกมือไหว้และขับกลับกรุงเทพเลย ตั้งแต่นั้นมาก็เลยหาทั้งพระ,เจ้าแม่กวนอิมและพระพิฆเนศมาไว้เต็มหน้ารถเพื่อความอุ่นใจ 

ผมเลยถามว่าแล้วเจอผีอีกไหม มันยิ้มบอกไม่เจอแล้วพี่เพราะผมขอขับแต่กะเช้าตลอดแล้ว เรื่องผีนี่ต้องคนเจอเองพี่ถึงเชื่อ ใครไม่เคยเจอไม่รู้หรอก…เรื่องราวมีเท่านี้ครับ…..

Cr. หาญ ใจสิงห์ เรื่อง “เรื่องเล่าแท็กซี่”

Previous articleกฎในการลาสิกขา ของวัดป่าแห่งหนึ่ง EP.Final
Next articleผีแม่ลูกอ่อน วิญญาณเฮี้ยน ขนาดพระยังหนี จ.นครปฐม