แรงกรรม

แรงกรรม

เมื่อกลางปี ๕๑  “วุฒิ”  เพื่อนเก่าที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนประถม  ได้โทรศัพท์มาหาผม  บอกข่าวร้ายให้ทราบว่า  “ครูทวี”  พ่อของเขา ซึ่งเคยเป็นครูสอนหนังสือผมมา  ประสบอุบัติเหตุถึงกับต้องตัดแขนไปข้างหนึ่ง  วุฒิต้องการให้ผมช่วยเป็นทนาย ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากทางโรงพยาบาล

ที่แรกผมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมประสบอุบัติเหตุแล้วจึงต้องไปเรียกร้องค่าเสียหายจากทางโรงพยาบาลอีก  ผมซักถามจึงได้ความว่า  บาดแผลจากอุบัติเหตุนั้นไม่ร้ายแรงนัก  แต่เนื่องจากการรักษาของโรงพยาบาล  เป็นเหตุให้ครูทวีต้องถูกตัดแขน  วุฒิบอกว่าให้ผมไปหาที่บ้าน แล้วจะเล่าให้ฟ้งอย่างละเอียดอีกที

วันเสาร์ของสัปดาห์นั้นเอง  ผมขับรถไปหาวุฒิและครูทวีที่นครปฐม  เมื่อไปถึงบ้านวุฒิรีบออกมาทักทายด้วยความดีใจ  เพราะเรามาได้เจอกันมาหลายปีแล้ว  นานๆ ทีถึงจะโทรศัพท์ติดต่อกันบ้าง  เขาพาผมไปหาครูทวี ที่นั่งพักผ่อนดูทีวีอยู่ในห้อง  ผมยกมือไหว้  เมื่อได้เห็นครูทวียกมือขวาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวขึ้นรับไหว้  ภาพที่ท่านเคยสอนหนังสือสมัยผมยังเด็กผุดวาบขึ้นมาในห้วงความคิด

ท่านเคยใช้มือซ้ายเขียนกระดานดำ สอนให้พวกเราเล่าเรียนเขียนอ่าน  รวมไปถึงจับไม้เรียวฟาดก้นพวกเราเวลาทำผิด  และมือซ้ายนี้อีกเช่นกันที่เคยตบบ่าชมเชย  ลูบหัวปลอบโยนพวกเราเหล่านักเรียน  แต่มาบัดนี้แขนข้างที่ถนัดของท่านไม่มีให้เห็นอีกแล้ว  ภาพความหลังครั้งวัยเยาว์ที่ประดังเข้ามากับสภาพของครูในตอนนี้  ทำเอาผมถึงกับน้ำตาซึม

ผมถามถึงสาเหตุที่ทำให้ ครูต้องเสียแขนข้างนี้ไป  ท่านเล่าว่าเมื่อเดือนก่อน  ขณะที่กำลังขี่รถจักยานยนต์กลับบ้านในตอนค่ำ  ซึ่งถนนบริเวณนั้นเป็นถนนใหญ่ รถวิ่งกันเร็ว  ท่านจึงต้องเร่งความเร็วตามไปด้วย  แต่ก็ไม่ได้เร็วมากนัก  ในระหว่างที่ขับรถอยู่นั้น  ท่านก็เห็นตัวอะไรบางอย่างสีดำๆ วิ่งตัดหน้ารถอย่างกระชั้นชิด  ท่านตกใจก็เลยหักหลบและเบรคไปพร้อมๆ กัน จึงทำให้รถล้ม  โชคยังดีที่ไม่มีรถไล่หลังตามมาในระยะใกล้

ท่านนอนเจ็บอยู่บนพื้นสักครู่หนึ่งก็มีคนมาช่วยพาไปส่งโรงพยาบาล  ตอนนั้นท่านรู้ดีว่าแขนข้างซ้ายของท่านน่าจะหัก  เพราะตอนล้มแขนซ้ายของท่านกระแทกพื้นอย่างแรง  นอกจากท่านจะขยับแขนข้างซ้ายไม่ได้แล้ว  แขนยังบิดและมีบาดแผลจากการครูดกับพื้นถนนอีกด้วย  

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล  มีพยาบาลมาทำแผลและเอาเข็มมาฉีดยาให้ที่แขนข้างนั้น  ท่านรู้สึกว่ายานั้นมันทำให้แขนของท่านปวดแสบปวดร้อนไปหมด  แต่ตอนนั้นก็พยายามอดทนไว้ไม่ได้บอกใคร  

แต่หลังจากที่ได้รับการทำแผลและเข้าเฝือกมาเพียงแค่คืนเดียว  ท่านก็พบว่าแขนข้างนั้นของท่านไม่มีความรู้สึก  และสังเกตเห็นว่าเนื้อของส่วนที่พ้นเฝือกออกมานั้นมีสีดำคล้ำ  อันเป็นลักษณะของเนื้อตาย  

ท่านรีบบอกให้วุฒิพาไปหาหมอทันที  ผลปรากฏว่าเซลเนื้อแขนข้างนั้นตายแล้วจริงๆ  สุดท้ายท่านต้องยอมให้ตัดแขนข้างซ้ายทิ้ง  เพื่อไม่ไห้เกิดการลุกลามมากไปกว่านี้

วุฒิโกรธมาก  ต่อว่าทางโรงพยาบาลว่าทำการรักษาไม่ดี  ทำให้พ่อของเขาต้องตัดแขน  ฝ่ายทางโรงพยาบาลได้โต้แย้งว่า  ทำการรักษาอย่างถูกต้องตามขั้นตอนทุกประการ  จึงกลายเป็นข้อพิพาทกัน  

กว่าวุฒิจะติดต่อผมนั้น  เขาได้ดำเนินการหลายอย่างเพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบจากทางโรงพยาบาล  จนทางโรงพยาบาลยอมชดใช้ค่าเสียหายมาจำนวนหนึ่ง  แต่วุฒิยังไม่พอใจ  เพราะเห็นว่าค่าเสียหายที่ได้มานั้นยังไม่อาจเทียบเท่ากับสิ่งที่พ่อของเขาต้องสูญเสียไป  

เมื่อเห็นว่าทางโรงพยาบาลไม่ยอมชดใช้ตามจำนวนที่เขาเรียกไป  วุฒิจึงติดต่อให้ผมมาช่วยเป็นทนายยื่นฟ้องให้ครูทวี  หลังจากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจบลง  ครูก็บอกกับผมต่อหน้าวุฒิว่า

“ครูคิดว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมของครูเอง  ไม่อยากไปฟ้องร้องอะไรทั้งสิ้น  ครูได้บอกกับวุฒิหลายครั้งแล้ว  แต่มันก็ไม่ยอมฟัง”  

วุฒิเถียงว่า “พ่อจะไปยอมได้ยังไง  มันรักษาชุ่ยๆ แบบนี้  พอเราเสียหายมันก็เอาเศษเงินมาปิดปาก  ผมไม่ยอมหยุดแค่นี้หรอก”  และได้ด่าว่าทางโรงพยาบาลอีกหลายอย่าง  จนครูทวีบอกว่าให้หยุดได้แล้ว  วุฒิจึงยอมหยุดพูดแบบไม่เต็มใจนัก

ครูทวีนิ่งไปสักพักหนึ่ง  แล้วก็บอกผมว่า  ครูมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฟัง  วุฒิได้ยินพ่อพูดแค่นั้นก็สอดขึ้นมา

“จะเอาเรื่องบ้าบอนั้นมาอ้างอีกแล้วเหรอพ่อ”  

ครูทวีตวาดสวนไปว่า “เอ็งไม่เชื่อก็ไม่ต้องฟัง  จะไปไหนก็ไป”  วุฒิก็เลยผลุนผลันลุกออกไปจากห้อง  ผมก็ได้แต่นั่งฟังหน้าเหรอหรา  งงไปหมด  ไม่รู้ว่าพ่อลูกเขาเถียงเรื่องอะไรกัน 

พอวุฒิออกไปแล้ว  ครูทวีก็บอกว่า

“เรื่องนี้ครูเล่าให้วุฒิมันฟังแล้ว  แต่มันไม่เชื่อ  ส่วนเอก (ชื่อเล่นผม)  จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ  ผมบอกท่านว่า  ครูเล่ามาเถอะครับ  ผมยินดีรับฟังทุกอย่าง  ท่านก็พยักหน้าแล้วเล่าว่า  สมัยหนุ่มๆ ท่านชอบเที่ยวป่า  ไปล่าสัตว์บ้าง  ไปเที่ยวชมธรรมชาติเฉยๆ บ้าง  โดยมากก็ไปแถบป่าตะวันตก  แถวเมืองกาญจน์  เพชรบุรี  ราชบุรี  ซึ่งส่วนใหญ่จะไปกับเพื่อนข้าราชการด้วยกัน  แล้วไปหาจ้างพรานชาวบ้านแถบนั้น ให้นำทางให้

ในคราวที่เกิดเรื่องซึ่งครูเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของผลกรรมในครั้งนี้  ครูทวีกับเพื่อนอีก ๔ คน  ชักชวนกันเดินทางเข้าไปเที่ยวป่าในเขตจังหวัดเพชรบุรี  ท่านได้ว่าจ้างพรานที่คุ้นเคยกัน ออกนำทางเหมือนทุกครั้งมาผ่านมา  

การท่องป่าครั้งนี้ ครูและเพื่อนได้ตกลงกันว่าจะมาล่าสัตว์  จึงเตรียมอาวุธกันมาครบครัน  สำหรับครูทวีนั้น ท่านมีปืนลูกซองแฝดเป็นอาวุธคู่มือ  และเนื่องจากตั้งใจมาล่าสัตว์กัน  เสบียงอาหารต่างๆ จึงเตรียมกันมาไม่มากนัก  เพราะหวังว่าจะได้เนื้อสัตว์มาเป็นอาหารอยู่แล้ว  และการนำเสบียงไปมากๆ บางคนก็ถือว่าเป็นการขัดลาภ  ทำไห้ล่าสัตว์ไม่สำเร็จ

อยู่ในป่าได้ ๓ วัน  เสบียงที่เตรียมมาก็เหลือแต่ข้าวสาร  พริก  เกลือ  และเครื่องปรุงต่างๆ   ส่วนอาหารหนักที่ใช้เป็นกับข้าวนั้นหมดไปนานแล้ว  เนื่องจากพวกท่านยังล่าสัตว์ไม่ได้เลย  ที่ผ่านมาก็ต้องอาศัยเก็บผักป่ามากินกับน้ำพริกเป็นหลัก

ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ ๔ ท่านได้เดินออกจากแคมป์ที่พัก ไปหาล่าสัตว์เพียงคนเดียว  ส่วนคนอื่นๆ ก็จับคู่แยกกันออกไปตามจุดต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะมีสัตว์ให้ล่า  ท่านเดินด้อมมองหาร่องรอยต่างๆ  ตามพื้นดินริมธารน้ำมาพักใหญ่  ก็ได้ยินเสียงโครมครามบนยอดไม้ห่างออกไปข้างหน้า จากประสบการณ์ท่านรู้ได้ทันทีว่า  นั่นคือเสียงของฝูงค่าง  

(ซึ่งตรงนี้ผมขอแทรกสักนิดหนึ่ง  จากประสบการณ์ที่ออกพบปะกับชาวบ้านป่าอยู่บ่อยๆ  สำหรับคนทั่วไปแล้ว  ค่างเป็นสัตว์ที่ไม่น่าเข่นฆ่ามันเลยสักนิด  เพราะหน้าตาของมันดูบ๊องแบ๊วน่ารักยิ่งกว่าลิงและชะนี  รูปร่างก็เหมือนกับกับคนเรานี่เอง  ยิ่งถ้าใครได้เห็นตอนที่ค่างโดนถลกหนังเพื่อทำอาหารแล้วละก็  คนใจอ่อนอาจจะอาเจียนเลยละครับ  เพราะมันเหมือนศพเด็กผอมแห้งไม่มีผิด 

แต่นายพรานและนักล่าส่วนใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น  เขาถือว่าเนื้อค่างเป็นอาหารชั้นเลิศ  เลือดค่างผสมเหล้ากินเป็นยาบำรุงกำลังชั้นเยี่ยม  จนบางคนถึงกับซดเลือดสดๆ ได้หน้าตาเฉย  กระเพาะค่างย่างไฟให้แห้งกลายเป็นยาดองเหล้า ที่ได้รับการขนานนามว่า  “พญาร้อยแปดยอด”  ด้วยว่าอาหารของค่างผู้น่าสงสารนั้นคือยอดไม้ต่างๆ  ขนานนามคู่กับกระเพาะเม่นว่า “พญาร้อยแปดราก”  เพราะเม่นชอกกินรากไม้  แม้ในช่วงเวลาปัจจุบันนี้  ค่างก็ยังตกเป็นอาหารของคนอยู่มิได้ขาด)

สำหรับครูทวี  ท่านเล่าว่าคิดถึงแต่เมนูเนื้อย่างอันโอชะ  จึงรีบย่องเข้าไปเงียบๆ สายตาก็สอดส่ายมองลอดพุ่มไม้ใบบังขึ้นไปข้างบน  ท่านมองหาอยู่นานก็ยังมองไม่เห็นตัวค่าง  ตอนนี้พวกมันคงสังเกตเห็นความผิดปรกติที่เบื้องล่างแล้ว  จึงพากันนิ่งไม่ไหวติง  อันเป็นวิธีการซ่อนตัวตามสัญชาตญาณของพวกมัน  

ครูทวีพยายามด้อมเดินเปลี่ยนมุมมองอยู่หลายครั้ง  จนในที่สุดท่านก็เห็นหางค่างโผล่ลงมา  มองตามขึ้นไปก็เห็นค่างตัวหนึ่งได้ถนัดตา  มันแอบซุ่มอยู่หลังพุ่มใบไม้เล็กๆ   ค่างตัวนั้นดูอวบอ้วนกว่าปรกติ  ท่านมั่นใจว่ามันต้องตั้งท้องอยู่แน่ๆ  จึงพยายามมองหาค่างตัวอื่นๆ  แต่มองอยู่นานก็มองไม่เห็น เพราะใบไม้กิ่งไม้ด้านบนหนาทึบจนมืดครึ้ม

ความหงุดหงิดจากการที่ล่าสัตว์ไม่ได้มาหลายวัน  ความหิวกระหายในเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้ลิ้มรสมาหลายมื้อ  ทำให้ท่านใจร้อนเหี้ยมเกรียมกว่าที่เคย  ท่านทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าจะทำ  ท่านหันปืนกลับมาทางค่างที่กำลังตั้งท้อง  แล้วลั่นกระสุนใส่ทันที

ค่างตัวนั้นร่วงละลิ่วลงมาสู่พื้นเบื้องล่าง  ค่างตัวอื่นกระโจนหนีกันโครมคราม  ท่านยิงสุ่มตามไปอีกนัด แต่ก็ไม่มีค่างร่วงลงมา  ท่านจึงรีบวิ่งไปดูค่างตัวแรกที่หล่นลงมา  เห็นมันกำลังวิ่งหนี  ท่านคงยิงไม่ถูกที่สำคัญ  ตอนนี้ปืนไม่มีกระสุนเหลืออยู่  จะหักลำกล้องบรรจุใหม่ก็เสียเวลา  ประกอบกับค่างกำลังมุดหนีเข้าดงไม้พุ่มรก  

ครูทวีจึงโยนปืนทิ้งแล้วชักมีดเดินป่าออกมาจากฝัก  ท่านวิ่งปรี่เข้าไปจนถึงตัวค่างที่กำลังกระเสือกระสนหนีตาย  แล้วฟันฉับลงไปเต็มแรง  เห็นเลือดสาดกระเซ็นขึ้นมาโดยที่ท่านยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านฟันถูกตรงไหน  แต่ค่างนั้นก็ยังกระเสือกกระสนมุดเข้าดงรกต่อไป  ท่านพยายามฝ่าเข้าไป แต่ก็ทำได้ล่าช้า  เพราะเต็มไปด้วยเถาวัลย์  กว่าจะฟันเถาวัลย์เข้าไปได้  ค่างตัวนั้นก็หายไปจากสายตาแล้ว

ครูทวีเดินวนเวียนดูรอยเลือดสาดกระเซ็นอยู่ตามใบไม้และพื้นดิน  จับทิศทางที่ค่างหนีไป  แต่นอกจากรอยเลือดที่นำเข้าดงไม้รกไปเป็นระยะสั้นๆ แล้วก็ไม่มีสิ่งไดให้สังเกตจับเค้าทิศทางได้  รอยเลือดก็หายไปเฉยๆ  ท่านหาอยู่นานก็ไม่พบ  ก็เลยตัดใจเดินมุดเถาวัลย์กลับมาทางเก่าเพื่อเก็บปืน  เมื่อมาถึงจุดที่ท่านใช้มีดฟันค่าง  ท่านก็พึ่งเห็นว่า  มีแขนของค่างขาดตกอยู่  มันขาดตั้งแต่ต้นแขนลงมา  ทำให้ท่านนึกพิศวงว่า  ถึงขนาดแขนขาดแล้วค่างตัวนั้นหนีหายไปได้อย่างไร

ครูทวีเก็บแขนค่างขึ้นมา  คิดว่าถึงจะมีเนื้อน้อย แต่ถ้าหาสัตว์อื่นไม่ได้จริงๆ   แขนค่างท่อนนี้ก็พอจะเอาไปผัดเผ็ดกินแก้อยากได้  ท่านจึงเก็บมันไปด้วย  ท่านเดินต่อมาดูตรงจุดที่ค่างตกลงมาครั้งแรก  มีรอยเลือดออยู่แค่หยดสองหยอด  ค่างตัวนี้คงถูกปืนเพียงเฉี่ยวๆ   แต่อาจเป็นเพราะมันกำลังท้องแก่  จึงทำให้มันตกลงมาง่ายๆ  

ตอนนั้นเองท่านก็รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างรุนแรง  โทษตัวเองว่าไม่ควรทำเลย  ทำแล้วก็ได้ไม่คุ้มค่า  ป่านนี้ค่างตัวนั้นคงจะมุดรกไปตายอยู่ที่ตรงไหนก็ไม่รู้  ไหนจะลูกในท้องของมันอีกละ  แต่ท่านก็ปลอบใจตัวเองว่า  สัตว์มันเป็นอาหารของคน  ไม่ฆ่ามันเราก็อดตาย  ความรู้สึกดีชั่วของท่านมันโต้แย้งกันอยู่ตลออดเวลาที่ท่านเดินกลับแคมป์

พอใกล้ถึง  เพื่อนๆ ของท่านตะโกนถามมาแต่ไกลว่า เสียงปืนดังตั้งสองนัด ท่านได้อะไรมาบ้าง  ท่านชูแขนค่างให้ดู  พวกเพื่อนก็โห่ล้อกันเกรียวว่า  คนอื่นๆ เค้ายิงกันได้ทั้งตัว  ไอ้ทวีมันเก่งโว้ย  ยิงได้แขนค่าง  ฝีมือเยี่ยมจริงๆ  ท่านก็เลยหัวเราะเฮฮาไปกับเพื่อนๆ ลืมเรื่องในใจไประยะหนึ่ง  และอาหารมื้อนั้นทุกคนก็ต้องอาศัยแขนผอมเรียมของแม่ค่างผู้น่าเวทนาเป็นกับข้าวหลัก  เพราะไม่มีใครล่าอะไรได้เลย  

เมื่อการล่าไม่เป็นผลอย่างที่หวัง  ทุกคนจึงตัดสินใจออกจากป่าเร็วกว่ากำหนดเดิม  เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว  ช่วงแรกๆ ครูทวีก็ยังรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปอยู่ไม่น้อย  แต่พอนานๆ ไป มีเรื่องต่างๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตให้ต้องคิดต้องทำ  ท่านก็ค่อยๆ ลืมเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ จนไม่ได้หวนกลับไปคิดถึงมันอีก

กระทั่งไม่นานมานี้  ครูทวีไปตัดหญ้าที่ริมถนนทางเข้าบ้านด้วยเครื่องตดหญ้าแบบสะพายข้าง  ใบมีดตัดหญ้าเกิดฟันไปโดนรั้วไม้เนื้อแข็งจนใบมีดหักกระเด็น  ใบมีดที่หักพุ่งเฉี่ยวโดนแขนซ้ายของท่านจนเสื้อขาดกระจุย  เคราะห์ดีที่มันบาดเข้าไปไม่ลึกนัก  มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย  

อันที่จริงใบมีดที่หักไม่น่าจะกระเด็นมาแรงและไกลในทิศทางนั้น  แต่ท่านคิดว่าความเก่าของเครื่องตัดหญ้าน่าจะเป็นสาเหตุมากกว่าจะเป็นเรื่องของกรรม

ตอนค่ำของวันนั้น  ครูทวีไปนั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะยาวหน้าบ้าน  ท่านรู้สึกปวดแปลบที่แผลขึ้นมาเฉยๆ และในขณะนั้นเอง  ความนึกคิดของท่านก็ย้อนกลับไปถึงวันที่ท่านได้ฟันแขนของค่างขาด  ท่านพึ่งจะมาคิดได้ตอนนี้เองว่า  แขนค่างที่ท่านฟันขาดนั้นเป็นแขนข้างซ้าย  เหมือนกับแขนที่ท่านได้บาดแผลอยู่ในขณะนี้

คืนนั้นครูทวีนอนฝันร้าย  ท่านฝันเห็นภาพตัวเองตามค่างตัวนั้นไปในดงรก  เห็นตัวท่านเองฟันแขนมันขาดกระเด็น  ได้ยินเสียงมันกรีดร้องลั่นป่า  แววตามันปวดร้าวทรมาน  ท่านเห็นมันกระเสือกกระสนเข้าไปในดงเถาวัลย์  ตะเกียกตะกายผ่านเข้าไปในดงหญ้า  มันทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด  เลือดแดงฉานไหลนองไปทั่ว  

สักพักมันก็หยุดนิ่งหายใจหอบเฮือกๆ  แล้วท่านก็เห็นมันคลอดลูกออกมากลางกองเลือด  แต่ลูกของมันออกมาได้เพียงครึ่งตัวเท่านั้นแม่ค่างก็ขาดใจตาย  แววตามันเหลือกค้างเบิกโพลงจ้องมองมาที่ครูทวีด้วยความเคียดแค้น

เช้ามืด  ครูทวีตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยภาพฝันที่ยังค้างคาอยู่ในหัว  ท่านกลุ้มใจเป็นทุกข์อย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ท่านไม่รู้ว่าภาพฝันนั้นจะเป็นความจริงหรือเปล่า  การที่ท่านได้รับบาดเจ็บจะเกิดจากผลกรรมที่ท่านทำไว้หรือไม่  ท่านได้แต่โทษตัวเองซ้ำๆ กับสิ่งที่ทำลงไปในอดีต  

แม้จะทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลขออโหสิกรรมต่อพ่อแม่และลูกค่างไปแล้ว  แต่ก็ไม่ได้สบายใจขึ้นเลย  ท่านยิ่งกลัดกลุ้มมากขึ้นทุกที  ฝันร้ายแบบเดิมอยู่บ่อยๆ  ไม่รู้ว่าท่านคิดกังวลจนเก็บไปฝันไปเพ้อ หรือว่า แรงอาฆาตของแม่ค่างได้ตามติดมาเอาคืนท่านแล้วในตอนนี้

จนในที่สุด  ท่านก็มั่นใจว่า  ผลกรรมมันตามมาสนองท่านแล้วจริงๆ เมื่อประสบอุบัติเหตุรถล้ม  และในที่สุดก็ต้องเสียแขนข้างซ้ายไป

“ครูคิดว่า  หลายสิบปีที่ผ่านมา  คงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือผลบุญอะไรบางอย่างคุ้มครองครูอยู่  แต่ตอนนี้คงถึงเวลาที่ครูจะต้องชดใช้กรรมนั้นแล้ว  มันก็สมควรแล้วละ  จะได้สิ้นเวรสิ้นกรรมกันไปเสียที  ครูเลยไม่อยากให้ฟ้องร้องอะไรทั้งนั้น  มันเป็นสิ่งที่ครูต้องชดใช้”

หลังจากบอกกล่าวเรื่องราวอันยาวนาน  ครูทวีย้ำกับผมว่า จะไม่ยอมดำเนินการฟ้องร้องใดๆทั้งสิ้น สำหรับวุฒินั้นท่านจะคุยกับเขาเอง  ผมไม่ต้องกังวลใจ ( แต่วุฒิก็โกรธผมอยู่นานเลยละครับ  หาว่าผมไม่ยอมช่วยเกลี้ยกล่อมครู ) 

วันนั้นผมลาครูกลับ ด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่อัดแน่นอยู่ในใจ  ทั้งสะเทือนใจ  สงสารครู  สงสารแม่ค่าง  ทั้งที่ไม่มั่นใจนักว่า  เรื่องบุญเรื่องกรรมมันมีจริงหรือเปล่า  แต่ก็อดหวาดหวั่นกับสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่ตัวเองเคยทำไว้  ไม่รู้ว่าผลกรรมจะตามมาถึงตัววันไหน  เลยต้องคิดย้ำสัญญากับตัวเองว่า  ต่อแต่นี้…จะต้องไม่พยายามทำเรื่องเลวร้ายผิดบาปกับใครอีกตลอดไปจนวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิต

เครดิตเรื่อง : คุณ Chai Tamai 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here