แฟนเก่า

แฟนเก่า

“แฟนเก่า” คนที่เข้ามาในชีวิตสร้างความจำร่วมกัน ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่จดจำไปได้ตลอด ผมกำลังจะขอแฟนแต่งงาน แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น… 

ปัจจุบันผมอายุ 27 ปี แต่เรื่องเกิดเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นผมมีแฟนอยู่คนนึงเราคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เธอเป็นคนน่ารัก ร่าเริง อัธยาศัยดี ซึ่งผิดกับผมเลย ผมเป็นคนขี้อาย โลกส่วนตัวสูง ตั้งแต่คบกันมาเราสองคนไม่เคยมีปัญหาเรื่องมือที่สาม จะมีก็แต่ทะเลาะกันเรื่องน่ารักๆ เช่น กินข้าว ทำงานบ้าน แต่ก็ไม่ถึงขั้นด่าทอกัน เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่เรียนจบ โดยที่ทางบ้านของเราทั้งคู่รับรู้และไม่ขัดข้อง… เราสองคนอายุเท่ากัน แต่เธอเกิดก่อนผม 2 เดือน 13 วัน

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมอายุ 24 ปี ย่างเข้า 25 ปี เข้าวัยเบญจเพศ (แต่เราสองคนก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่เพราะคิดว่าเรื่องซวย เรื่องร้ายมันเกิดได้ในทุกช่วงอายุ เช่น การเกิดอุบัติเหตุ ผมว่ามันเป็นเรื่องของความประมาทอะไรพวกนี้มากกว่า ส่วนเรื่องผีอันนี้เราสองคนไม่เชื่อเลยเนื่องจากไม่เคยเจอ) ตอนนั้นผมมีแผนว่าจะพาแฟนไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้วจะขอเธอแต่งงาน ผมพาเทอไปเที่ยวจังหวัดนึงทางภาคเหนือ บรรยากาศค่อนข้างดีเป็นที่พักเน้นธรรมชาติ เรามาพัก 3 วัน 2 คืน 

เมื่อเราไปถึงที่พักช่วงประมาณบ่ายๆ แฟนผมบอกกับผมว่า “เหนื่อยอยากพักผ่อน” ผมจึงให้เธอนอน ส่วนตัวผมก็ออกไปซื้อของเพื่อจะมาทำอาหารเย็นกินกัน หลังจากที่ผมซื้อของเสร็จกลับเข้ามาที่ห้อง ผมก็ไม่เจอแฟนผมแล้ว ผมก็เอ้า!!! แฟนหายไปไหน สงสัยอยู่ในห้องน้ำ ผมก็เลยเข้าไปดู ปรากฏว่าไม่อยู่ ผมจึงเดินออกไปตามหา เจอแฟนผมนั่งอยู่ที่หน้าล็อบบี้ ผมถามเธอว่า “ทำไมมานั่งอยู่นี่” แฟนผมไม่ได้ตอบอะไรบอกแค่ว่า “อ่อ พอดีอยากออกมาเดินเล่น” ผมก็ไม่ได้คิดอะไร

เย็นวันนั้นเราทำอาหารกินกัน แต่ผมสังเกตุได้ว่าแฟนผมเปลี่ยนไป เธอมีอาการคล้ายกับคนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง แบบว่ากินข้าวไปก็มองซ้ายทีขวาที แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเธอคงมองบรรยากาศรอบๆ ตัว เพราะบรรยากาศดีมาก พอเรากินข้าวกันเสร็จก็อาบน้ำนอน คืนแรกก็ผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

วันที่ 2 ของการพักที่นี่ เช้าตื่นมาเราทำกิจกรรมกันนิดๆ หน่อยๆ เนื่องจากบรรยากาศเป็นใจ แล้วก็ขับรถออกไปเที่ยวบริเวณนั้นเพราะที่พักใกล้กันกับแหล่งท่องเที่ยว เย็นนั้นบรรยากาศแสงแดดสีส้มๆ ทองๆ ผมขอเธอแต่งงานกลางทุ่งดอกไม้ ซึ่งเธอก็น้ำตาไหล และตอบรับผม เธอเข้ามากอดผมแล้วก็บอกรักผม 

คืนนั้นเราก็กลับมาที่พักเตรียมตัวนอนเพราะความเหน็ดเหนื่อย ผมนอนดูทีวีไปส่วนแฟนผมก็นอนอยู่ข้างๆ เล่นโทรศัพท์ไปตามภาษาผู้หญิงเหมือนจะเม้ามอยกับเพื่อนว่าชั้นจะมีผัวละนะ

ประมาณสี่ทุ่มเราปิดไฟนอนกัน ผมหลับไปได้ไม่นานก็รู้สึกว่า ทำไมข้างๆ เตียงมันยุบลงผิดปกติ คือจากที่แฟนผมนอนก็ยุบแล้วแต่มันยุบลงไปลึกกว่านั้นอีก ทั้งๆ ที่แฟนผมก็ไม่ได้เป็นคนที่น้ำหนักเยอะอะไร ผมไม่ได้คิดอะไรเอื้อมมือไปกอดแฟน แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจก็คือทำไมรู้สึกช่วงที่มือผมกำลังจะถึงตัวแฟนมันเย็นๆ เหมือนผ่านโรงน้ำแข็งอะไรอย่างนั้น

ผมไม่ได้คิดอะไรเนื่องจากห้องที่เรานอนเป็นห้องแอร์ ก็คงเป็นช่วงที่แอร์มันสวิงเป่าลงมาพอดี พอเช้าตื่นมาแฟนผมบอกเมื่อคืนนอนไม่ค่อยสบายเลย แต่ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟัง ผมก็เลยบอกว่า “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวไปหลับบนรถต่อตอนกลับบ้าน” 

ระหว่างขับรถกลับบ้านอยู่ๆ แฟนผมก็เล่าให้ผมฟังว่า จำได้ไหมวันแรก ตอนที่เธอนอนหลับอยู่ในห้องคนเดียว แล้วผมออกไปซื้อของ เธอบอกว่าหลับๆ อยู่รู้สึกเหมือนมีคนเปิดห้องเข้ามา เธอนึกว่าเป็นผมจึงนอนต่อ แต่เมื่อเธอนอนต่อ เธอกลับรู้สึกเหมือนมีคนมาทับที่ตัวก็เลยลืมตาขึ้นมาดู เธอเห็น ผญ คนนึงนั่งทับอยู่บนอกของเธอ พร้อมกับชี้หน้าเธอแล้วพูดขึ้นมาว่า “ออกไปจากห้องของกู” เธอก็เลยรีบวิ่งออกมาหน้าล็อบบี้ 

ส่วนคืนที่สองที่เธอบอกว่าเธอนอนไม่ค่อยหลับ เธอบอกว่า ผญ คนเดิมมานั่งทับที่อกเธอแล้วพูดว่า “จะลองดีกับกูใช่ไหม” แล้วก็หายไป เธอกลัวจึงนอนไม่หลับแต่ไม่กล้าปลุกผม เพราะกลัวว่าวันถัดมาผมจะขับรถกลับไม่ไหว  ผมบอกเธอว่า “ทำไมไม่บอกตั้งแต่วันแรก จะได้ไม่อยู่ต่อ เพราะถ้าเธอเป็นไรขึ้นมามันคุ้มกันไหม”

เธอก็บอกผมว่า “ก็เห็นปกติเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ กลัวจะหาว่าเธอคิดมากไปเองก็เลยไม่บอก” ผมบอก “ไม่เป็นไร เดี๋ยวถึงบ้านแล้วเรารีบไปทำบุญให้เขากัน” 

พอกลับถึงบ้านเราไม่ได้ไปทำบุญเพราะเหนื่อยจากการเดินทางกลับมาพักผ่อนที่บ้านคิดว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยไปทำบุญกันก็ได้ แต่ว่ามันสายไป !! เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมา ผมเห็นแฟนผมนอนนิ่งไป ผมพยายามปลุกเธอแต่เธอก็ไม่ตื่น ตอนนั้นผมเริ่มสติแตกตะโกนเรียกเธอจนแน่ใจแล้วว่าเธอคงไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้วแน่ๆ ผมรู้สึกเสียใจมาก…

หลังจากที่ผมตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า …แฟนผมเสียชีวิต… ตอนนั้นผมเคว้งคว้างมาก รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันมืดไปหมด ผมรีบโทรศัพท์หาทางบ้านผมและทางบ้านแฟนผม พ่อแม่ผมและพ่อแม่แฟนผมก็รีบเดินทางมาหา แล้วก็ถามสาเหตุว่าทำไม ?? ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า น้อยใจอะไรกันหรือเปล่า ถามคำถามสารพัด แต่ผมไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้เลย 

เนื่องจากผมมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามันจะเป็นไปได้หรอ ที่พลังงานอะไรก็ไม่รู้ ที่เราไม่สามารถมองเห็น ไม่เคยมีใครพิสูจน์ได้ว่ามันมีอยู่จริงจะสามารถทำร้ายคนได้ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้แฟนผมเสียชีวิต 

ทางการแพทย์บอกว่าแฟนผมเสียชีวิต เนื่องจากขาดอากาศหายใจ สิ่งนี้ทำให้ผมเริ่มเชื่อกับสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ก็ไม่ 100% เพราะแฟนผมก็สุขภาพแข็งแรง ไม่ได้มีไข้ไม่ได้เป็นหวัดอะไร จะหายใจไม่ออกได้ยังไง หรือเกิดจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ คำถามนี้ยังคงคาใจของผมอยู่ 

หลังจากการชันสูตรศพ ก็จัดงานศพให้แฟนผมเป็นเวลา 3 วัน คืนแรกของงานศพ ขณที่พระสวดอภิธรรมบทแรกอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้ออกมาทางลำโพง ผมตกใจจึงพยายามมองหาต้นตอของเสียงนั้น ทางพ่อแม่ผมและพ่อแม่แฟนผมเห็นผมรุกรี้รุกรนจึงถามว่า “เป็นอะไรลูก” ผมก็บอกว่า “ผมได้ยินเสียงคนร้องไห้” ท่านก็บอกว่า “ไม่มีนะลูก คิดมากไปรึเปล่า ?” 

หลังจากที่ผมพยายามหาต้นตอของเสียงที่ได้ยินนั้น พระท่านก็สวดจบบทแรกพอดี เสียงร้องไห้นั้นก็เงียบไป ผมก็เลยคิดว่าผมคงจะหูฟาดไปเอง หลังจากที่พระสวดเสร็จได้มีหลวงพ่อรูปนึงเดินมาหาผมแล้วบอกผมว่า “แฟนโยม เขานั่งฟังสวดอยู่ข้างๆ โยมนะ แต่เขาร้องไห้ตลอดเวลาเลย” ผมอึ้งไปและมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่มองไม่เห็นมีจริง เพราะพระท่านคงจะไม่มุสาแน่นอน แล้วคืนนั้นก็ผ่านไป 

สวดวันที่ 2 วันนี้ที่วัดไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อพระสวดเสร็จก่อนกลับพ่อแม่ผมก็บอกว่า “ถ้าไม่ไหวก็มานอนกับพ่อกับแม่ได้นะลูก” ผมบอกท่านว่า “ไม่เป็นไรคับ ผมอยากกลับห้อง” หลังจากที่ผมมาถึงห้องผมก็อาบน้ำเตรียมนอน แต่จิตใจผมนั้นยังคิดถึงวันแรกที่ได้ยินเสียงนั้น คิดถึงวันแรกที่พาเธอไปที่นั่น คิดถึงวันที่ผมขอเธอแต่งงาน คิดถึงรอยยิ้มของเธอที่ตอบรับผม ผมรู้สึกเศร้าและเหงามาก เหมือนโลกมันขาดอะไรไปสักอย่าง 

ผมจึงพูดลอยๆ ออกมาว่า “เธอ ถ้าเธออยู่ใกล้ๆ เรา เธอมาหาเราหน่อยได้ไหม เราคิดถึงเธอนะ แล้วเราก็ยังรักเธออยู่เหมือนเดิม” พูดจบสักพักผมก็เข้านอน 

คืนนั้นผมฝันว่า แฟนผมนอนอยู่ข้างๆ แต่หน้าของเธอดูโทรมมาก สิ่งที่ทำให้ผมกลัวหลังจากที่ผมมองไปที่แฟนผม ผมเห็น ผญ คนนึงนั่งทับตัวเธออยู่ แล้วก็หันมาพูดกับผมว่า “มันเป็นของกู” พูดจบเขาก็กระโจนมาหาผม ผมสะดุ้งตื่นทันที ตอนนั้นเวลาประมาณตี 2 ผมรู้สึกกลัวและเป็นห่วงแฟนผมมาก ทำให้ผมนอนแทบไม่ได้ แต่สุดท้ายก็หลับไปด้วยความง่วงและเพลีย 

พอเช้าผมตื่นมาเตรียมงานเผาแฟนผม เมื่อถึงเวลาเผา หลวงพ่อรูปเดิมก็เดินมาบอกผมว่า “โยมมีไรจะบอกแฟนโยมก็ไปกระซิบบอกเขาได้เลยนะ เขารับรู้เพราะเขาอยู่ข้างๆโยม อยู่ทุกวันที่สวดศพ” ผมจึงกระซิบบอกแฟนผมว่า “เรารักเธอนะ ถึงแม้เวลามันจะสั้นที่เราได้อยู่ด้วยกัน แต่อย่างน้อยเราก็ได้รักกัน” 

พิธีเผาก็เริ่มขึ้น หลังจากงานศพแฟนผมเสร็จเรียบร้อย สภาพจิตใจผมย่ำแย่ลงมาก จะบอกว่าผมกลายเป็นโรคจิตไปเลยก็ได้ จากปกติที่เป็นคนโลกส่วนตัวสูงอยู่แล้ว กลายเป็นเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่พบหน้าใคร ผมเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นเพราะผมที่ทำให้เธอต้องตาย เป็นแบบนี้อยู่ 2 อาทิตย์ ทุกคืนผมจะเรียกให้แฟนผมมาหา แต่เธอก็ไม่เคยมาให้ผมเห็น ให้แต่ผมฝันเห็นเหมือนเดิมทุกคืน คือเธอนอนอยู่ข้างๆ และมี ผญ คนนั้นนั่งทับอยู่ 

สุดท้ายผมทนไม่ไหจึงไปปรึกษากับพระรูปนึง !! ท่านบอกว่า “ทางเดียวที่จะทำให้แฟนโยมหลุดพ้นได้ก็คือโยมต้องบวชให้แฟนโยม ผมจึงตัดสินใจบวชเป็นเวลา 1 เดือน สภาพจิตใจผมก็เริ่มกลับมาดีขึ้น 

ทุกคืนผมสวดแผ่เมตตาให้ผีตนนั้น และขอให้แฟนผมหลุดพ้น คืนแรกหลังจากที่ผมสึกออกมา ผมฝันเห็นแฟนผม เธออยู่ในที่ๆนึง เป็นที่ๆสว่างสวยงาม เธอพูดกับผมว่า “เรารักเธอนะ แต่เราต้องไปแล้ว ขอบคุณมากนะที่รักเรา และที่ช่วยเรา ถ้าหากได้เกิดใหม่เป็นคนอีก ขอให้เรายังจำหน้าเธอได้นะ” แล้วเธอก็เดินหายไปในแสงสว่างนั้น 

แต่หลังจากแฟนผมเดินจากไป ผมเห็น ผญ คนเดิมเธอชี้หน้าผมแล้วพูดกับผมว่า “จะลองดีกับกูอีกคนใช่ไหม” ผมก็เลยพูดกับ ผญ คนนั้นไปว่า “คุณทำแบบนี้ไปทำไม แฟนผมและผมไปทำอะไรให้คุณโกรธเคือง คุณถึงต้องมาจองเวรกันแบบนี้ ” เค้าบอกว่า “พวกมึงมาอยู่ในที่ที่กูตาย กูตายเพราะความรัก แต่พวกมึงมาเสพความรักในที่ที่กูตาย กูจะพรากพวกออกจากกัน” ผมจึงบอกเขาไปว่า “คุณทำแบบนี้มันก็ไม่ช่วยทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นมาได้หรอก กลับทำให้คุณก่อกรรมเพิ่มขึ้นอีกด้วยซ้ำไป” ผญ คนนั้นตอบกลับผมมาว่า “กูไม่สนกูจะเอาไปอีกคน” แล้วสักพักผมก็ตื่น

หลังจากที่ผมตื่นขึ้นมาผมก็ไม่เจออะไร ใช้ชีวิตตามปกติสุข จนเวลาผ่านไป 5 เดือน ตอนนั้นอายุผม 25 ปีเต็มตัวแล้ว ผมได้คบกับแฟนใหม่ ซึ่งอาจจะดูว่าเร็วไปแฟนเก่าพึ่งจะเสียชีวิต (ผมขอข้อคิดอย่างนึง คนเราเวลาสุขอย่าสุขเกินมันจะเหลิง เวลาทุกข์ก็อย่ามัวแต่อมทุกข์ ไม่งั้นชีวิตก็ไม่มีวันก้าวหน้าไปไหนได้เลย) ผมคบกับแฟนคนนี้ (ขอสมมุติชื่อแฟนว่าชื่อบี เพื่อความไม่สับสนในการอ่าน) 

อาทิตย์นึงบีจะมานอนกับผมบ้างเป็นบ้างวัน ในช่วงที่บีเมาอยู่กับผมก็ไม่เจอเรื่องอะไรแปลกๆ แต่บีมักจะมาบอกผมแทบทุกครั้งที่มานอนค้างว่า “ฝันไม่ดีเลย” แต่บีก็ไม่ได้คิดว่าเกี่ยวกับห้องของผมหรอก บีคิดว่าคงเพราะความเพลียบวกกับความเครียดเรื่องงานมั้งก็เลยทำให้ฝันไม่ดี 

จนคืนนึงบีมานอนที่ห้องผม ตอนนั้นเวลาประมานตี 1 ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกรี๊ดของบีที่ดังลั่น ผมถามบีว่า “เป็นอะไร ??” บีบอกว่า “ฝันว่ามี ผญ มายืนอยู่ปลายเตียงแล้วพูดกับบีว่า “มึงจะต้องไปกับกู” แล้วบีก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็น ผญ คนในฝันมายืนอยู่ปลายเตียงจริงๆ บีบอกว่า “ไปส่งเรากลับบ้านได้ไหม เรากลัว !!” กลางดึก คืนนั้นผมจึงต้องขับรถไปส่งบี

เมื่อผมส่งบีเสร็จผมก็กลับมาที่ห้อง เวลาประมาณเกือบจะตี 4 ผมคิดในใจว่า ผมไม่ได้เจอ ผญ คนนี้มาตั้ง 5 เดือนแล้วนะ นึกว่าจะไปแล้วเสียอีก เพราะผมไม่เคยเจอเธอเลยสักครั้งหรือว่าเธอไม่สามารถทำร้ายผมได้ เพราะเท่าที่ผมเคยเจอก็แค่ในฝัน ผมจึงพูดออกมาด้วยความโมโหว่า “ทำไมถึงไม่เลิกจองเวรกันสักที จะเอากันให้ตายหมดทั้งโครตเลยไหม ?” จากนั้นไฟในห้องก็ดับ 

ด้วยความโมโห ผมจึงพูดท้าไปอีกว่า “ทำได้แค่นี้หรอ แน่จริงก็ออกมาสิวะ กูก็ไม่ไหวกับมึงแล้วนะ ทำบุญก็ทำให้แล้ว ยังไม่ยอมไปสักที ” หลังจากที่ผมพูดจบ ผมเห็นเงา เงาที่มันมืดกว่าความมืดของห้องยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ผมทำอะไรไม่ถูก เพราะใจนึงก็กลัวอีกใจก็โมโห จึงตะโกนด่าออกไปแล้วรีบออกจากห้องลงไปอยู่ข้างล่างกับยามหน้าตึกจนถึงเช้า 

พอเช้าผมก็โทรหาบีบอกบีว่า “เมื่อคืนเราก็เจอเหมือนเธอเลย” บีบอกผมว่า “เขาคือใคร ?? เคยเจอไหม ??” ผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับแฟนเก่าผมให้บีฟัง บีบอกผมว่า “ทำไมเขาถึงต้องโหดร้ายขนาดนั้น แล้วเราจะโดนแบบนี้ไหม บีคงอยู่ไม่ได้นะถ้าต้องเจอแบบนี้ !!”  

ผมบอกบีว่า “เราเข้าใจเธอนะ ถ้าเธอจะเลิกกับเรา เพราะเราเองก็กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก” แต่บีกลับบอกผมว่า “เราไม่เลิกกับเธอหรอก แต่เราต้องช่วยกันหาวิธีทำให้เขาหลุดพ้นจากเรา ไม่งั้นชีวิตเราคงไม่เป็นสุขแน่  เพราะต่อให้เราเลิกกับเธอไป เธอก็ต้องมารับกับปัญหานี้อยู่ดี แล้วแบบนี้จะมาเป็นครอบครัวกันได้ไง ถ้าเมื่อเจอปัญหาแล้วทิ้งกัน!!” 

คำพูดนี้ทำให้ผมซึ้งในความรักของบีมาก แต่อีกใจก็เป็นห่วงบี เราสองคนจึงตัดสินใจขับรถไปที่ที่ผมพาแฟนเก่าไป เพื่อไปหาประวัติของ ผญ คนที่ตามผมมาเพื่อจะได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศุลให้เขาได้ตรงตัว เผื่ออาจจะทำให้เรื่องนี้ดีขึ้นมาได้บ้าง

ผมกับบีขับรถไปสถานที่ที่พักนั้น พอไปถึงผมก็ตรงไปที่ล็อบบี้ บอกกับพนักงานว่า “ผมมาขอพบผู้จัดการที่นี่ครับ” พนักงานก็ถามว่า “มีธุระอะไรหรือเปล่าค่ะ” ด้วยความอยากพบกับผู้จัดการผมจึงบอกว่า “มาติดต่อเรื่องธุรกิจครับ” พนักงานก็บอกกลับมาว่า “สักครู่นะค่ะ” แล้วผมกับบีก็ได้คุยกับผู้จัดการ 

พอเจอผู้จัดการผมก็ยิงตรงไปที่ห้องนั้นเลย ผมถามผู้จัดการว่า พอจะทราบประวัติของห้องนั้นหรือที่แห่งนี้บ้างไหม เพราะผมกับแฟนเก่าผมเคยมาพักที่นี้แล้วเกิดเหตุการณ์ตามข้างต้นขึ้น แต่ผู้จัดการบอก “ดิฉันเป็นคนแถวนี้ก็จริง แต่ว่าดิฉันเพิ่งจะมาเป็นผู้จัดการของที่นี้ได้เพียงไม่กี่ปี ไม่ทราบหรอกนะค่ะ แต่เท่าที่พอรู้ก็มีแค่สิ่งที่ยายดิฉันเคยเล่าให้ฟัง ยายดิฉันบอกว่า… 

สมัยก่อนที่ดินแถวนี้เคยเป็นป่าทึบ ซึ่งไม่ค่อยมีใครเข้ามาหาของป่าของอะไรกันหรอก เพราะยายดิฉันบอกว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามามักจะไม่ค่อยได้กลับออกไป ส่วนคนที่ออกมาได้ก็ออกมาแบบไม่เป็นคน บ้างก็เป็นศพ บ้างก็สติสตางค์หลุด ซึ่งพอความเจริญเข้ามาป่านี้ก็ถูกรื้อออก แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะตอนที่เขามาทำการรื้อเพื่อทำถนนนั้น มีต้นไม้ใหญ่ต้นนึงคนงานพยามยามจะเข้าไปตัด แต่ก็ตัดไม่ได้ถึงจะทำพิธีขอเจ้าป่าเจ้าเขาแล้วก็ตาม พยายามตัดแค่ไหนเครื่องมือก็เสียหายพังหมด จึงได้ทิ้งเอาไว้แล้วปล่อยให้บริเวณรอบๆ ต้นไม้นั้นคงความเป็นธรรมชาติไว้ เพราะเชื่อว่าเจ้าที่คงไม่อยากจะให้รื้อออก จึงต้องทำถนนอ้อมไปอีกทางหนึ่ง ทำให้รอบๆ ที่พักนี้ ยังมีบรรยากาศที่ดี ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่ แต่ดิฉันก็ไม่เคยเจออะไรแปลกๆนะ” 

พอผมฟังจบผมก็คิดว่า มันก็ไม่น่าจะใช่สาเหตุที่แฟนเก่าผมเสียชีวิต ผมจึงขอบคุณเขาแล้วก็ออกมา ด้วยความสงสัย !! ผมและบีจึงพยายามมองหาแม่บ้านหรือพนักงานที่น่าจะมีพออายุอยู่บ้าง !! จนมาเจอกับแม่บ้านคนนึงซึ่งดูแล้ว อายุน่าจะประมาณ 50 กว่าๆ ผมเข้าไปคุยกับเขาถามเจาว่า “ป้าครับผมขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหมคับ ?” ป้าแกก็ดูงง ๆ แต่ก็เดินมากับผม ผมลากแกมาคุย ผมถามแกว่า “ป้าครับ ผมอยากรู้ว่าที่นี้เคยมีเหตุการณ์อะไรไม่ดีๆ เกิดขึ้นบ้างไหมครับ ? ผมให้เงินป้าก็ได้นะ” พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่ผมเจอมาให้ป้าแกฟัง !! แล้วก็บอกป้าว่า “คิดซะว่าสงสารลูกหลานสักคนนะป้า ผมคงบ้าตายแน่ถ้ายังต้องเป็นแบบนี้ !!” ป้าแกก็บอกว่า “ป้าไม่เอาตังค์หรอกหนู แต่ป้าขอร้องอย่าไปบอกใครนะ” ผมก็สัญญากับป้าเค้า 

ป้าแกเล่าให้ผมฟังว่า “เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เคยมีพนักงานคนนึงของที่นี่ เธอเป็นคนน่ารัก พูดจาไพเราะ แต่เป็นคนซื่อๆ ตามคนไม่ค่อยทันเท่าไหร่ ใครเขาพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ป้าก็เคยๆ คุยกับเธออยู่ ตามภาษาผู้ใหญ่คุยกับเด็ก 

เธอมีแฟนคนนึง แฟนของเธอดูน่าจะเป็นคนดีนะ เพราะเขาแต่งตัวดี หน้าตาก็ดี พูดจาดี แต่เบื้องลึกเบื้องหลังป้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น วันนั้นแฟนของเธอได้มาเปิดห้องพักห้องที่หนูนอนนี่แหละ แล้วก็ให้เธอเข้ามาหา ด้วยความที่ทางที่พักก็รู้ว่าเธอเป็นแฟนกับลูกค้าคนนี้ จึงอนุญาติให้เธอเข้าไปพบกับแฟนของเธอได้ แต่เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น 

แฟนของเธอไม่ได้มาคนเดียว แต่มี ผช ประมาน 5 คนมากับแฟนของเธอด้วย เธอถูกลุมกระทำให้สิ่งที่เลวร้ายมาก พวกมันยิ่งกว่าสัตว์นรก มันทั้งข่มขืน ทำร้าย และด้วยความที่เธอไม่ยอมเธอจึงพยายามกรี๊ดร้อง แต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงได้ เพราะแฟนของเธอได้นำหมอนมากดที่ใบหน้าของเธอไว้ แล้วเธอก็หมดลมหายใจ !! 

เรื่องนี้รู้เมื่อ ทางพนักงานของที่นี่ สงสัยว่า ทำไม ผญ คนนี้เข้าไปในห้องนานเกิน ทั้งๆที่แฟนเธอก็กลับไปแล้ว หรือว่าเธอกำลังเก็บของจัดห้องเตรียมรอรับลูกค้าคนใหม่อยู่ ซึ่งก็ไม่น่าจะนานขนาดนี้นะ จึงเข้าไปเผื่อมีอะไรให้ช่วยเหลือ 

เมื่อเข้าไปก็พบกับศพของเธอที่นอนอยู่พร้อมกับคราบเลือดและคราบน้ำโสโครกของพวกสัตว์นรกนั่น และทางเราก็แจ้งทางตำรวจ ก็มีการมาเก็บศพถ่ายรูปเก็บหลักฐานไป แต่เรื่องก็เงียบไป ป้าได้ยินพวกพนักงานคุยๆ กันว่า แฟนของเธอนั้นเป็นลูกคนใหญ่คนโต เรื่องจึงเงียบไป แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ไม่นานก็มีข่าวลือแถวๆ นี้ว่าแฟนของเธออยู่ๆ ก็วิ่งหนีอะไรมาไม่รู้มากลางถนนจนถูกรถชนตาย 

หลังจากเหตุการณ์นี้ พนักงานก็มักจะได้ยินเสียงคนร้องไห้ในห้องนี้ ทางเจ้าของได้นิมนต์พระมาสวดเพื่อให้เธอไปสู่สุขติแต่เธอก็ไม่ไป แต่พนักงานที่นี่ไม่เคยถูกเธอทำร้ายหรือมาหลอก ทางที่พักจึงปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ แต่ไม่เปิดห้องให้ใครพัก จนเวลาผ่านไปรู้สึกว่าเหตุการณ์จะเงียบลง จึงเปิดห้องนี้ให้พักอีกครั้ง” 

ผมจึงเข้าใจกระจ่างแล้วว่า ผญ คนนี้เป็นใคร ทำไมเขาถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ ผมจึงขอชื่อและนามสกุลเธอไป เพื่อจะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เธอ

หลังจากที่ได้ชื่อและนามสกุลของ ผญ คนนั้นแล้ว ผมและบีก็เดินทางกลับบ้าน และไปทำบุญอุทิศส่วนกุศล และ ขออโหสิกรรม ให้ ผญ คนนั้น ผมกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่บีขอไม่มาอยู่ที่ห้องผมอย่างที่เคยทำ เพราะบียังคงมีความกลัวในเรื่องที่บีเจอที่ห้องผมอยู่ !! ผมก็เข้าใจ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน คืนถัดมาหลังจากเลิกงานผมก็กลับมาห้อง และโทรศัพท์คุยกันกับบีตามภาษาแฟน คุยกันไปจนจะบอกลากันก่อนนอน

บีก็พูดขึ้นมาว่า “เสียงใครอะ ??” ผมก็ถามบีว่า “เสียงอะไร ?? เสียงใคร ??” บีบอกผมว่า “เมื่อกี้ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ว่า อย่ามายุ่งกับคนของกู” และบีก็ถามผมว่า “เปิดโทรทัศน์หรือวิทยุไว้รึเปล่า ??” ตอนนั้นผมคิดในใจ ยังไม่ไปอีกหรอ หลังจากสิ้นความคิดสายโทรศัพท์ก็ตัดไป ผมจึงโทรกลับไปหาบี แต่ก็ได้ยินเสียงของ ผญ คนนึงบอกว่า “เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” แสดงว่าปิดเครื่อง ผมคิดว่าบีคงจะแบตหมดจึงเตรียมตัวนอน  

เมื่อผมปิดไฟนอน ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนไม่ได้นอนคนเดียว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร !! พยายามข่มตานอน แต่ก็นอนไม่หลับเวลาตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่ม ผมจึงคิดว่าปกติเรานอนดึกกว่านี้ สงสัยร่างกายมันคงยังไม่ถึงเวลานอน จึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หาอะไรดูอ่านไปเรื่อย เผื่อจะทำให้ง่วง แต่ขณะที่ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือนั้น !! หางตา !! หางตาผมมันเห็นเหมือน เงาดำๆ อยู่ปลายเตียง 

ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาส่องไฟ !! แต่ก็ไม่พบอะไร !! คิดว่าตัวเองคงจะตาฟาด จากนั้นผมก็นอนเล่นโทรศัพท์ไปสักพักก็เผลอหลับไป 

ตื่นเช้ามาผมก็เตรียมไปทำงาน ผมโทรหาบีและถามบีว่า “เมื่อวานยังไม่ได้บอกฝันดีกันเลยนะ แบตหมดซะงั้น !!” บีบอกว่า “หมดอะไร ?? ของเธอหรือเปล่าที่หมด” ผมก็บอกว่า “ไม่หมดนะ ?? สงสัยโทรชนกัน!!”  แล้วบีก็บอกผมว่า “บีโทรมาหาตอน 5 ทุ่มกว่า ติดรับสาย แต่ทำไมรับสายแล้วไม่พูดและทำไมนอนไม่ปิดโทรทัศน์?” 

ผมนี่งงเลยครับ !! ผมบอกกับบีว่า  “เราหลับตั้งแต่ยังไม่ถึง 5 ทุ่มเลย หลับคาโทรศัพท์ ไอ้เรื่องรับสายอาจจะเป็นเพราะกลิ้งไปโดนได้  แต่เสียงโทรทัศน์ คืออะไร  เราไม่ได้เปิดทีวีก่อนนอนนะ !!”  บีบอกว่า “ได้ยินเสียงจี่ๆ แต่จับใจความไม่ได้หรอก จึงคิดว่านอนไม่ได้ปิดทีวี บีก็วางสายแล้วไปนอน กะจะโทรมาถามตอนสายๆ เหมือนกัน” ผมก็บอกบีว่า “สงสัยคงจะมือไปโดนและเสียงจี่ๆ อาจจะเป็นเพราะโทรศัพท์มันถูกนอนทับอยู่ก็ได้ อย่าคิดมากเลย”

คืนวันนี้ ผมไม่ได้คุยโทรศัพท์กับบี เพราะผมบอกบีแล้วว่า ผมขอเคลียร์งานก่อนนะ ไว้คุยกันพรุ่งนี้ !! ขณะที่ผมกำลังนั่งเคลียร์งานอยู่นั้น ผมก็ส่งข้อความไปหาบีว่า “ฝันดีนะ คิดถึงมากๆ” หลังจากที่ผมส่งข้อความเสร็จ ผมก็นั่งเคลียร์งานต่อ แต่นั่งทำงานไปได้สักพักไฟในห้องก็ดับ หลังจากไฟดับหางตาผมเห็น เงาดำๆ ยืนอยู่ข้างๆ เตียง คราวนี้ผมพูดขึ้นมาเลยว่า “ไปได้แล้ว เราไม่มีอะไรกันแล้ว ขอให้ไปอยู่ในที่ที่ดี” แล้วเงานั้นก็หายไป ผมจึงลุกขึ้นไปกดเปิดสวิทซ์ไฟใหม่ ไฟก็ติดขึ้นมาตามปกติ ผมจึงเคลียร์งานให้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็นอน 

เช้าวันถัดมาผมตื่นเพราะบีโทรหาผม และบอกกับผมว่า “เมื่อคืนบีฝันถึง ผญ คนนั้นอีกแล้ว แต่คราวนี้มาอยู่ข้างๆ เลย เธอก้มลงมาพูดกับบีว่า อย่ามายุ่งกับคนของกู บีสะดุ้งตื่นและรีบไปนอนกับแม่ของเลย” 

วันนั้นผมจึงลางานเลยคับ ผมคิดในใจว่าทำไมเขาถึงตามจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้ ผมพาบีไปวัด ไปทำบุญแล้วก็ไปหาหลวงปู่ท่านนึง ซึ่งแม่ของบีบอกว่า ให้ลองไปหาท่านดู ว่าทำไมเขาถึงยังไม่ไปสักที สิ่งที่หลวงปู่บอกกลับมาคือ ผญ คนที่โยมพูดถึง เขาเลิกตามโยมตั้งแต่ที่โยมลาสึกมาแล้ว เพราะโยมมีบุญมากพอที่เขาจะไม่สามารถตามมาได้  ส่วน ผญ คนนี้เป็นคนที่โยมและแฟนโยมเจอ เป็นคนที่โยมรู้จักดี เขาหวงและห่วงโยมมากนะ… 

ผมรู้เลย เมื่อหลวงปู่บอกมาว่าคนที่หวงและห่วงผม ต้องเป็นแฟนเก่าผมแน่ๆ แต่แฟนเก่าผมเขาไปดีแล้วไม่ใช่หรอ ?? ผมจึงถามหลวงปู่ไปว่า “แต่แฟนผมเค้าไปดีแล้วนี่ครับหลวงปู่ !!” หลวงปู่บอกว่า​ “สิ่งที่เธอให้โยมเห็นคือเธอหลุดจากบ่วงที่ผูกกับ ผญ คนที่อาฆาตเธอ แต่เธอยังไม่ได้ไปสู่สุขติ เพราะเธอยังมีบ่วงสัญญากับโยมอยู่ เธอเป็นดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์นะ แต่สามารถกลายเป็นวิญญาณที่ชั่วร้ายได้ ถ้าเธอก่อกรรมชั่วในขณะที่เป็นวิญญาณนี้ ดวงวิญญาณของเธอจะชั่วร้ายไม่ต่างจากผีที่โยมเจอ” 

เมื่อผมได้ฟัง ผมจึงขอแนวทางการแก้ไขจากหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่า “ให้โยมนั้น ปลดบ่วงกรรม บ่วงสัญญาที่เคยให้ ที่เคยพูด ที่เคยรับปากกับเธอไว้และให้ อโหสิกรรมให้แฟนเก่าโยม และเธอจะสามารถไปในภพภูมิที่ดี หลังจากนั้นผมก็ไปทำการปลดบ่วงกรรม ตามที่หลวงปู่บอก 

หลังจากนั้นมาผมก็ไม่เคยเจอเงานั้นอีกเลย !! ห้องที่เคยอยู่แล้วอึดอัดก็รู้สึกเหมือนปกติ !! ส่วนบีก็ไม่ฝันเรื่องแปลกๆแบบนั้นอีกแล้วนี่คือที่มาของเรื่อง ” แฟนเก่า ” เพราะสรุปแล้วสิ่งที่ผมและเอเจอคือ ” แฟนเก่า ” ผมเอง ปัจจุบันผมยังคบกับบีอยู่ยังไม่ได้ขอเธอแต่งงาน แต่ผมก็มีแผนไว้แล้วหละ !! แต่คงจะขอเลย ไม่ต้องไปเซอร์ไพรส์อะไรที่ไหนแล้ว …เรื่องราวทั้งหมดก็จบเพียงเท่านี้

ขอบคุณเรื่องเล่าจาก : สมาชิกพันทิปหมายเลย 1471163

Previous articleบ้านมือสอง อยู่ๆไปสักพัก เริ่มรู้ว่าเคยมีคนตายที่บ้านหลังนี้…
Next articleพระนางมัสสุหรี คำสาป 7 ชั่วโคตรแห่งลังกาวี