บ้านหลังนี้ ทางผีผ่าน

บ้านหลังนี้ทางผีผ่าน

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2550 ครอบครัวของเราได้ซื้อบ้านจัดสรรสวัสดิการทหาร ซึ่งพื้นที่เดิมเป็นป่า(คุ้นชื่อว่าอีสานเขียว) บ้านเราเป็นหลังแรกๆที่เข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน ณ ขณะนั้นเราเรียนอยู่ที่มหาลัยที่ กทม. ส่วนพ่อไปประจำชายแดนใต้ จึงมีคุณแม่คนเดียวที่เข้าไปอยู่บ้านหลังนี้

คืนแรกที่ไปนอน คุณแม่เล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณเที่ยงคืน คุณแม่นอนไม่หลับแต่ก็พยายามข่มตา สักพักได้ยินเสียงคนคุยกันเป็น ผู้หญิง ผู้ชายประมาณ 4-5 คน เหมือนกำลังเดินผ่านหน้าต่างห้องนอนไป

แต่!? ใครจะเข้ามากันล่ะ? ในเมื่อบ้านมีรั้วรอบ และห้องนอนที่คุณแม่นอนคือส่วนหลังบ้าน คุณแม่จึงลุกขึ้นมองลอดหน้าต่าง ก็เห็นคนยืนคุยกันและหันมาทางคุณแม่ คุณแม่จึงถามว่า…

คุณแม่: อ้าวเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง

ผู้หญิงผมสั้น ใส่ชุดเดรสประมาณเข่า: ก็พวกฉันเดินทางนี้ทุกวัน มีคนอยู่ด้วยหรอ?

คุณแม่: เพิ่งเข้ามาอยู่จ๊ะ เดินไปทางอื่นพอได้มั๊ย? ที่ตรงนี้ซื้อแล้ว

ผญ,ผช: อ่อได้ๆ เดี๋ยวอ้อมไปทางอื่น แต่กลุ่มอื่นไม่รู้จะยอมรึเปล่านะ เพราะเดินผ่านทางนี้กันทุกวัน

แม่: เดี๋ยวฉันจะบอกเขาเอง

ผญ,ผช: (พยักหน้า) เดินหายไป

หลังจากนั้นแม่ก็ลุกขึ้นไปดื่มน้ำ และไปจุดธูปไหว้พระ และยัง งง กับตัวเองว่า “ฝันหรอ แต่ยังไม่หลับนี่” อาการเหมือนตกอยู่ในภวัง เช้ามาแม่ก็ทำบุญ ใส่บาตร (เป็นปกติของคุณแม่)

หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไปทุกอย่างก็ดูจะเงียบสงบ จนคุณพ่อกลับมาประจำที่นี่และไม่ได้ลงไปใต้อีก

วันหนึ่งคุณพ่อเดินหอบผ้าห่มมานอนกับคุณแม่ (ปกติคุณพ่อชอบนอนห้องรับแขก) แล้วบอกว่ามีผู้หญิงมานั่งทับ ออกแนวขึ้นคร่อม แต่ที่ทำให้ตกใจคือคุณพ่อยังไม่หลับและยังดูทีวีอยู่เลย

หลังจากนั้นคุณพ่อก็เลยย้ายเข้ามานอนในห้องนอนกับคุณแม่ตลอด แต่ก็ยังเจอเหตุการณ์นิดๆหน่อยๆ คือได้ยินเสียงคนพูดในบ้าน หรือของตกบ้างแต่ไม่ค่อยชัดเจนมาก

เวลาผ่านไป…2 ปี เราปิดเทอมจึงกลับมาอยู่บ้านยาวหน่อย แต่วันแรกที่มา เราบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าอยากนอนด้วยกันที่ห้องรับแขก(ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ก็มี 3 ห้องนอน)

คืนนั้นน่าจะประมาณตี1-2 ขณะกำลังนอน เราได้ยินคนตะโกนข้างหูเรา เป็นเสียงผู้ชายตะโกนดังมาก จนหูเราชาเลย เขาพูดว่า

ผช 1: ออกไป!!! ออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้ อีสัมพเวสี

ผช 2: อย่าไปว่าเขาเลย (พูดเบาๆ)

ผช 1: ออกไป!!! ออกไป!!! เลว อิเลว!!

เราพยายามจะขยับตัวลุกแต่ขยับไม่ได้ นอนตัวสั่น! ไม่รู้เพราะโกรธที่โดนด่าหรือกลัว ตอนนั้นเราลืมตามองในความมืด เสียงด่ายังลั่นอยู่ ด้วยความโมโห เราพยายามตะโกนสุดเสียงแต่เสียงไม่ออก จึงพูดในใจว่า…

“นี่บ้านกู มึงเป็นใคร กูเป็นคน ด่ากูแบบนี้ มึงเป็นใครวะ อย่าให้ขยับได้นะกูจะฆ่าให้หมดเลย ถ้าเป็นผีกูจะทำให้ตายแบบไม่ได้ผุดได้เกิด” (ด่าไปเพราะความโมโห ล้วนๆ)

แล้วเราก็ลุกได้ ปลุกคุณพ่อ คุณแม่ แล้วเล่าให้ท่านฟัง พ่อก็นั่งขำว่าคนอะไรโดนผีด่า แต่คุณแม่โมโหสุดๆ คว้ากริชในบ้านฟันไปตามบ้านพร้อมแช่งๆ ด่าๆ หยาบจนเราไม่สามารถพูดให้ฟังได้

เราก็เลยบอกว่า เอางี้หนูจะไปนอนคนเดียวในห้องนอนที่ไม่ได้ใช้แล้วก็ตะโกนว่า “มาเลยกุนอนคนเดียว ขอแบบมาเป็นตัวๆ มาเป็นเสียงกระจอกวะ” พูดเพราะโมโห ล้วนๆ สรุปคืนนั้นก็ไม่เจออะไร

วันต่อมา เพื่อนมานอนที่บ้านชื่อ ม. เพื่อนคนนี้ปกติอยู่หอด้วยกันเป็นรูมเมท ม. โดนผีอำบ่อยมาก เป็นคนชอบไหว้พระ ทำบุญ ใจบุญ สวย

คืนนั้นเรานอนกันห้องรับแขก 2 คน ม.ห้อยพระ ไหว้พระก่อนนอนเช่นเคย

เวลาประมาณตี 2 เรารู้สึกเหมือนคน อึกๆอักๆ ยุกยิกๆๆอยู่ข้าง แล้วก็มีเสียงร้องไห้ เราเลยตื่นขึ้นมาดูสรุปคือ ม.เอง

เราถามว่าเกิดอะไรขึ้น ม. เลยเล่าว่า ตอนที่นอนอยู่ หลับไปแล้ว แต่รู้สึกเหมือนมีคนก้มหน้าใกล้ๆ หนังตาหนังๆพยายามลืมตาขึ้นได้เล็กน้อย ม.เห็น!!!! 

มือเหี่ยวๆ เอื้อมมาบีบคอ แน่นขึ้น แน่นขึ้น ม.จึงตัดสินใจสวดมนต์ แต่เสียงนั้นกลับบอกว่า กุก็สวดเป็น ม.เลยพูดว่าจะรีบทำบุญให้เลย ทำเยอะๆให้เลย มือนั้นเลยค่อยๆคลายออก

พอเราได้ฟัง เราโมโหมาก ถึงกับตะโกนออกไปว่า “ทำเพื่อนกุทำไมวะ เป็นใคร มาทำกุนี่!!!!” คุณแม่ได้ยินลุกมาถามเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วไปจุดธูปไหว้พระและให้เราไปนอนในห้องนอน คืนนั้นก็ไม่เจออะไรอีก รุ่งเช้า ม. ก็กลับบ้านไป (น่าสงสารมาก เหมือน ม.กลัวแล้วจะร้องไห้ตลอดเวลา)

2-3 วันต่อมา เพื่อนอีกคนชื่อ ก. มานอนที่บ้าน คราวนี้ไปนอนในห้องนอนกัน พอสักตี 4 ได้ยินเสียงคุณแม่ทำกับข้าว ก. ก็นอนร้องไห้ ฮือๆๆๆ เราก็เขย่าตัวถามว่าเป็นอะไร ก. บอกว่า เสียงผู้ชายมากระซิบข้างๆหู เสียงแหบๆ สะกิดแขน ก. แล้วพูดว่า… 

“บอกเพื่อนสิ!!! ว่าโดนพี่หลอก”

เราก็คิดว่า อีกแล้วหรอออ แต่ไม่เคยเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้เพื่อนฟังเลย 

พอเช้ามานั่งกินข้าวกันอยู่ๆ เพื่อนก็บอกปวดบ่า หนักๆ เราก็แกล้งแซวเล่นว่าสงสัยมีคนขี่คอ เพื่อนถึงกับหวอ 

ตอนกลับ พอเพื่อนจะเดินพ้นประตูหน้าบ้านก็ได้ยินเสียงพร้อมกันทั้งเราและเพื่อนว่า

“บ๊ายบาย ก.ก.(ชื่อเพื่อน)”

เป็นเสียงเด็กแหลมเล็ก เรานี่หันมองหน้ากันและพูดขึ้นแทบจะพร้อมกันว่า

“ได้ยินมั๊ย?”

เราสองคนตอบ “ได้ยิน” แทบจะพร้อมกัน

พอถามว่าได้ยินว่าไง…ตอบเหมือนกัน “บ๊ายบาย ก.ก.”

พอเพื่อนเดินพ้นประตูรั้วบ้าน หันมาบอกเราว่า “กุหายปวดไหล่แล้ววะ” (เหอๆๆๆ)

เวลาผ่านไปจนถึงปี 2559 คุณพ่อของเราเสียชีวิต (หลังจากเรียนจบเราซื้อคอนโดอยู่ กทม. แทบไม่ได้กลับบ้าน)

เหตุการณ์ก่อนเสีย คุณพ่อเล่าให้คุณแม่ฟังว่า คืนนั้นฝันว่า มีผู้ชายประมาณ 4 คน เอาลวดมาขันรอบคอคุณพ่อ มัดรอบคอจนคุณพ่อหายใจไม่ออก คุณพ่อดิ้นๆ สุดท้ายก็ตื่นก่อน พอเช้ามาเล่าให้คุณแม่ฟังและบอกกับคุณแม่ว่า มันเอาฉันตายแน่ๆเลยคราวนี้

จนกระทั่ง 2 วันถัดมา เวลาเช้าคุณพ่อก็เสียชีวิต แพทย์สรุปว่าติดเชื่อในกระแสเลือด

เราจะเล่าถึงเหตุการณ์ตอนคุณพ่อยังมีชีวิต เนื่องจากที่บ้านไม่มีศาล คุณแม่ก็ได้เอาอาหารมาไหว้ ปักธูป ริมรั้ว(ตามคำชี้แนะหมอดู ที่คุณแม่ไปดูมา)

แต่คุณพ่อ ไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้เลยเดินเข้าไปแตะข้าวที่คุณแม่ไหว้ไว้หกหมด บอกว่าไหว้แบบนี้มันไหว้ผีแล้ว หลังจากนั้นคุณพ่อก็ไม่ค่อยอยู่บ้านหลังนี้ เนื่องจากไปดูแลปู่ ย่าที่ต่างจังหวัด แต่ช่วงหลังก็กลับมาอยู่บ้านหลังนี้เพราะร่างกายอ่อนแอลงนิดหน่อย เลยกลับมาอยู่บ่นพักก่อน แต่ก็มาเสียชีวิตลง

หลังจากคุณพ่อเสียชีวิตที่บ้านหลังนี้ (เสียจริงๆที่โรงพยาบาล) คุณแม่ก็ทำใจไม่ได้ อยู่สักพักก็ขายบ้านไป หลังจากขายบ้านไม่นาน ผู้ชายหลังบ้าน หน้าบ้าน บ้านข้างๆ ก็เสียชีวิตหลังละคน ทั้งที่อายุยังไม่มากเท่าไหร่ แล้วเราก็ไม่เคยทราบเหตุการณ์บ้านหลังนี้หลังจากขายไปแล้วอีกเลย ลาขาด…

ต่อ….

เรื่องเล่าต่อไปนี้ คือเรื่องเล่าที่ฟังต่อมาจากคุณแม่และคนรอบๆข้าง แต่ไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง…(เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนที่เราจะขายบ้านของเราเล็กน้อย)

เริ่มจากหลังบ้าน…

เนื่องจากหลังบ้าน เป็นเพื่อนเราสมัยเรียนมัธยม และคุณพ่อคุณแม่ของเราก็เป็นเพื่อนกับคุณพ่อคุณแม่เพื่อนเราด้วย

หลังบ้านเริ่มย้ายเข้ามาหลังจากเรามาอยู่แล้วนานพอสมควร มีการทำบุญบ้านครั้งใหญ่ วันแรกที่เค้าย้ายเข้ามา กำลังติดเหล็กดัด ปูกระเบื้องอยู่ อยู่ๆคุณพ่อของเพื่อนก็เป็นลมล้มลงไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และผู้ช่วยที่มาช่วยทำบ้าน ตอนขากลับขับรถมอเตอร์ไซส์ก็โดนรถชน ทุกคนคิดว่าอาจจะบังเอิญ เลยไม่ได้ใส่ใจว่าจะเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับใดๆ

พออยู่มาได้ไม่กี่เดือนก็ทำการต่อเติมบ้าน ที่เป็นพื้นที่ข้างบ้าน (ใหญ่พอๆกับบ้านหลังหลัก) คืนนั้นเองคุณพ่อของเพื่อนก็ฝันว่า… มีผู้ชายมายืนด่าว่า “มาเหยียบหัวกู กับขากู ขอโทษกูหรือยัง แล้วยังมาปลูกบ้านทับกูอีก” แล้วพอตื่นมา…ตาก็มองไม่เห็นข้างนึง ครวบครัวจึงเชิญหมอธรรมมาทำพิธีขอขมา

หลังจากเหตุการณ์นี้อีก 3 เดือน เพื่อนเรา(ย่อว่า ค.) ก็เอาลูกมาให้คุณพ่อเลี้ยง แต่เนื่องจากลูกเป็นโคลิก(ร้องไห้ตอนเย็นวันละ1-2ชั่วโมง เวลาประมาณ 5 โมงเย็น) คุณพ่อ คุณแม่ของ ค. ก็กังวลใจว่าหลานเป็นอะไรและมีความคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสิ่งลี้ลับ

เย็นวันหนึ่ง…ในขณะที่เด็กน้อย (หลาน) ร้องไห้อย่างหนักเช่นเดิม พ่อของ ค. จึงพูดว่า “อย่ามาทำหลานกู มาทำกูนี่! “

เช้าตรู่ คุณแม่ของ ค. เห็นคุณพ่อยังไม่ลุกมาทานข้าวจึงเข้าไปปลุก ปรากฎว่าคุณพ่อของ ค. ได้เสียชีวิตลงแล้ว แพทย์สรุปว่า คุณพ่อไหลตายหรือโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ….จบเรื่องราวของหลังบ้าน

และต่อจากนี้อาจจะไม่แน่ชัดเรื่องสิ่งลี้ลับ…แต่เป็นเรื่องราวของผู้คนรอบๆบ้าน ที่เสียชีวิตในเวลาที่ไล่เลี่ยกันมากๆ

ข้างบ้านฝั่งซ้ายมือ… พอย้ายเข้ามาอยู่สักพัก…ขอเรียกว่า อา ร. อาศัยอยู่กับลูกชาย 2 คน ลูกชายเจอคนเดินอยู่ในบ้าน แต่พอเดินตามไปก็ไม่พบใคร หลายต่อหลายครั้งจนทนไม่ไหว ลูกชายจึงย้ายออกไปอยู่บ้านอีกหลัง ซึ่งอยู่ที่อื่น

ส่วนอา ร. เราเคยเห็นตอนเรายังอยู่บ้าน อา ร. เป็นคนแข็งแรงมาก ต่อเติมซ่อมแซมบ้านเองได้เลย แต่พอลูกชายย้ายออกไป อา ร. ก็อยู่คนเดียว บางวันฝันเห็นคนมายืนด่าว่าทำบ้านเค้าเลอะเทอะบ้าง แล้วก็มาเล่าให้แม่เราฟังหลายต่อหลายครั้ง จนเมื่อประมาณ 2-3ปีที่แล้ว อา ร. ก็เสียชีวิตลง (ตรงนี้คุณแม่เล่าว่าป่วยและเสียชีวิต)

ต่อไปคือ ฝั่งตรงข้ามหน้าบ้านเรา เนื่องจากไม่สนิทสนมมาก จึงมีแค่ข้อมูลเล็กน้อย บ้านตรงข้าม สร้างสนามฝึกยิงปืนไว้ข้างบ้าน(เปิดสอนยิงปืน) เป็นครอบครัวที่อบอุ่น อยู่กันพ่อแม่ลูก ต่อมาเราได้รับข่าวจากแม่ว่า ท่านเสียชีวิตเนื่องจาก “ปืนลั่น”

ต่อไปคือหลังบ้านอีกหลังหนึ่ง คุณลุง ต. นอนเล่นบนเปลและนอนฝันว่า มีผู้ชายตัวดำสนิท โพกหัวสีแดง ใส่ผ้าเตี่ยวสีแดง เดินตรงเข้ามาเทแปลของลุง และพอตื่นมาตัวลุงตกจากเปลจริงๆ ทำให้ได้รับบาดเจ็บที่สะโพกลงไป ไม่สามารถเดินได้ต้องนั่งรถเข็น (คุณแม่ของเราเล่าให้ฟังว่า บ้านหลังนี้ทำบุญบ้านกันบ่อยมากๆ)

ต่อไปคือบ้านตรงข้าม อา ร. (เยื้องบ้านเรา) ในบ้านมีต้นข่อย ต้นใหญ่อยู่หน้าบ้าน จึงคิดจะทำการขุดออก

คืนนั้นคุณลุงฝันว่า มีผู้ชายมาบอกว่า ขุดต้นข่อยทำไม มันเป็นยา พอตื่นมา…ลุงแกก็ไม่ได้สนใจทำการขุดเลยในวันนั้น

คืนเดียวกันนั้นเอง ลุงแกฝันต่อว่า…ผู้ชายคนเดิมพูดว่า “ขุดออกทำไมยากู” ลุงแกเลยตอบกลับไปในฝันนั้นว่า “ยาบ้าอะไรแค่ต้นข่อย” ผู้ชายคนนั้นจึงตอบกลับมาว่า “กูบอกไม่ฟัง กูเอามีดแทงนะ!!!!”

ต่อมาไม่กี่วัน คุณลุงก็เสียชีวิตลง แต่ก่อนเสีย ภรรยาของคุณลุงเล่าว่า ได้ยินเสียงร้องของคุณลุงดังมาก ภรรยาคุณลุงบอกว่าในใจคิดขึ้นมาเลยว่าคุณลุงโดนใครทำร้ายอยู่ พอวิ่งไปดูก็พบว่าคุณลุงเสียชีวิตแล้ว และก่อนหน้านี้คุณลุงไม่ได้ป่วยหรือเป็นโรคอะไรเลย แต่แปลกที่ทางการแพทย์ก็สรุปว่าหัวใจวายเฉียบพลัน

เครดิตเรื่อง :  สมาชิกหมายเลข 2254149

Previous articleเปรต…ที่วัดจุมพลสุทธาวาส
Next articleยุติการเผยแพร่