เรื่องมันมีอยู่ว่า มันมีกลุ่มเพื่อนๆ นศ. รวมตัวกันมาเที่ยวที่บ้านเพื่อนที่สุราษ แต่บังเอิญบ้านของเพื่อนในกลุ่ม อยู่ในอำเภอนึง ที่ติดเขตใกล้กับรอยต่อจ.ระนอง
#เริ่มแรก
เข้าเรื่องเลยละกันคือทั้ง 5 คนนี้ตอนอยู่ กทม ก็เป็นคนที่ชอบตกปลาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยได้โอกาสจะเข้าป่าตั้งแคปม์ที่ต้นน้ำในป่าลึกจะได้ตกปลากัน แล้วทั้ง 5 คนก็เข้าไปซื้ออุปกรณ์เดินป่าในอำเภอเมืองมา พอกลับมาถึงบ้านก็จัดแจงทุกอย่างเสร็จสัพ ดูแผนที่อะไรเรียบร้อย
คือเพื่อนคนทีเป็นเจ้าบ้านเมื่อก่อนเขาเคยขึ้นไปกับลุงสมัยเรียนมัธยมเลยพอจำทางได้บ้าง แต่พ่อของเพื่อนแนะบอกให้ไปชวนลุงไปเป็นเพื่อนดีกว่า ไปกันหลายคนก็จริงแต่ใช่ว่าก็จะรู้ทางขึ้นเขาลงเขา
กลุ่ม นศ.เลย ให้เพื่อนไปตามลุงมานำทางให้ จ้างด้วยนะ แต่ลุงบอกหน้าฝนไม่มีใครเขาเข้าป่ากันหรอก ป่ามันปิด อย่าไปเลย
คือสรุปลุงแกไม่ได้ขึ้นเขาไปด้วยกับกลุ่ม นศ กลุ่มนี้ ทำให้ กลุ่มนศ.ตัดสินใจไปกันเองทั้ง 5 คน จังหวะที่พวก กลุ่มนศ. กำลังจะขึ้นเขาไปนั้น
ลุงแกโทรหาพ่อเด็กบอกว่าให้ห้ามหลานที บอกอย่าขึ้นไปเลย หน้าฝนป่ามันปิด แต่มันไม่ทันละ พวกเด็กมันเข้ากันไปได้ 2 ชม.แล้ว ….
คือผมต้องบอกก่อนว่าสุราษรอยต่อกับระนองมันเป็นภูเขาสูงหลายลูกขึ้นลงขึ้นลง แต่ช่วงรอยต่อมันจะมีต้นน้ำใหญ่อยู่ เมื่อสมัยก่อนสมัยที่ยังมีคอมมิวนิสที่ตรงนั้นมันเป็นฐานของพวกคอมมิวนิส เลยมีคนเบิกทางขึ้น-ลงไปยังต้นน้ำ เลยทำให้หลังจากหมดยุคคอมมิวนิส ชาวบ้านชอบเข้าป่าไปหาของป่ากับไปหาปลาที่ต้นน้ำ
#เดินป่าวันแรก
เนื่องจากช่วงนี้ฝนตก ทำให้การเดินป่ามันลำบากมาก ทำให้กว่าจะขึ้นไปถึงต้นน้ำ มันไปได้ช้ากว่าที่ควร เอาจริงๆใช้เวลาเดินเท้า 2 วันก็ถึงแล้ว
พอช่วงบ่ายสามโมงครึ่ง ทุกคนก็หยุดเดินต่อ เพราะมันมืดฝน แล้วในป่ามันทึบมาก คือไม่กี่ชั่วโมงก็คงมืดจนมองทางไม่เห็นแล้ว
หลังจากทุกคนตั้งเต้นท์ทำของกินมื้อเย็นกันเสร็จแล้ว ก็ก่อกองไฟสุมไว้เพราะยุคทาก อะไรชุมมากๆ พอเวลา 1 ทุ่ม ก็เข้านอนกัน กะว่าจะออกเดินทางตั้งแต่ 6 โมงเช้า ่
ที่นอนเร็วไม่ใช่ไรหรอก ล้ากันหมดทุกคน หลังจากที่เข้านอนกันได้สักพัก ป่าที่เคยมีเสียงสัตว์เสียงแมลง อยู่ๆกลับเงียบสนิท เงียบจนหน้ากลัว
นศ.ที่บ้านอยู่สุราษเขารู้ว่าถ้าป่าเงียบแปลว่ามันไม่ปรกติ เขาเลยบอกเพื่อนทุกคนให้เงียบอยู่เฉยๆอยู่นิ่งๆอย่าพูดอย่าทัก
เมื่อทุกคนเงียบ อยู่ๆก็มีเสียงโนราร้องเป็นภาษาใต้ลอยมาเป็นโทนต่ำๆคือได้ยินกันทุกคน แต่ไม่มีใครพูดอะไรได้แค่สกิดกัน แต่ก็หลับกันหมดทุกคน…คืนแรก
#เดินป่าวันที่สอง
หลังจากเก็บเต้นท์ทุกคนก็รีบเดินกันไปตั้งแต่เช้า อยากจะไปให้ถึงต้นน้ำไวๆ แต่มี นศ.คนที่อยู่สุราษ เห็นรอยเท้าไม่ใส่รองเท้า เดินวนอยู่รอบๆเต้นท์
แต่ก็ไม่ได้บอกเพื่อน เพราะกลัวว่าเพื่อนจะกลัวกัน พอเข้าช่วงบ่าย 3 ก็ขึ้นกันมาถึงต้นน้ำจนได้ ทุกคนก็ จัดแจงคันเบ็ด ตกปลากันอย่างสนุก คงจะหายเหนื่อยกันทุกคนแหละเห็นต้นน้ำของจริง
ผ่านไป 2 ชม.กว่าๆ ทุกคนก็ได้ปลามาหลายตัวมาก ปลาตัวมันเหลือง คือต้นน้ำสมบูรณ์มาก ทุกคนก็ช่วยกันผ่าท้องเอาเครื่องในออก กะทำปลาให้เสร็จแล้ว พอรุ่งเช้าจะได้เดินกลับเลย
แต่พอทำปลาไปได้สักพัก มันมี เพื่อน นศ.ที่มาจาก กทม ตอนที่เอามีดผ่าท้องปลาได้ยินเหมือนเสียงผู้หญิงร้องดังมาก บางทีก็เหมือนเสียงผู้ชายร้องแบบเจ็บมากๆ
เขาถึงกับต้องโยนปลาโยนมีดทิ้ง แล้ววิ่งไปหาเพื่อนบอกได้ยินเสียงคนร้อง “พวกมึงได้ยินป่าว” เอาจริงๆได้ยินกันทุกคน คือรู้แล้วว่ามันไม่ใช่แล้ว
ทุกคนรีบเก็บของคือจะกลับออกมาในเย็นวันนั้นเลย แต่ตอนกำลังจะเดินกลับ เพื่อนนึกได้ว่าโยนมีดทิ้งไว้ เลยจะไปเก็บมีด แต่พอเดินไปที่ซากปลาที่โยนทิ้งไว้
ภาพที่เห็นคือ สีเลือดแดงเต็มน้ำเลย (ปลามันมีเลือดนะแต่ปลา 2 ตัวเลือดมันคงไม่เยอะขนาดทำให้น้ำเปลี่ยนสีได้ขนาดนั้น)
ทั้งหมด 5 คนไม่สนมีดไม่สนคันเบ็ดแล้ว สะพายกระเป๋าได้ก็รีบเดินออกกันมาเลย โดยไม่หันไปมองข้างหลังเลย ทุกคนรู้สึกได้ว่ามีคนจำนวนมากเดินตามมาแน่ๆ
พอเดินกันมาได้สักพักจนมืดมองทางไม่เห็น เลยตัดสินใจกางเต้นนอนกันตรงนั้นเลย ก็เหมือนเดิมก่อกองไฟเสร็จก็เข้าเต้นท์นอน
แต่ทุกคนไม่มีใครพูดอะไรถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ต้นน้ำเลย จนช่วง 3-4 ทุ่ม ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนปาเศษไม้เศษดินเข้ามาที่เต้นท์ดังปุกๆ
ตอนแรกไม่มีใครกล้าเปิดซิบออกไปดู แต่ทนไม่ไหวเลยออกกันไปทั้ง 5 คน ภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือ เงาดำๆทั้งหญิงทั้งชาย ยืนอยู่เป็น10-20 คน อยู่รอบๆเต้น คราวนี้แหละจิตตกแตกกระเจิง ทุกคนจับไฟฉายได้ พากันวิ่งออกมาจากเต้น
ยังไม่พอเสียงต้นไม้เสียงลิงค่างร้องดังลั่นป่า ทุกคนกลัวจนเกือบเป็นบ้าร้องไห้ไปด้วยวิ่งหนีไปด้วย
มันมาพีคตรงเสียงช้างนี้แหละ ป่าแตกของจริง ทุกคนได้ยินเสียงช้างจำนวนมากวิ่งตามหลังมาเป็นโขลง วิ่งกันชนิดที่ไม่หันมองข้างหลัง
จนเพื่อนคนที่สองมันสะดุดรากไม้ล้มจนหัวเข่าหลุดเดินต่อไม่ได้ทุกคนเลยหยุดวิ่งช่วยเพื่อนคนที่ล้มอยู่กับพื้น แต่เพราะการที่เพื่อนคนนั้นล้มนั้นแหละที่น่าจะทำให้คนอื่นๆและทุกๆคนรอดตาย
เพราะห่างไปไม่กี่เมตร ข้างหน้าเป็นเหวชันลงไปข้างล่าง โอ้ว ทุกคนพากันนั่งร้องไห้ใต้ต้นไม้ คือ ทำอะไรไม่ถูกแล้วหลงทางหลงป่ากลางคืนนี้นรกชัดๆ
แต่แล้ว พวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้กับพ่อของเพื่อนที่สุราษและญาติพี่น้องราวๆ 13-14 คน ก็โผล่ออกมาจากป่า แล้วก็ได้ช่วยเด็กกลุ่มนี้รับกลับมาบ้านออกจากป่าได้โดยที่ไม่มีใครตาย
สรุป ทีมช่วยเหลือ
-ลุงบอกเด็กว่าป่าปิดไม่ควรเข้าป่า
-ลุงโทรหาพ่อเด็กบอกให้ห้ามแต่ไม่ทัน
-พ่อเด็กเกณฑ์คนออกตามหาลูกและเพื่อนๆไปต้นน้ำ
-หากันจนไปถึงต้นน้ำแต่เจอแค่กองปลากับมีดและคันเบ็ด
-จนตี 2 ถึงจะเจอกลุ่มลูกและเพื่อนๆ นั่งอยู่ตรงต้นไม้เยื่องๆกับเหว
สรุปสิ่งที่เด็กเจอจากปากลุงและจนท.ป่าไม้
-คืนนั้นเป็นคืนป่าปิด
-เพื่อนในกลุ่มตอนไปเยี่ยวดันยืนเยี่ยว ซึ่งเข้าป่าเราต้องนั่งยองเยี่ยว
-ปลาที่ทุกคนตกขึ้นมานั้นมันเป็นปลาที่พวกวิญญานสัมเวสีหรือพี่ป่ามันสิงสู่อยู่ในสัตว์ทุกชนิดในป่า ในคืนป่าปิด
-เงา 10-20 คนนั้น คือวิญญานสัมเวสีที่พวกกลุ่ม นศ ตกปลากันขึ้นมา
-เสียงช้างเป็นแค่เสียงหลอนของกลุ่ม นศ เพราะ จนท ป่าไม้บอกที่นี้ไม่มีช้างมา 10 ปีแล้ว (ทุกคนคาดว่าเป็นเสียงผีป่าหลอกให้เด็กหลอน)
-ถ้าไม่มีรากไม้คาดว่าทุกคนคงตกเหวตายไปแล้ว
เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ใครอยู่ ชายแดน สุราษ-ระนอง คงรู้กันทุกคน ผมรู้มาจากพ่อของเพื่อนแกเป็นญาติกับพ่อของเด็กคนนั้น เอาจริงๆเขารุ่นพี่ผม ป่านนี้ 30 ได้แล้วมั้ง ผม 24
ขอบคุณที่มา : เว็บไซต์ soccersuck.com ชื่อผู้ใช้ : pohihi188 เรื่อง : ป่าแตก