Home เรื่องหลอนจากทางบ้าน อาถรรพ์บ้านไม้เก่า

อาถรรพ์บ้านไม้เก่า

อาถรรพ์บ้านไม้เก่า

เรื่องนี้อยากให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ณ บ้านหลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเจ้าของบ้านซื้อบ้านทั้งหลังมาจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง และรื้อถอนไม้นำมาสร้างเป็นบ้านหลังใหม่เพื่ออยู่อาศัยกับครอบครัว แต่กลับได้ของแถมมาด้วย ไม่ใช่เสา ไม่ใช่ไม้ หรือหลังคาอะไร แต่เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็น …พูดแล้วก็ขนลุก 

สิ่งที่แถมมานั้นทำเอาคนในบ้านหลอนไปตามๆกัน จนสุดท้ายพ่อเจ้าของบ้านต้องสั่งรื้อบ้านหลังนี้และถวายให้กับวัดแถวบ้าน เพราะเชื่อว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้น่าจะมาจากอาถรรพ์ของไม้จากบ้านที่ซื้อต่อมา…

คุณปู่สมบูรณ์พ่อของเจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่า เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อ 10 ปีก่อน ลูกชายของตนซึ่งเป็นช่างไม้ ได้ซื้อไม้มาจากตำบลบ้านโคก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งเจ้าของบ้านได้ประกาศขายบ้านทั้งหลัง บ้านหลังนี้สภาพดีมาก พอลูกชายไปเห็นก็ถูกใจ จึงอยากซื้อบ้านหลังนี้ เพื่อรื้อเอาไม้มาสร้างเป็นบ้านของตัวเอง

แต่ก่อนที่ลูกชายจะซื้อก็มีคนเตือนแล้วว่า บ้านหลังนี้มีอาถรรพ์นะ เพราะก่อนที่เจ้าของบ้านจะประกาศขาย เจ้าของบ้านเดิมทั้ง 4 คน ได้ทยอยตายกันไปทีละคน จนลูกสาวคนสุดท้ายซึ่งทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่กล้ากลับมาอยู่อาศัย ก็เลยประกาศขายในราคาถูก 

คุณปู่สมบูรณ์ก็เตือนลูกชายว่า อย่าซื้อบ้านหลังนี้เลย เพราะกลัวว่ามันจะมีปัญหาหรืออาถรรพ์อย่างที่คนอื่นว่า แต่ด้วยความที่ลูกชายเป็นช่างไม้ พอเห็นว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ขายในราคาถูก จึงไม่ฟังคำเตือนของผู้เป็นพ่อ ก็เลยตัดสินใจซื้อไม้จากบ้านหลังนี้เพื่อนำมาสร้างเป็นบ้านของตัวเองจนได้ 

ลูกชายออกแบบบ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ หลังจากที่บ้านถูกสร้างจนใกล้จะเสร็จ ลูกชายก็ได้พาภรรยาและลูกเข้ามาอยู่อาศัยที่ชั้นล่างของบ้านก่อน  

จนกระทั่งวันนั้น ระหว่างที่ลูกชายกำลังสร้างบ้านนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตอนนั้นลูกชายกำลังจะตีฝาบ้านแผ่นสุดท้ายที่อยู่ชั้นบน จู่ๆลูกชายก็พลัดตกลงมาจากนั่งร้านอาการสาหัส คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในที่สุด 

หลังจากนั้นอีก 2 ปีถัดมา ลูกสะใภ้ก็ล้มป่วยและเสียชีวิตตามไปอีกคน นับตั้งแต่ลูกชายและลูกสะใภ้เสียชีวิตไป ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปอาศัยอยู่ข้างบนอีกเลย จนฝุ่นเกาะหนาเป็นนิ้วๆ ปัจจุบันคนที่เป็นเจ้าของบ้านก็คือปู่กับย่า ชื่อว่าคุณปู่สมบูรณ์ อายุ 74 ปี คุณย่าเป อายุ 70 ปี ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่บ้านหลังนี้ แกนอนอยู่ชั้นล่างตลอดไม่กล้าขึ้นไปชั้นบนเลย 

บางครั้งตกดึก ก็ได้ยินเสียงกระโดด ตึก ตัก ตึก ตัก เสียงคนเดินดังมาจากบนชั้น 2 ของบ้าน แต่ความจริงก็รู้กันอยู่ว่าไม่มีใครอยู่ด้านบน บางคืนแกทนไม่ไหว ก็เลยทำเสียงไอ กระแอม ขึ้นไป แล้วบอกว่า 

“อย่าโดดหลายเด้อ ระวังหกล้มเด้อ” จู่ๆเสียงกระโดด ก็เงียบหายไป

อีกคนหนึ่งที่เจอเหมือนกัน คือคุณย่าเป ภรรยาของคุณปู่สมบูรณ์  แกเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ลูกชายเสียชีวิตไป ก็ได้บอกกับลูกสะใภ้ว่าขายบ้านหลังนี้เถอะ แต่ลูกสะใภ้ก็ไม่ยอมขาย เพราะอยากเก็บไว้ให้ลูก จนกระทั่ง 2 ปีที่แล้ว ลูกสะใภ้ก็มาเสียชีวิตตามไปอีกคน 

คุณย่าเปเล่าให้ฟังต่ออีกว่า ก็ได้ยินเหมือนกับคุณปู่สมบูรณ์นั่นแหละ ได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาอยู่บนชั้น 2 บางคืนก็มีเสียงเปิดปิดหน้าต่าง ปึง ปัง เสียงปิดประตูบ้าง พอได้ยินเสียงประตู จึงลุกขึ้นไปเปิดไฟก็ไม่เจออะไร  

บางคืนก็เป็นเสียงคนเดินลงบันไดมาจากชั้นบ้าน พอหันไปมองก็ไม่เจออะไร เหมือนกับว่าวิญญาณที่อยู่ในบ้านหลังนี้ต้องการทำให้ทุกคนกลัวมากกว่า ก็เลยมั่นใจว่าเป็นวิญญาณหรืออาถรรพ์ของบ้านหลังนี้แน่นอน  

คุณย่าเปบอกว่าเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา แกได้ไปร่วมงานบวงสรวงเจ้าพ่อเจ้าแม่ประจำหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ในตำบลใกล้เคียงนี่แหละ พอเดินเข้าไปในงานปุ๊บ ร่างทรงเห็นหน้าแกปั๊บ ก็ทักขึ้นมาเลยว่า 

“เจ้าสิเอาบ้านหรือเจ้าสิเอาหลาน”

แถมร่างทรงยังรู้อีกว่าซื้อบ้านมาจากไหน แล้วยังรู้อีกว่ามีคนตายในบ้านถึง 4 ศพ รวมกับลูกชายและลูกสะใภ้ก็เป็น 6 ศพ  แกก็เลยตกใจว่าร่างทรงรู้ได้อย่างไร เพราะไม่เคยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านให้ใครฟังเลย 

จนกระทั่ง เมื่อเดือนเมษายน ปี 64 ที่ผ่านมา หลานชายซึ่งประกอบอาชีพเป็นผู้รับเหมาต่อจากพ่อ และอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เช่นกัน ก็เกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงมาจากหน้าต่างขณะที่กำลังสร้างบ้านให้ลูกค้า โชคดีที่แค่บาดเจ็บเล็กน้อย

จากคำของร่างทรงที่บอกว่า “จะเอาบ้านหรือจะเอาหลานไว้” ทำให้คุณปู่สมบูรณ์และคุณย่า เชื่อเลยว่าน่าจะเป็นอาถรรพ์ของบ้านหลังนี้อย่างแน่นอน  จนในที่สุดแกก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่เอาบ้านหลังนี้ไว้แล้ว และขนข้าวขนของออกจากบ้านหลังนี้ในเวลาต่อมา

และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้คุณลุงสมบูรณ์ตัดสินใจถวายบ้านหลังนี้ให้กับทางวัด และให้ทางวัดมารื้อถอนบ้าน เพื่อนำไม้ไปใช้งานต่อนั่นเอง 

ขอบคุณแหล่งที่มา สํานักข่าวไทย TNAMCOT 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here