เสียงรถบัสแดงบขส.วิ่งมาเลียบชายฝั่งโขง แดดยามเย็นกำลังลับไปเสียงชายหนุ่มเดินมาหน้ารถแล้วบอกคนขับว่าจอดข้างหน้าด้วยครับ
เขาเดินลงมาพร้อมกระเป๋าเป้เก่าๆคู่ใจ รองเท้าผ้าใบกับชุดหม่นมองเห็นคนหนึ่งข้างหน้า รอยยิ้มถูกส่งให้กันอย่างซึ้งใจ
“มารอพี่นานหรือยังอ้อ?”
“ก็สักพักแล้วจ้ะพี่แคน เอานี่น้ำฉันเตรียมใส่กระบอกไม้ไผ่ไว้ให้”
“โห..ยังเย็นๆอยู่เลย”
“อ้อเอาไปไว้ในน้ำโขง พึ่งไปเอาขึ้นมาเอง”
“ชื่นใจจังแต่ยังไม่เท่าได้เห็นหน้าอ้อเลย”
สาวน้อยหยิกแขนชายหนุ่มเบาๆ ทั้งสองเดินคุยกันจนถึงบ้านของอ้อ เจอลุงอ่ำกับป้าศรีพ่อแม่ของเธอก็เอ่ยปากชวนเขากินข้าว แต่เขาบอกอยากกลับบ้านที่อยู่อีกฟากให้เร็วที่สุด อ้อเดินมาจับแขนเขาบอกพี่แคนระวังไอ้หมายด้วยนะฉันเห็นมันมาส่งยาที่นี่อยู่จ้ะ
พูดถึงไอ้หมาย มันคือคู่อริมันเองแต่อยู่คนละตำบล ดอกอ้อเคยไปเที่ยวงานวัดที่นั่น แล้วมันจะฉุดแต่แคนไปช่วยได้ทัน แถมทำให้มันตาบอดไปข้างนึงจึงแค้นมาก บอกจะเอาคืนในสักวันและระวังตัวให้ดี
คำเตือนไม่ใช่ปากเปล่า มันพาพวกมาดักทำร้ายตอนที่เขากับอ้อไปนั่งเล่นที่ริมแม่น้ำโขง ดีที่หน้าหนาวดอกอ้อบานสีขาวเต็มฝั่ง ทำให้พรางตัวหนีไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไปเผายุ้งข้าวบ้านเขาจนไหม้หมดอยู่ดี
หากเขายังอยู่ที่นี่มันคงไม่รามือแน่ เลยตัดสินใจลงไปหางานทำที่กรุงเทพและฝากพ่อแม่น้องชายไว้กับผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ติดกัน อย่างน้อยมันคงเกรงใจแกอยู่บ้าง
ระหว่างทางเดินกลับมาบ้าน มองเห็นไกลๆมีมอเตอร์ไซค์มาสามสี่คัน แคนสังหรณ์ใจไม่ดี คิดว่าไอ้หมายแน่ พอมันเริ่มเข้ามาใกล้ๆจนเห็นหน้าชัดคือไอ้หมายจริงๆ!!
แคนไม่ทันจะหลบลงข้างทาง ไอ้หมายก็ขับรถสวนไป แต่เหมือนมันคิดได้ “เอ้า!! ไอ้แคนนี่หว่า!!” มันจึงเลี้ยวรถกลับมา
แคนคิดในใจชิบหายแล้ว รีบวิ่งลงข้างทาง พวกไอ้หมายรถมาจอดแล้ววิ่งตามหาทันที แคนมันลงไปหลบในร่องน้ำ “เก่งแค่ไหนถ้าโดนรุมคงไม่คุ้มแน่ ขอกลับไปให้เจอหน้าพ่อแม่ก่อนแล้วกัน” แคนคิดในใจ
“แม่งเอ้ย!!.. กูว่ากูตาไม่ฝาดไอ้แคนแน่เมื่อกี้”
แคนรอสักพักจนเสียงพวกมันเงียบหายไป เขาจึงเดินเลาะริมฝั่งน้ำมา มองเห็นดอกอ้อก็คิดถึงเรื่องราววันวาน ครั้งแรกที่เขาเจอเธอ… พ่อพามาหาปลาเดินเลาะริมฝั่งเจอเด็กผู้หญิง กำลังเอื้อมมือหยิบดอกอ้อที่สูงกว่า…
แคนถามว่าอยากได้เหรอ? สาวน้อยถอยหลังแต่ยังยิ้มให้แล้วพยักหน้า เขาเลยเดินไปหยิบมาช่อหนึ่งยื่นให้ เด็กหญิงยิ้มอีกครั้งก่อนหันหลังกลับไป
หลังจากวันนันแคนก็เจอกับเธอที่นี่บ่อยขึ้น เพราะพ่อพามาหาปลาเช่นกันทำให้รู้ว่าเธอชื่อ “ดอกอ้อ” บ้านอยู่คนละฟากฝั่งกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา…
ทุกช่วงเวลาแห่งการเติบโตทั้งสองมักจะมาเจอที่ริมฝั่งโขงเสมอ มีกอดอกอ้อใหญ่หนึ่งกอ หินใหญ่ขนาดสองคนนั่ง ทั้งคู่จะมานั่งดูตะวันตกดินที่นี่เป็นประจำ
แคนเดินถึงบ้านไหว้พ่อแม่และถามว่าไอ้หมายมาระรานอะไรบ้างไหม? แกบอกไม่มีแต่เมื่อกี้มันเห็นเอ็งแล้ว จะไปหาอ้อมันยังไงล่ะ?
จริงอย่างพ่อบอก งานก่อสร้างลาเถ้าแก่มาได้ไม่กี่วันคงไม่มีเวลาไปหาแน่เลย แคนบอกน้องชายว่าให้บอกเธอมาหาเขาที่หินใหญ่ตรงกอดอกอ้อที มีเรื่องสำคัญจะบอกเธอ
คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง สองหนุ่มสาวนั่งเคียงคู่กัน
“พี่ไปทำงานก็หลายปีแล้ว เก็บเงินได้ก้อนนึงละ เอาไว้มาทำทุนกับค่าสินสอดขออ้อนะ”
หญิงสาวบีบมือเขายิ้มให้
“รู้ไหมแต่ละวันพี่คิดถึงอ้อมาก ทำได้แค่เขียนจดหมายมาหาแค่นั้นเอง”
“อ้อก็คิดถึงพี่มากนะจ้ะ อย่างน้อยการที่พี่เขียนจดหมายส่งมา นั่นแปลว่าพี่ยังคงไม่ลืมฉันจริงๆ”
แคนยิ้มแล้วเอามือโอบตัวเธอ เธอเอาหน้าซบไหล่เขา ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้อยู่เคียงคู่จริงๆ
หลังจากกลับลงมากรุงเทพ งานก่อสร้างที่ทำก็มีเข้ามามากขึ้น ทำให้แคนทำงานล่วงเวลาดึกมากขึ้น ปกติเขาจะเขียนจดหมายหาอ้อทุกเดือน และจะกลับไปหาเธอทุกสามเดือน แต่ด้วยความที่งานหนักและอยากเก็บเงินให้ได้ไวๆ เขาเลยไม่เขียนจดหมาย ไม่กลับไปบ่อยๆรอครบปีค่อยลากลับหลายวันเอา
จนวันเวลาผ่านไปปีครึ่ง วันนี้เขากลับบ้าน เคราะห์ร้ายที่รถเสียกลางทาง ยังดีที่มีผู้โดยสารคนหนึ่งเป็นช่างซ่อมรถ แคนก็ลงไปช่วยทำช่วยซ่อมด้วย กว่ารถจะออกมาและถึงปลายทางบ้านเขาก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว คิดถึงอ้อจังพรุ่งนี้ค่อยไปหาดีกว่า เขากำลังจะก้าวเท้ากลับบ้าน ได้ยินเสียงเรียก
“พี่แคนจ๋า พี่กลับมาหาอ้อแล้วเหรอจ้ะ?”
เขาหันกลับไปมองดู เห็นอ้อยืนอยู่หลังดอกอ้อกอใหญ่ แสงจันทร์ส่องให้เห็นว่าเธอยิ้มทั้งน้ำตา
“อ้อ..เธอมารอพี่เหรอ รู้ได้ไงว่าพี่จะมาวันนี้” แคนเดินไปโอบเอวสาวเจ้า
“ฉันรู้ว่าพี่จะกลับวันเสาร์วันอาทิตย์ ก็เลยมารอเพียงหวังว่าสักวันพี่จะกลับมา”
เขาเอามือลูบผมเธอก่อนพาไปนั่งที่หินก้อนเดิม ก็แปลกใจว่าทำไมคืนนี้เธอหน้าตาดูเศร้าจัง
อ้อยื่นกระบอกน้ำไม้ไผ่ให้เขาดื่ม เมื่อดื่มน้ำเสร็จ เขายิ้มแล้วบอกเธอว่าพี่มีอะไรจะให้นะ แคนล้วงกระเป๋าเป้เอาตลับสีส้มออกมา เมื่อเปิดดูมันคือสร้อยทองสลึงนึง
อ้อเห็นก็ยิ้มแล้วบอก “สวยจังเลยพี่แคน” เขาบอกว่าความจริงพี่จะเอาไปให้ ต่อหน้าลุงอ่ำกับป้าศรีว่าสร้อยนี้พี่จะขอหมั้นอ้อไว้ก่อน แต่พี่อยากให้ตอนนี้แล้ว
สาวน้อยน้ำตาไหลบอก “พี่แคนเก็บไว้ก่อนเถอะจ้ะ ไว้ถึงเวลาพี่ค่อยให้ก็ได้” แคนหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย
“เอาอย่างนั้นก็ได้จ้ะ”
“กูว่ากูได้ยินเสียงคนคุยกันแถวนี้ เสียงมันคล้ายไอ้แคนเลยว่ะ”
“ไอ้แคนมันกลับมาที่นี่เหรอลูกพี่?”
“ลองเดินหาดูถ้าเจอกระทืบมันเลย”
แคนคว้าข้อมือดอกอ้อเตรียมจะหนี แต่ดอกอ้อเอาแขนมาคล้องแล้วกระซิบบอกว่า “ถ้าพี่อยู่กับอ้อพี่จะไม่เป็นไรหรอกจ่ะ”
ท่ามกลางความสงสัย แต่เขาก็นั่งนิ่งๆสังเกตว่าข้างหน้ามีเนินดินเล็กๆอยู่แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเธอ เสียงคนเดินไปมาแปลกที่เหมือนพวกนั้นไม่เห็น สักพักก็ได้ยินเสียงรถสตาร์ตออกไปไกล
ทั้งสองพากันออกมา แคนบอก “เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่บ้าน” ดอกอ้อบอกไม่เป็นไรจ่ะ “พี่ถ้าอ้อไปคนเดียวยังไง ไอ้หมายมันไม่กล้าจะทำอะไรฉันหรอก”
ทั้งคู่แยกกันตรงถนน แคนเดินไปไม่ถึงสิบก้าวหันกลับไป ดอกอ้อก็หายไปแล้ว เขาคิดในใจทำไมเธอไปไวจัง
แคนกลับมาถึงบ้านเกือบห้าทุ่มกว่าๆ พ่อแม่ก็ดีใจหาข้าวปลามาให้กิน พอเขาบอกว่าเจออ้อที่มารอเขาอยู่ ทั้งพ่อและแม่เงียบลงทันที ปล่อยให้เขากินข้าวอย่างไม่เข้าใจ
เช้าวันต่อมาเขารีบไปที่บ้านอ้อ แต่ถึงตรงกอดอกอ้อที่เดิม ก็มองเห็นเธอยืนหันหลังให้อยู่ แคนเดินไปจับมือเธอไว้ถามทำไมมาเช้าจัง อ้อยิ้มแล้วบอกเขาว่า พี่เป็นคนดีอ้อรักพี่นะ เขายิ้มแล้วบอกว่าไปบ้านอ้อกัน แต่เธอเหมือนจะร้องไห้แล้วบอกแคนว่า “พี่ไปก่อนเถอะ” ฉันขอเก็บดอกอ้อไปถวายพระที่วัด เขาบอกรอได้ แต่เธอกลับบอกว่า ไม่ต้องรอหรอกพี่แคน
พอไปถึงบ้านดอกอ้อ นาทีแรกที่แคนเห็นหน้าลุงอ่ำกับป้าศรีคือ ทั้งสองท่านร้องไห้ ใจคอเริ่มไม่ดี พอได้รู้เรื่องราวเขาแทบหมดแรง…
ลุงอ่ำบอกเมื่อสามเดือนก่อน อ้อมันไปรอเอ็งที่ริมฝั่งโขงที่เดิมจนถึงสามทุ่มก็กำลังจะกลับ ปรากฏว่ามีพวกวัยรุ่นมาจากไหนไม่รู้ ขับรถมอเตอร์ไซค์เมามา พวกมันฉุดอ้อลงไปข้างทาง จัดการจะข่มเหงน้ำใจเธอ แต่อ้อมันไม่ยอมไง เอากระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำตีหัวมันแตก พวกมันโมโหบีบเลยคออ้อจนตายแล้วหนีไป พอเห็นว่าอ้อมันยังไม่กลับบ้านพวกลุงกับป้าก็ตามหา จนมาเจอศพมันนั่นล่ะ
แคนถามแกว่ารู้ไหมใครเป็นคนทำ? ลุงอ่ำบอกมีคนเห็นว่าเป็นพวกไอ้หมาย เขาไปหาปลาจึงเห็นเหตุการณ์พอดี แต่คลั้นจะไปช่วยก็ไม่กล้า กลัวพวกไอ้หมายมันฆ่าเอา พอจะไปบอกพวกผู้ใหญ่ข้าก็ไม่มีหลักฐาน มันชั่งเจ็บช้ำหัวใจเหลือเกิน
แคนนั่งกอดเข่าร้องไห้ คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ททำให้ดอกอ้อต้องตาย เพราะเธอมารอเขาถึงต้องมาตายแบบนี้ ป้าศรีบอกอย่าโทษตัวเองเลยแคน ไม่มีใครอยากให้มันเป็นแบบนี้หรอก..
แคนบอกว่าพาไปไหว้ศพดอกอ้อหน่อย ป้าศรีบอกอ้อไม่ได้อยู่ที่วัด เอ็งจำกอดอกอ้อที่มีหินก้อนใหญ่ที่เอ็งไปนั่งกับอ้อบ่อยๆได้ไหม ศพอ้อก็ฝังอยู่ที่นั่น แคนคิดถึงเนินที่เคยเห็นแล้วจำได้ น้ำตาร่วงทันที
เย็นวันต่อมา เขาตัดสินใจกลับไปทำงานต่อ ก่อนจะไปเขาเดินกลับมาที่กอดอกอ้อที่เดิม ก่อนพูดกับหลุมศพเธอว่า..
“ดอกอ้อ..เธอรู้อะไรไหม ในชีวิตคนเรานั้น บางความทรงจำหากเราไม่ได้พบเจอ สักวันมันจะเลือนรางและจางหายไปในที่สุด แต่กับความทรงจำบางอย่าง มันจะถูกสลักลงไปในจิตวิญญาณ รอยยิ้มแรกและรอยยิ้มสุดท้ายของเธอ มันจะอยู่ในใจของพี่ ไม่ว่าจะเกิดใหม่อีกกี่ครั้ง เมื่อพี่ได้พบกับเธอ พี่ก็จะจำมันได้เสมอ ไม่มีวันลืมเลือน”
จู่ๆก็มีสายลมพัดพาดอกอ้อมาสัมผัสหน้าเขา คล้ายดังกับว่าดวงวิญญาณของเธอรับรู้ แคนรู้สึกเหมือนเธอกำลังกอดเขา ใจดวงนี้จะเก็บเธอไว้ตลอดไป ก่อนเอาสร้อยทองไปฝังในหลุมศพให้เธอ
ผ่านไปหน้าหนาวในแต่ละปี หากแคนได้กลับมายังที่แห่งนี้ ภาพดอกอ้อริมโขงสีขาวเป็นทิวแถว จะมีภาพของหญิงสาวใส่เสื้อไหมพรมผมยาวยืนยิ้มและมองเขาด้วยความรักไม่มีวันคลาย
สุดท้ายอยากบอกว่า ไม่ว่าคุณจะเมาแค่ไหน คุณไม่ควรเอาความใคร่ไปข่มเหงน้ำใจใคร ผู้หญิงไม่มีใครเต็มใจไปมีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักหรือผูกพันให้เกียรติเธอดังเหมือนว่าเธอคือเพศเดียวกับแม่ของคุเท่านั้นพอ เรื่องมีเท่านี้ครับ….
ขอบคุณเรื่องจาก หาญ ใจสิงห์