ผีรถเมล์ ประสบการณ์หลอน

P417

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับไอ้สงัดเพื่อนของผมเองครับ ไอ้สงัดมันเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังตอนแรกผมก็ขนลุกทั่วตัวเลยครับ มันยืนยันว่ามันได้เจอกับเหตุการณ์นี้จริง ๆ มันเล่าด้วยความหนักแน่นเพื่อยืนยันว่ามันไม่ได้ฝันไป และเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมดครับ

เรื่องราวที่ไอ้สงัดมันไปเจอ “ผีรถเมล์” มีอยู่ว่า …

มีอยู่คืนวันหนึ่งที่ไอ้สงัดมันไปกินเหล้าคนเดียว โดยที่มันไม่ยอมบอกใครเลย ขนาดผมที่ว่าสนิทกันมันยังไม่ยอมชวนผมไปเลยครับ 

รู้สึกว่าวันนั้นเป็นวันพุธกลางสัปดาห์ที่ฝนตกเกือบตลอดทั้งคืน ในค่ำคืนนั้นไม่ค่อยมีใครออกไปกินเหล้ากันเท่าไหร่หรอกครับ เพราะว่าเป็นวันเริ่มแรกของเทศกาลกินเจ คนทั่วไปมักจะงดกินเหล้าและถือศีลกัน อีกทั้งเป็นคืนวันทำงานด้วยบรรยากาศการกินเหล้าเลยไม่คึกครื้นเท่าที่ควร

ไอ้สงัดเลือกไปกินเหล้าที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งในย่านถนนรามอินทรา ที่เป็นย่านกินเหล้าของพวกขี้เมาและคนกลางคืน โดยมันหวังว่าถ้ามันไปกินเหล้าคนเดียวมันจะได้มีโอกาสจีบสาว ๆ ที่มันชอบได้อย่างเต็มที่

ร้านเหล้าที่ไอ้สงัดเลือกไปนั่ง อาจจะไม่ใช่ร้านเหล้าชื่อดังที่สุดในย่านนั้น แต่สาเหตุที่มันเลือกนั่งร้านเหล้าแห่งนี้ก็เพราะว่า ร้านนี้เป็นร้านชื่อไม่ดังมากนี่แหละเลยขายเหล้าไม่แพงมาก อีกทั้งร้านเหล้าแห่งนี้ก็อยู่บริเวณต้น ๆ ซอย ทำให้มันสามารถเลือกทำเลนั่งที่จะมองเหล่สาว ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้อย่างถนัดนัก

ไอ้สงัดเข้าไปนั่งในร้านเหล้าประมาณ 5 ทุ่ม โดยที่มันก็นั่งกินเหล้าฟังเพลงและเหล่สาวของมันไปตามประสาคนขี้เมาหูดำคนหนึ่ง ในร้านเหล้าที่มันนั่งมีลูกค้าที่มานั่งทานเหล้าอยู่ไม่กี่โต๊ะ คนในร้านก็มีไม่มากเท่าไหร่ ทางร้านเหล้าก็เลยไม่ได้จ้างนักดนตรีมาเล่นดนตรีสดให้ฟัง แต่ก็เปิดเพลงเบา ๆ ให้ลูกค้านั่งฟังเพลงไปเรื่อย ๆ 

ไอ้สงัดมันสังเกตเห็นหญิงสาวผมยาวคนหนึ่ง เธอนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับเพื่อนของเธออีก 3 คน ไอ้สงัดมันนั่งแอบมองหญิงสาวผมยาวคนนี้โดยตลอด จนกระทั่งเธอลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ มันเลยถือโอกาสตามไปเข้าห้องน้ำในจังหวะนั้นด้วย

ถึงแม้ว่าห้องน้ำของร้านเหล้าแห่งนี้แยกเป็นห้องน้ำชายกับห้องน้ำหญิงก็จริง แต่ว่ามีผนังห้องน้ำตรงกลางที่เชื่อมติดกัน ไอ้สงัดมันเลยเลือกเข้าห้องน้ำด้านในสุดที่มีผนังติดกับห้องน้ำหญิง มันพยายามเงี่ยหูฟังโดยตลอด พร้อมกับจินตนาการว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำหญิงที่อยู่อีกด้านของผนังบ้าง เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังเล็ดลอดออกมาพอที่จะให้ไอ้สงัดได้ยินอย่างแผ่วเบา 

“ไม่ดึกมากหรอกแม่ เดี๋ยวหนูก็กลับแล้ว ….. ไม่มีใครไปส่งหรอก เดี๋ยวหนูกลับเองก็ได้ …… กลับรถเมล์ก็ได้สายหกครึ่งมีวิ่งทั้งคืน ….. กลับคนเดียวจริง ๆ แม่ ไม่ได้กินเหล้าไม่เมาหรอก …. ค่ะแม่ ….ค่ะแม่ …. ค่ะแม่ ….” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงกดน้ำลงชักโครกเสียงดังลั่น …

ไอ้สงัดมันถึงกับส่ายหน้าด้วยความหัวเสีย พร้อมทั้งเดินกลับออกมาจากห้องน้ำชายแล้วเดินกลับไปนั่งกินเหล้าของมันที่โต๊ะตามเดิม ไอ้สงัดเริ่มเปลี่ยนความสนใจไปยังบรรยากาศผ่านนอกร้านที่ตอนนี้กำลังมีผู้คนมากมายกำลังเดินออกมาจากในซอยเพื่อกลับบ้าน เวลาตอนนั้นเกือบจะตี 2 เข้าไปแล้ว

บรรยากาศของการกินเหล้าคืนนั้นไม่ค่อยจะเป็นใจให้แก่ไอ้สงัดเลย ทั้งไม่มีสาว ๆ ให้มันจีบ ทั้งไม่มีอะไรที่จะทำให้มันตื่นเต้นเลย ไอ้สงัดมันรู้สึกเซ็งมาก ๆ เพราะว่าไม่มีโอกาสเหมาะ ๆ ที่จะได้เข้าไปพูดคุยกับสาว ๆ เลย ในร้านก็เงียบ ๆ วงดนตรีก็ไม่มีมาเล่นให้ความครื้นเครง มีแต่เพลงเศร้าเพียงเบา ๆ ที่สร้างความรู้สึกอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยวตลอดค่ำคืน

เด็กเสิร์ฟของร้านเดินมาขอเช็คบิลเก็บเงินที่โต๊ะไอ้สงัด มันพยายามหันมองไปโดยรอบภายในร้าน ตอนนั้นโต๊ะต่าง ๆ ที่มีอยู่ไม่กี่โต๊ะต่างก็เช็คกลับบ้านกันไปหมดแล้ว เหลือแต่มันเพียงคนเดียวและเป็นโต๊ะสุดท้ายที่นั่งอยู่ในร้าน 

ไอ้สงัดจ่ายเงินให้กับเด็กเสิร์ฟไป พร้อมกับถือขวดเหล้าที่ยังเหลืออยู่ประมาณครึ่งขวดติดมือเดินออกจากร้านมาด้วย

พอไอ้สงัดมันเดินผ่านประตูออกมาจากร้าน ไฟทั้งหมดภายในร้านก็ดับลงในทันที ไอ้สงัดถึงกับสะดุ้งและหันกลับมองเข้าไปในร้านด้วยความตกใจ

“แม่ง … เช็คบิลปุ๊ปปิดร้านเลยหรือว่ะ มันจะประหยัดไฟอะไรกันขนาดนี้” ไอ้สงัดคิดขึ้นในใจด้วยความหงุดหงิด

ในตอนนั้นลึกเข้าไปภายในซอยร้านเหล้าต่าง ๆ ได้ปิดลงหมดแล้ว ไอ้สงัดยกนาฬิกาข้อมือของมันขึ้นมาดู ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 2 ครึ่งแล้ว แต่ว่าผู้คนมากมายที่มันเห็นเดินผ่านร้านที่มันนั่งเข้าไปด้านในซอย ตอนนั้นแทบจะไม่เหลือใครให้มันมองเห็นเลยสักคน

ไอ้สงัดเดินออกมายังปากซอยถนนใหญ่ ตอนนั้นมันเห็นกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว 6-7 คนกำลังยืนคอยเรียกรถแท็กซี่อยู่ มันเลยรีบเดินตามไปสมทบในทันที

ฝนเริ่มตกลงมาอีกครั้ง กลุ่มหนุ่มสาวรีบวิ่งขึ้นรถแท็กซี่คันที่วิ่งมาจอดรับ ไอ้สงัดพยายามรีบเดินไปให้ถึงปากซอยโดยเร็ว เพื่อที่มันจะได้ขึ้นรถแท็กซี่หลบฝนกลับบ้าน แต่ว่าพอมันเดินไปถึงปากซอยริมถนน รออยู่นานสองนานก็ไม่มีรถแท็กซี่วิ่งผ่านมาเลยสักคัน มีเพียงแต่รถบรรทุกไม่กี่คันที่วิ่งผ่านไป

ด้วยความที่ฝนตกพรำ ๆ และชักจะเริ่มตกหนาเม็ดขึ้น ไอ้สงัดมันพยายามมองหาสถานที่ที่จะสามารถหลบฝนได้ ไอ้สงัดมันมองไปทางขวามือริมถนนที่ห่างจากปากซอยไปประมาณ 30 เมตรตรงนั้นมีป้ายรถเมล์อยู่ มีแสงไฟเพียงสลัว ๆ มีหลังคาที่พอจะให้หลบฝนได้ ไอ้สงัดมันเลยรีบเดินตรงไปยังป้ายรถเมล์นั้นในทันที

อาจจะเป็นเพราะว่ามันรีบเดินจ้ำก้มหน้าก้มตาเพื่อหลบฝน ทำให้มันไม่ทันสังเกตว่าในตอนนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์แห่งนั้นด้วย เธอคนนั้นทำให้ไอ้สงัดตกใจแทบสะดุ้งเมื่อมันเดินไปถึง

หญิงสาวผมยาวคนหนึ่งนั่งอยู่ในมุมมืดริมท้ายสุดด้านไกลของป้ายรถเมล์ ส่วนไอ้สงัดเลือกที่จะนั่งในที่นั่งแรกริมป้ายที่มันเดินไปถึงอีก ในบริเวณมันนั่งที่ยังพอมีแสงสว่างอยู่บ้าง มันเลยพยายามเหลือบมองไปที่หญิงสาวผมยาวคนนั้นตลอดเวลา

“นี่มันยัยสาวผมยาวคนที่เดินเข้าห้องน้ำนี่หว่า ไงดึกป่านนี้แล้วยังไม่ยอมกลับบ้านว่ะ ? หรือว่ามานั่งรอใครแน่ ๆ เลย” ไอ้สงัดคิดในใจพร้อมกับพยายามจ้องมองหญิงสาวคนนั้นโดยตลอด

หญิงสาวผมยาวคนนั้นนั่งอย่างสงบนิ่ง เธอแทบจะไม่ไหวตัวหรือขยับเขยื้อนตัวเลย ใบหน้าของเธอหันมองไปทางด้านขวามือ ในทิศทางที่รถกำลังวิ่งเข้ามาหา เสมือนกับว่าเธอกำลังนั่งมองเพื่อรอคอยใครสักคน 

ไอ้สงัดมันพยายามที่จะจ้องมองใบหน้าของสาวคนนั้น แต่มันก็ไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะว่าเธอไม่ยอมหันหน้ากลับมาให้ไอ้สงัดได้เห็นเลย 

“รอใครอยู่ว่ะ? หรือว่ารอแฟน? แล้วแฟนเธอไม่มาล่ะ? … ถ้าแฟนเธอไม่มาแล้วดึกป่านนี้แล้ว เธอจะกลับบ้านอย่างไง? หรือว่าจะเป็นโอกาสของเราที่จะเป็นสุภาพบุรุษสักที …” ไอ้สงัดเริ่มคิดขึ้นในใจ

ในขณะนั้นเองมีรถเมล์คันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดที่ป้ายรถเมล์นั้นอย่างช้า ๆ เมื่อรถเมล์จอดสนิทหญิงสาวผมยาวคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปขึ้นที่ประตูด้านหน้าของรถเมล์คันนั้น โดยไอ้สงัดได้แต่มองตามโดยตลอด แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่สะกดใจไอ้สงัด ทำให้มันต้องรีบลุกขึ้นวิ่งตามเธอไปขึ้นรถเมล์คันนั้นด้วยในทันที ก่อนที่รถเมล์จะวิ่งเคลื่อนตัวออกไปจากป้าย

หญิงสาวผมยาวคนนั้นขึ้นไปนั่งอยู่ที่เบาะเดี่ยว ด้านข้างกับประตูทางขึ้นด้านหน้ารถเมล์ ซึ่งไอ้สงัดมันวิ่งมาขึ้นที่ประตูด้านหน้าเช่นกัน มันเดินผ่านตัวเธอที่นั่งอยู่ข้างประตูไป มันพยายามมองดูใบหน้าของเธอให้เห็นชัด ๆ 

หญิงสาวหน้าตาสวยผมยาวเลยบ่าคนนี้ เป็นหญิงสาวผมยาวคนเดียวกันกับที่ไอ้สงัดมันแอบนั่งมองตั้งแต่อยู่ในร้านเหล้า จนทำให้มันต้องเดินตามเธอไปเข้าห้องน้ำ แต่ว่าใบหน้าและดวงตาของเธอในตอนนี้กับนิ่งเฉย เธอหันหน้ามองออกไปภายนอกหน้าต่างรถเมล์ โดยไม่มีแม้แต่หางตาที่จะหันมามองหรือสนใจไอ้สงัดเลย

บนรถเมล์ตอนนั้นมีผู้โดยสารอยู่ไม่กี่คน มีผู้หญิงอ้วนสูงอายุคนหนึ่งที่มองดูแล้วเหมือนว่าจะเป็นแม่ค้า เธอถือตะกร้าจ่ายกับข้าวใบใหญ่นั่งอยู่เบาะเดี่ยวด้านหลังของหญิงสาวคนที่ไอ้สงัดตามขึ้นมา ถัดไปอีกฟากของที่นั่งที่เป็นเบาะคู่ มีพระภิกษุแก่ ๆ นั่งอยู่รูปหนึ่ง ถัดมาด้านหลังมีหญิงชรา 2 คนในชุดเสื้อและผ้าถุงสีขาว ทั้งสองคนนั่งคู่กันอยู่ที่เบาะด้านหลังถัดเว้นว่างจากเบาะที่พระภิกษุนั่งมา 1 ตัว

เลยมาด้านในตอนกลางของรถเมล์ มีหญิงสาวท้องแก่คนหนึ่งกำลังนั่งเอามือกุมท้องอยู่ที่เบาะเดี่ยวคนเดียว ไอ้สงัดเดินเลยไปนั่งที่เบาะนั่งยาว ที่อยู่ด้านหลังสุดของรถเมล์เพียงลำพังคนเดียว แล้วนั่งถือขวดเหล้าวางไว้บนตัก โดยที่ศีรษะของมันพยายามชะโงกมองหญิงสาวผมยาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าโดยตลอด

สักครู่ก็มีกระเป๋ารถเมล์ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ดำ ๆ ในชุดมอซอเดินตามมาเก็บเงินค่าโดยสารกับไอ้สงัด เสร็จแล้วกระเป๋ารถเมล์ผู้หญิงคนนั้นก็เดินกลับไปนั่งคู่กับคนขับรถด้านหน้าสุดของรถเมล์ โดยที่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรกับไอ้สงัดเลยสักคำ

ไอ้สงัดมองสังเกตโดยรอบภายในรถเมล์ มีแสงไฟจากหลอดไฟบนเพดานหลังคารถเพียง 3-4 ดวงเท่านั้น ที่เปิดให้แสงสว่างอยู่ภายในรถเมล์ มันมองไปที่ประตูรถเมล์ด้านหลังที่ตอนนี้ถูกปิดอยู่ เหนือประตูรถเมล์มีป้ายกระดาษสีขาวเขียนตัวหนังสือด้วยปากาเมจิคสีดำว่า “ประตูเสีย”

ไอ้สงัดเลยหันมองไปยังประตูรถด้านหน้ารถเมล์ บนประตูรถด้านหน้าก็มีป้ายกระดาษสีขาวเขียนตัวหนังสือด้วยลายมือเดียวกันว่า “ถ้าจะกระโดดลง ให้ไปกระโดดที่ประตูหลัง”

ทุกคนในรถเมล์ต่างก็นั่งเหม่อมองออกไปภายนอกหน้าต่างรถเมล์ โดยที่ไม่ได้มีใครสนใจซึ่งกันและกันเลย บนรถเมล์ปราศจากเสียงพูดคุยกัน หรือว่าเสียงใด ๆ เลยทั้งสิ้น แล้วไอ้สงัดมันก็เริ่มจินตนาการและสร้างสถานการณ์ขึ้นในใจอีกครั้ง

“เดินเข้าไปคุยเลยดีกว่า ไปขอเบอร์แล้วขออนุญาตเธอไปส่งกลับบ้านดีกว่า … ดึกดื่นแล้วเป็นผู้หญิงเดินทางกลับบ้านคนเดียวมันจะอันตราย …. แต่ว่าถ้าเธอไม่ยอมล่ะ? แล้วเธอโวยวายขึ้นมาล่ะ? …. แต่ก็ไม่เป็นไรมั้ง บนรถเมล์คันนี้ไม่มีใครสนใจใครอยู่แล้ว พระรูปนั้นก็คงรีบกลับวัด เพื่อไปให้ทันบิณฑบาตตอนเช้า เจ้าอาวาสจะได้จับไม่ได้ว่า ท่านแอบหนีออกจากวัดตอนกลางคืนในช่วงเข้าพรรษา …. ป้าแก่ ๆ ในชุดขาว 2 คนนั้น คงจะรีบไปโรงเจให้ทัน จะได้ไม่ต้องแย่งกินอาหารเจกับคนอื่น …. ยัยแม่ค้าคนนั้นก็คงรีบไปตลาดเพื่อไปซื้อผักสดมั้ง ช่วงนี้กินเจผักแพงยัยแม่ค้าต้องรีบไปแย่งซื้อก่อนคนอื่นแน่ ๆ เลย … ส่วนยัยผู้หญิงท้องแก่เนี่ยก็คงรีบไปโรงพยาบาลให้ทันคลอด ก่อนที่ลูกของเธอจะไหลออกมาแน่ ๆ ” 

แล้วไอ้สงัดมันก็ตาโพลงขึ้นมาในทันที เมื่อมันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในใจ “แล้วกูขึ้นรถเมล์มาทำไมว่ะเนี่ย?”

แล้วไอ้สงัดเริ่มมองออกไปนอกหน้าต่างรถเมล์อีกครั้ง ถึงได้รู้ว่ารถเมล์ได้เลี้ยวออกจากถนนรามอินทรามานานแล้ว ตอนนี้รถเมล์วิ่งอยู่บนถนนสายรองเส้นหนึ่ง ที่กำลังมุ่งหน้าออกนอกเมือง บรรยากาศรอบข้างทางแทบจะไม่มีบ้านคน หรือว่าร้านค้าอะไรให้เห็นแล้ว ถนนสายนี้ช่างมืดสนิทดีนัก มีเพียงแสงไฟถนนข้างทางเป็นบางช่วงที่สามารถส่องสว่างให้เห็นสายฝนที่กำลังตกโปรยปรายอยู่ภายนอกเป็นระยะ

“ไหน ๆ ก็ขึ้นรถมาแล้ว อย่างน้อยก็คิดสะว่านั่งเป็นเพื่อนกับสาวสวยคนนี้จนเธอไปถึงบ้านดีกว่า เดี๋ยวค่อยนั่งรถแท็กซี่กลับก็ได้” ไอ้สงัดได้แต่คิดปลอบใจตัวเองขึ้นอีกครั้ง

แล้วความสนใจของไอ้สงัดก็กลับมาอยู่ที่หญิงสาวคนนั้นอีกครั้ง หญิงสาวผมยาวที่นั่งนิ่งไม่ขยับตัว ใบหน้าของเธอหันมองออกไปนอกหน้าต่างรถเมล์ตลอดเวลา สายลมที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างทำให้ผมยาวสลวยของเธอสะบัดปลิวไปมาตามแรงลม

ในเวลาตี 3 กว่า ๆ รถเมล์คันนี้วิ่งไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วไม่มากนัก เหมือนกับว่ากำลังวิ่งรอรับผู้โดยสารข้างทาง ที่กำลังจะรอขึ้นรถอยู่ในป้ายรถเมล์ข้างหน้า แต่ว่า … ตั้งแต่ไอ้สงัดมันขึ้นรถเมล์คันนี้มา รถเมล์คันนี้ยังไม่ได้จอดป้ายที่ไหนเลยสักแห่ง มีเพียงแต่รถเมล์ได้ชะลอความเร็วลงเมื่อใกล้ถึงป้ายรถเมล์บางป้ายที่มีแสงไฟอยู่ 2-3 ครั้งเท่านั้นเอง

อาจจะเป็นเพราะความมึนจากฤทธิ์ของเหล้าที่ไอ้สงัดกินเข้าไป หรืออาจจะเป็นเพราะสายลมเย็น ๆ ในยามค่ำคืนของวันที่ฝนตกก็ได้ ที่ทำให้ไอ้สงัดเผลอหลับไปโดยที่มันไม่รู้ตัว

ไอ้สงัดมารู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อขวดเหล้าที่พลัดหลุดออกจากมือของมัน หล่นลงกระทบพื้นรถเมล์ เสียงของขวดแก้วที่แตกกระจายทำให้มันสะดุ้งตื่นในทันที

“ฉิบหายแล้วกู หลับไปตอนไหนว่ะเนี่ย?” ไอ้สงัดคิดขึ้นในใจพร้อมกับมองไปในตัวรถเมล์โดยรอบ ด้วยความเกรงใจว่าคนในรถเมล์จะตกใจกับเสียงขวดเหล้าแตกเหมือนกับมัน แต่ว่าไอ้สงัดมันคิดผิดถนัด ….

ตอนนั้นบนรถเมล์คันนั้นมีแต่ความว่างเปล่า แสงไฟ 3-4 ดวงที่เคยเปิดให้ความสว่างในตัวรถ ตอนนี้กลับมืดดับสนิททั้งหมด ไอ้สงัดกวาดสายตาไปในความมืดโดยรอบภายในรถ ตอนนี้ไม่มีใครนั่งอยู่บนรถเมล์คันนี้เลยสักคน นอกจากมันเพียงคนเดียวเท่านั้น 

ไอ้สงัดหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถ ตอนนี้ฝนที่เคยตกลงเม็ดได้หยุดลงแล้ว สายลมเย็น ๆ ที่เคยพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าของมันในตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว ขณะนี้มีเพียงภาพของวิวภายนอกหน้าต่างทั้ง 2 ข้างทางที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านไปทางด้านหลังอย่างช้า ๆ

“รถกำลังวิ่งอยู่” ไอ้สงัดเผลออุทานขึ้นมาเบา ๆ

ไอ้สงัดกวาดสายตามองไปในความมืดภายในรถเมล์อีกครั้ง ตอนนี้มีเพียงความมืดและความวังเวงเท่านั้น ไม่มีใครอยู่บนรถเลยสักคนแม้แต่คนขับรถเมล์ แต่ว่าตอนนี้รถเมล์กำลังวิ่งอยู่อย่างช้า ๆ เช่นเดิม

“รถเมล์วิ่งเอง ไม่มีคนขับ” ไอ้สงัดสบถเสียงออกมาดังกว่าเดิม

“ผีหลอกกูแล้ว ซวยแล้วกู”

หลังจากไอ้สงัดพูดจบ ขุมขนทั่วลำตัวของไอ้สงัดก็ลุกชันขึ้นในทันที ความกลัวก่อตัวขึ้นในสมองของมัน จนทำให้ไอ้สงัดแทบจะทำอะไรไม่ถูก ร่างกายของมันในตอนนี้แข็งทื่อจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

“ต้องลงจากรถ ต้องรีบวิ่งหนี” ประโยคนี้ผุดขึ้นมาในสมองของไอ้สงัดในทันที

ไอ้สงัดมองไปที่ประตูรถด้านหลังซึ่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ไกลจากที่มันนั่ง แต่ว่าตอนนี้ประตูยังถูกปิดอยู่เหมือนตอนที่มันขึ้นมาไม่มีผิด ไอ้สงัดรีบหันมองไปที่ประตูรถข้างหน้า ตอนนี้ประตูรถด้านหน้าถูกเปิดอยู่ มันตัดสินใจรวบรวมความกล้าที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อลุกขึ้นและเดินไปที่ประตูด้านหน้าโดยทันที

เมื่อไอ้สงัดเดินไปถึงประตูรถด้านหน้า มันก็ไม่ลืมที่จะเงยหน้าไปมองที่ป้ายกระดาษที่ปิดอยู่เหนือประตู ไอ้สงัดมันหยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู มันไม่กล้ากระโดดลงจากรถในตอนนั้น มันเงยหน้าไปมองอ่านป้ายคำเตือนที่อยู่เหนือประตูอีกครั้ง

“ถ้าจะกระโดดลง ให้ไปกระโดดที่ประตูหลัง”

ไอ้สงัดหันหน้าไปมองยังตำแหน่งของที่นั่งคนขับรถเมล์ ตอนนี้ไม่มีใครนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้นเลย แล้วมันก็มองออกไปนอกประตูตัวรถอีกครั้ง รถเมล์ยังคงวิ่งอยู่อย่างช้า ๆ เหมือนเดิม

ไอ้สงัดตัดสินใจเดินไปที่นั่งของคนขับรถ มันนั่งไปบนเบาะที่นั่งของคนขับ แล้วมันยกขาขึ้นและกระทืบเหยียบไปที่เบรคอย่างเต็มแรง

“เอี๊ยดดดด…” เสียงของล้อรถที่ถูกตรึงอยู่กับที่ เสียดสีกับพื้นถนนที่เปียกลื่นจนเกิดเสียงดังขึ้น

รถเมล์หยุดกึกตามแรงเหยียบเบรคของไอ้สงัด จนตัวของมันต้องผวาไปติดกับพวงมาลัยรถที่อยู่ข้างหน้า มันต้องหลับตาปี้เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังลั่นของผีเปรต 4-5 ตัว ที่ส่งเสียงร้องโหยหวนดังลั่นอยู่ภายนอกด้านหลังของตัวรถเมล์

“โอ้ย … โอ้ย โอ้ย … โอ้ย ”

ไอ้สงัดรีบลุกขึ้นจากเบาะที่นั่งของคนขับ พร้อมทั้งวิ่งตรงไปที่ประตูรถเมล์ด้านหน้าโดยทันที พอมันวิ่งลงมาจากรถเมล์ได้ไม่กี่ก้าว มันก็ต้องหยุดวิ่งพร้อมทั้งหันหลังกลับไปมองที่ท้ายรถเมล์ด้วยความสงสัย

“ไอ้เชี้ยเอ่ย? รถเสียแม่งไม่ช่วยเข็น แล้วแม่ง…เหยียบเบรคหาห่าอะไรว่ะ?” เสียงของใครบางคนตะโกนขึ้น ซึ่งในตอนนั้นไอ้สงัดสามารถมองออกได้ทันทีว่า คนที่ตะโกนด่าออกมาน่าจะเป็นคนขับรถเมล์คันนี้

ภาพที่ไอ้สงัดเห็นในตอนนั้นก็คือ พระภิกษุล้มคว่ำนอนกองอยู่บนพื้นถนนจีวรหลุดหลุ้ยมาครึ่งตัว โดยมียัยแม่ค้าตัวอ้วนนอนหงายทับอยู่ หญิงชราในชุดขาว 2 คนตอนนี้นอนคว่ำอยู่บนพื้น ในสภาพที่ชุดของเธอทั้งสองเปื้อนขี้โคลนไปทั้งตัว หญิงสาวท้องแก่กำลังนั่งคุกเข่าลงพยุงหญิงสาวผมยาว ที่ตอนนี้เธอล้มลงไปนอนบนพื้นถนน จนใบหน้าของเธอจมอยู่ในแอ่งโคลนบนถนน กระเป๋ารถเมล์ผู้หญิงตัวเล็กกำลังพยายามคลานออกมาจากใต้ท้องรถ และคนขับรถเมล์ที่ใบหน้าเปื้อนดำไปด้วยคราบน้ำมันเครื่อง กำลังประครองตัวเพื่อลุกขึ้นยืน

“ผู้ชายเชี้ยอะไรว่ะ ปล่อยให้พระ ผู้หญิงท้อง กับคนแก่ลงมาเข็นรถ ตัวเองแม่งนอนหลับสบาย เค้ากำลังช่วยกันเข็นรถเมล์อย่างสุดแรง รถกำลังจะสตาร์ทติดแล้ว แม่ง…ไปเหยียบเบรคสะอย่างนั้น” คนขับรถพูดขึ้นพร้อมกับชี้หน้าไอ้สงัด

“ไม่ช่วยกันเข็นรถเมล์ เอาแต่นอนแล้วยังมาเหยียบเบรคแกล้งกันอีก ดูสิพวกฉันหกล้มหัวขมำกันหมดแล้ว” กระเป๋ารถเมล์ผู้หญิงตัวเล็กตะโกนขึ้นมาสมทบในทันทีที่เธอคลานออกมาจากใต้ท้องรถ

ตอนนั้นไอ้สงัดคงไม่ต้องประเมินสถานการณ์ใด ๆ ในใจแล้ว มันรีบยกมือขึ้นมาพนมไหว้อย่างอัตโนมัติ พร้อมกับพูดขึ้นดัง ๆ ว่า

“ ผมขอโทษครับ ผมรีบครับ ผมกำลังจะไปกินเจครับ”

พอไอ้สงัดมันพูดจบมันก็รีบหันหลังกลับ พร้อมกับวิ่งตรงไปตามถนนข้างหน้าในทันที โดยมันไม่หันหลังกลับไปมองที่รถเมล์คันนั้นอีกเลย

มันพยายามวิ่งไปให้เร็วที่สุด วิ่งไปให้ไกลจากตัวรถเมล์ที่สุด แล้วมันก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นในใจอีกครั้ง

“เพี้ยง … ตอนนี้ขอให้กูเจอรถแท็กซี่สักคันเถอะว่ะ” …จบล่ะ …

ขอบคุณที่มา board.postjung.com สมาชิกหมายเลข 869832

Previous articleถ้าเป็นห่วงก็อย่าพึ่งกลับ
Next articleยุติการเผยแพร่