น้ำล้างเท้าแม่

น้ำล้างเท้าแม่

เรื่องราวนี้เป็นเกิดขึ้นกับผมและพี่ๆที่ไปด้วยกันที่ต่างจังหวัดครับ ย้อนกลับไปเมื่อตอนผมเรียนอยู่ ปวช.ปี 2 นั้น ผมได้ไปฝึกงานที่สาธารณสุขอำเภอเมืองและได้มีโอกาสไปช่วยอาสาที่มูลนิธิ จนได้มีโอกาสโดนผงผีตายโหงป้ายตาเกือบเอาชีวิตไม่รอด 

ซึ่งต่อมาวันหนึ่ง พี่เต่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาบอกตอนพักกินข้าวกับผมว่าสาธารณสุขจะจัดอบรมนอกสถานที่ 5 วัน มีลงพื้นที่ด้วย สนใจไปด้วยไหม? 

ผมเลยถามพี่เขาว่า ไปที่ไหนครับ พี่เต่าบอกว่า แถวสุรินทร์น่ะ ค่าใช้จ่ายไม่ต้องเสียนะถ้าไป ผมเห็นว่าน่าสนใจเลยบอกพี่เต่าว่าจะไปด้วย 

วันออกเดินทางมีไปด้วยกันทั้งหมด 8 คน ไปถึงที่สุรินทร์ก็เกือบบ่ายคล้อยมากแล้ว ที่พักคือบ้านของชาวบ้านคนนึงซึ่งมีบริเวณกว้างใหญ่หลายหลัง เดาได้ว่าน่าจะฐานะดีพอสมควรเลย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคนเลยแยกกันพัก โดยมีผมกับพี่เต่า พี่นนท์ พี่เจตอยู่บ้านนึง พี่พลอย พี่กันต์ พี่วิและพี่อ้อ 

หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็พากันออกมากินข้าว พี่เจ้าของบ้านบอกยินดีต้อนรับทุกคน ที่นี่ห่างไกลจากในเมืองสักหน่อย แถมเป็นอีสานใต้ ยังไงพวกคุณก็ระวังหน่อยแล้วกัน เกริ่นมาเสียพวกเราหวั่นใจ 

พี่เต่าเลยถามว่าอีสานใต้มีอะไรหรอครับ ทำไมพวกผมต้องระวังตัวด้วย แกยิ้มละบอกว่า “ที่นี่มีคนเล่นของคาถาอาคมสายดำเยอะนะ ไปเจอะเจออะไรอย่าทัก อย่าขานถ้ามีเสียงแปลกๆเรียก เผื่อบางทีคนลองวิชาปล่อยมามันจะเข้าตัว!!”  

พี่เต่าก็พยักหน้าหันไปมองหน้าพี่นนท์และพี่เจตประมาณว่าไม่เชื่อที่แกบอก แล้วพวกเราก็พากันกลับเข้าไปนอน  

รุ่งเช้ามีการพูดคุยกันว่า เมื่อคืนเหมือนได้ยินเสียงอะไรหล่นบนหลังคาแต่ไม่มีใครกล้าทักอะไร มีเพียงพี่กันต์ที่เปิดหน้าต่างออกมาดูแต่ก็ไม่เห็นอะไร 

พอกำลังจะปิดหน้าต่าง สายตาแกไปประสานตากับผู้หญิงชาวบ้านคนนึงยืนอยู่นอกรั้วบ้าน เธอหน้าตาสวยทีเดียว 

พี่กันต์เป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้วจึงยิ้มตอบพอเป็นมารยาท พอปิดหน้าต่างบานนึงกำลังจะปิดอีกบานมองหาเธอหายไปเสียแล้ว 

หลังจากกินข้าวเสร็จก็พากันไปจัดโต๊ะให้ความรู้ชาวบ้านที่โรงเรียน ผลัดกันไปพูดทีละคน แล้วพี่กันต์ก็บอกว่ารู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ 

พอดีมีผู้หญิงคนนึงเอาน้ำมาเสริฟให้เจ้าหน้าที่ เธอเอามาให้จนถึงพี่กันต์ แกเงยหน้ามามอง ปรากฎว่าเป็นผู้หญิงคนที่แกเห็นเมื่อคืนนั่นเอง แกยิ้มให้ เธอบอกว่าชื่อ พิม พวกผมก็มองหน้ากัน ประมาณว่าอยู่กันตั้งหลายคนทำไมมาแนะนำชื่อให้พี่กันต์คนเดียว 

พี่กันต์ดื่มน้ำแก้วนั้นจนหมด พวกผมไม่ได้เอะใจอะไร แต่มันเริ่มผิดสังเกตตอนที่กลับไปที่บ้านพัก พี่กันต์เริ่มมีอาการแปลกๆถามว่าคนชื่อพิมเนี่ยบ้านอยู่ไหนอยากไปหาจังคิดถึง 

พอได้ยินอย่างนั้น พี่เต่ากับพี่นนท์เลยแซวว่าแค่เอาน้ำแก้วเดียวมาให้ถึงกับเพ้อเลยหรอ พี่วิกับพี่พลอยหันมาถามว่าเหมือนไม่ใช่กันต์เลย แล้วพี่อ้อเป็นคนที่พี่กันต์คบอยู่เลยถามว่า ไปหาเขาทำไมชอบเขาหรือ?? พี่กันต์หันมามองพี่อ้อตาขวางบอกว่า 

“ใช่! ผมชอบเขา มีอะไรไหม?” 

พวกผมเห็นท่าจะไม่ดีเลยบอกให้พี่กันต์มานอนกับพวกผม สลับเอาพี่นนท์ไปนอนดูแลสาวๆแทน  

เหตุการณ์เหมือนจะสงบ แต่ผมเดินลงไปเข้าห้องน้ำตอนตีหนึ่ง ระหว่างที่เข้าห้องน้ำอยู่ก็ต้องตกใจ เพราะตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ข้างโอ่งตรงประตู แต่ไม่มีเสียงร้องทักทาย 

หลังจากทำธุระเสร็จจังหวะที่ผมจะเปิดประตูเดินออกมา มองไปที่ห้องเห็นเป็นกลุ่มควันดำลอยเข้าไปในห้องที่ผมและพี่กันต์นอน ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ จึงรีบเดินขึ้นห้องไป แต่ภาพที่เห็นคือทุกคนหลับหมด ยกเว้นพี่กันต์คนเดียวที่นอนลืมตาแข็งไม่กระพริบ บ่นพึมพำเบาๆว่า “พิม พิมจ๋า พิมจ๋า” 

ผมจึงเดินไปปลุกพี่เต่ากับพี่นนท์ให้ลุกมาดูแก ตอนนั้นคิดว่าแกต้องโดนของแน่เลย พี่เต่าเลยบอกว่าปล่อยมันก่อน เดี่ยวมันเมื่อยก็หลับเอง 

แต่รุ่งเช้ามาปรากฏว่าพี่กันต์หายตัวไปแล้ว เราก็คุยกันว่าจะไปจัดอบรมดีหรือว่าไปหาพี่กันต์ก่อน กลายเป็นว่าพอไปถึงโรงเรียนที่จัดอบรม พี่กันต์มาแล้วพร้อมกับผู้หญิงที่ชื่อพิมซะงั้น 

พี่เต่าเดินไปถามว่า “ออกมาก่อนทำไมไม่บอกใครเลย เขาเป็นห่วงกันรู้มั้ย” พี่กันต์บอกว่า “คิดถึงพิมเลยมาเดินตามหาในหมู่บ้าน พอดีเจอกันก็เลยไม่อยากนอนแล้ว ดลยมานี่เลยดีกว่า” 

พอพี่อ้อได้ยินแบบนั้นก็ร้องไห้ พี่พลอยพี่วิก็มาปลอบใจ หลังจากนั้นพี่กันต์กับพิมก็ตัวติดกันตลอด จะว่าเหมือนแฟนก็ไม่ใช่ น่าจะเหมือนสามีภรรยากันมากกว่า 

ตั้งแต่วันนั้นพี่กันต์ก็เริ่มจะซูบผอมหน้าตาหมอง ปากดำ เล็บมือออกเขียวๆ กินอะไรก็ไม่ได้ จนถึงวันกลับมาฉะเชิงเทรา พี่กันต์บอกว่าไม่อยากกลับจะอยู่กับพิมที่นี่ พี่เต่ากับพี่เจตเลยออกอุบายว่า กลับก่อนเดี่ยวให้แม่มาขอเป็นเมียก็ได้ พิมที่ยืนอยู่ก็ทำหน้าไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ 

ระหว่างทางที่กลับมา พี่กันต์นั่งร้องไห้มาตลอดทาง  พอไปถึงบ้านแก พวกผมส่งแกลงหน้าบ้าน แม่พี่กันต์ซึ่งท่านสวดมนต์ภาวนาและไปปฏิบัติธรรมบ่อยมองมาแล้วบอกให้หยุดก่อนตรงรั้วบ้าน ท่านเดินไปจับตัวลูกชาย แล้วบอกว่าโดนของมา ของเขมรด้วยนะแรงมาก พวกผมมองหน้ากันเลิ่กลั่กจนไม่รู้จะทำยังไง 

แม่พี่กันต์บอกจะลองสวดมนต์ให้ดู แต่สองสามวันผ่านไปพี่กันต์ก็ยังไม่หาย พี่กันต์คอยแต่เพ้อหาพิมทุกเวลา หน้าตายิ่งหมอง แก้มตอบ คนจากดูดีคือดูไม่ได้เลยตอนนี้ หนักเข้าคือเก็บกระเป๋าจะไปอยู่กับพิมที่สุรินทร์ให้ได้ 

พี่เต่าพี่นนท์และผมเลยมาหาแกที่บ้าน พอได้เห็นสภาพของพี่กันต์พวกผมตกใจมาก สภาพแกคล้ายกับซากศพที่มีลมหายใจ แม่บอกว่าสวดมนต์ให้ทุกวันยังไม่ดีขึ้นเลย ร้องไห้ด้วย 

ผมสงสารแม่พี่กันต์มาก เลยบอกว่าถ้าคนโดนเสน่ห์ คนโบราณบอกว่าให้เอาน้ำล้างเท้าพ่อแม่แก้นี่ครับ ยังใช้ได้อยู่ไหมเดี๋ยวนี้ แม่บอกว่าไม่รู้เหมือนกันเคยได้ยินอยู่นะ พวกผมเลยไปเอาอ่างดินมาใส่น้ำลอยดอกมะลิแล้วล้างเท้าให้แม่พี่กันต์เขา 

ทางด้านพี่กันต์นั้นเหมือนของหรือภูติผีที่อยู่ในร่างแกจะรู้ว่าพวกผมจะทำอะไร แกจึงพยายามที่จะวิ่งหนี แต่พี่เต่ากับพึ่นนท์ไปล็อคแขนแกไว้ ที่น่าตกใจคือเสียงพี่กันต์เป็นเสียงกรีดร้องของผู้หญิง พี่เต่าเหมือนจะท่องคาถาบทสวดอะไรสักอย่างแล้วเป่าใส่พี่กันต์จนสลบไปเลย 

ทีนี้เลยไปเอาน้ำล้างเท้าแม่แกมาอาบน้ำเช็ดตัวให้ และเอามาใส่แก้วเอามากรอกใส่ปากพี่กันต์ให้ดื่ม แล้วพี่กันต์ก็อ้วกออกมาเป็นน้ำคร่ำสีดำเหม็นมาก 

ที่น่าตกใจกว่าคือมีตะปูขึ้นสนิมและมีผมยาวๆพันไว้ รีบเอาน้ำล้างเท้าที่เหลือมากรอกปากให้หมด หลังจากนั้นพี่กันต์สลบไปอีกสองวัน พอตื่นมาก็กลายเป็นคนเดิม 

ส่วนผู้หญิงที่ชื่อพิมก็ไม่ได้ข่าวอะไร แต่คิดว่าเธอน่าจะได้รับผลกรรมนั้นแน่นอน สิ่งที่มีค่าศักสิทธิ์ที่สุดในชีวิตของลูกทุกคนก็คือพ่อแม่ ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายดีแค่ไหน พรจากพ่อแม่คือสิ่งที่จะป้องกันภัยและนำพาชีวิตให้เจริญต่อไปในภายภาคหน้า เรื่องมีเท่านี้ครับ…..

เนื้อเรื่องโดย หาญ ใจสิงห์

Previous articleลิฟท์เขียว คอนโดย่านลาดกระบัง
Next articleผีหมาดำ