“สยองในโรงพยาบาล 2 คืน ติดๆ รพ แห่งนึง ย่านถนนพระราม 2”

สยอง2คืนติด
สยอง2คืนติด

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 56  คือตอนนั้นแม่เราป่วยและจำเป็นต้องนอนที่โรงพยาบาล  และด้วยความที่เราเป็นลูกสาวคนเดียวที่พอจะมีเวลาว่าง  ก็เลยต้องไปนอนเฝ้าและเป็นเพื่อนแม่ที่โรงพยาบาลแห่งนึง  จนเจอเรื่องหลอนเข้ากับตัว

คือตอนนั้นแม่เราป่วยอันมีสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ พอพี่ชายโทรมาบอกเราช่วงเช้า  ก็ต้องรีบขับรถกลับมาหาแม่ที่บ้านย่าน พระราม 2  เพื่อพาแม่ไปโรงพยาบาล ซึ่งปกติแม่เราจะทำประกันสุขภาพไว้กับโรงพยาบาลแห่งนึงอยู่แถวย่านพระราม 2  ซึ่งที่นี่จัดเป็นโรงพยาบาลที่ดูดีเลยแหละ ค่าห้องพักคืนนึงก็หนักเอาการ  แต่ดีที่แม่เราเบิกประกันได้หมดก็เลยเบาไป

พอไปถึงคุณหมอวินิจฉัยว่า  แม่ควรจะนอนดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลสักคืนนึงก่อน  เรากับพี่ชายปรึกษากันก็เลยโอเคตามนั้น  จากนั้นเขาก็ส่งแม่เราไปนอนพักที่ห้องผู้ป่วย  จำชั้นจำห้องไม่ได้แล้วหล่ะ  แต่รู้ว่าอยู่สูงเกือบจะชั้นบนสุด

ห้องแม่เราเป็นผู้ป่วยแบบแยกเดี่ยว  ภายในก็มีอะไรครบดี  ทั้งที่นั่งให้ญาติผู้ป่วยมานอนเป็นเพื่อน  มีโต๊ะให้พอนั่งทำงานได้ด้วย  แถมวิวด้านนึงที่มันเป็นระเบียงกว้างก็มองออกไปเห็นถนนพระราม 2 จัดว่าบรรยากาศโดยรวมที่นี่ดีเลยแหละ

พอตกตอนเย็นเราแวะกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน  ก่อนเข้ามาโรงพยาบาลก็ได้แวะห้างซึ่งอยู่ใกล้ๆกับโรงพยาบาลนั่นแหละ  เพื่อซื้อของกะมานั่งกินชิวๆที่ห้องระหว่างนอนเฝ้าแม่

กลับเข้ามาถึงที่ห้องก็เกือบทุ่ม  จากนั้นจึงแวะเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนชุด  และออกมานั่งคุยกับแม่  ซึ่งอาการของแม่เราตอนนั้นก็ไม่ได้แย่อะไรนะ  แกแค่มีไข้นิดหน่อยเท่านั้น

ช่วงดึกๆหน่อยก็มีหมอเข้ามาตรวจไข้  มีนางพยาบาลคอยแวะเข้ามาดูอาการอยู่เป็นช่วงๆ  วันนั้นเราเอาโน็ตบุ๊คติดตัวไปด้วย  ก็เลยอาศัยที่นั่นเป็นที่นั่งทำงานไปเลยในตัว  สบายดีเหมือนกัน

เวลาผ่านไปน่าจะสักประมาณ 5 ทุ่ม  ตอนนั้นเราเริ่มเมื่อยก็เลยเดินออกไปยืดเส้นยืดสาย  พักสายตาสูดอากาศ  คิดอะไรเพลินๆอยู่ที่ระเบียง

พอสักพักหูก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังแว่วขึ้นมาจากชั้นข้างล่าง ใช่แล้วคะ มันเป็นเสียงคล้ายคนกำลังร้องไห้  เสียงนั้นเป็นผู้หญิง  เรียกว่าร้องไห้สะอึกสะอื้นดังมาก  จนเราซึ่งอยู่ชั้นบนขนาดนี้ก็ยังได้ยิน 

และด้วยความสงสัยจึงพยายามชะเง้อดูห้องที่อยู่ข้างๆ  ก้มดูห้องที่อยู่ชั้นล่างๆ ถัดลงไป  แต่เชื่อไหมคะว่าเวลานั้นมันไม่มีห้องใดที่เปิดไฟอยู่เลย  หรือแม้แต่น่าจะมีใครอยู่ใกล้ๆ  เอ้า..!! แล้วเสียงร้องไห้ที่ว่ามันดังมาจากไหน

บอกตรงๆว่าตอนนั้นเราเริ่มขนลุกแล้วสิ  พอแน่ใจว่าน่าจะเจอดีเข้าให้แล้วก็รีบเลื่อนประตู  พร้อมกับเดินกลับเข้ามานั่งทำงานตามเดิม  ในใจก็สงสัยตลอดว่าที่ได้ยินนั้นมันคืออะไรกันแน่

พอเช้าวันต่อมาเราก็พูดคุยกับแม่ตามปกติ  แต่เราไม่ได้เล่าเรื่องที่ได้ยินอะไรเมื่อคืนที่ตรงระเบียงให้แม่ฟังนะ  เพราะเกรงว่าถ้าแกรู้แกจะกลัว

สรุปว่าคืนที่สอง  อาการแม่เรายังไม่ดีขึ้น  หมอเลยขอให้แม่นอนต่ออีกคืนนึง  ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นเราอีกเช่นเดิมที่จะต้องนอนเป็นเพื่อนแม่อีก

คืนที่สองเราก็นั่งทำงานตามเดิม  แค่รู้สึกว่าเพลียมาก  ก็เลยตั้งใจว่าจะนอนเร็วหน่อย  อาศัยที่นั่งยาวใกล้เตียงคนไข้เป็นที่หลับนอน  เปิดไฟสว่างแค่บางจุดคือตรงโต๊ะที่นั่งทำงาน  นอกนั้นปิดหมด..เวลาตอนนั้นน่าจะสี่ทุ่มมั๊งคะ

พอหลับไปนานเท่าไรไม่รู้  ทีนี้เราได้ยินเสียงเหมือนใครมาร้องไห้อีก  แต่เที่ยวนี้นี่ไม่ได้ดังมาจากระเบียงแล้วนะ  มันดังมาจากตรงใกล้กับที่ๆเรานอนเฝ้าแม่เลย

ด้วยความสงสัยบวกกับสะลืมสะลือ  พอลืมตาขึ้นก็มองไปทั่วบริเวณห้อง  แต่แล้วสายตาก็มาสะดุดกึกที่ตรงปลายเตียงที่แม่นอน  รู้สึกขนลุกซู่  

เพราะภาพที่เห็นคือมีใครไม่รู้คะ  เท่าที่ดูเป็นหญิงสาววัยน่าจะประมาณ 30-35 ใส่ชุดเหมือนกับผู้ป่วยในโรงพบาลแห่งนั้นแหละคะ  เธอกำลังทำท่านั่งยองๆอยู่กับพื้นใกล้ๆที่แม่เรานอน  ผมที่ยาวปกปิดใบหน้า  สังเกตสองมือเธอเกร็งและกำลังจับอยู่ที่ข้อเท้าตัวเอง

ที่สำคัญคือเสียงร้องไห้นั้นมันดูน่าสงสารมาก  และเราก็แน่ใจเลยว่าน่าจะเป็นเสียงเดียวกับที่เราได้ยินเมื่อวานชัวร์ๆเลย

ตอนนั้นคล้ายว่ามีมนต์สะกดบางอย่าง  หรืออาจเป็นความกลัวจนขยับตัวเองแทบไม่ได้  เราก็ได้แต่นอนมองผู้หญิงคนนั้นอยู่ประมาณสัก 5 นาที  จากนั้นร่างปริศนาผู้นั้นก็ค่อยๆเลือนลางหายไปกับตา..!!

พอเธอหายไปอยู่ๆเราก็ขยับตัวได้  ทีนี้ไม่นอนแล้วล่ะคะ  เปิดไฟจนสว่างทั้งห้องเลย  ส่วนแม่เราเขาตื่นมาเห็นก็ถามว่าเป็นอะไรทำไมไม่ยอมนอน  เราก็ได้แต่โกหกไปว่าไม่มีอะไร  ยังไม่ง่วง  กะจะนั่งทำงานก่อน

พอเช้าเราก็โทรบอกพี่ชายเลย   ว่าไม่ไหวแล้ว  พร้อมกับเล่าเรื่องที่เจอมาสองคืนก่อนให้พี่ชายฟัง  พี่ชายก็เลยบอกว่าถ้างั้นจะลองปรึกษาหมอดูว่าอยากจะพาแม่กลับบ้านได้ไหม? เนื่องจากอาการแม่ก็ดูไม่เป็นอะไรมาก

โชคยังดีอยู่บ้างที่หมอบอกให้แม่กลับบ้านได้  วันที่สามเราจึงไม่ต้องนอนเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลอีก

พอหลังจากนั้นเราก็ไม่เคยกลับไปที่โรงพยาบาลนั้นอีกเลย  แต่เคยมีครั้งนึงได้โทรศัพท์ไปปรึกษาและเล่าเรื่องที่เจอให้เพื่อนที่เป็นนางพยาบาลฟัง(แต่อยู่คนละ รพ.)   เขาก็บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา  เพราะเรื่องการตายในโรงพยาบาลนั้นนับไม่ถ้วนอยู่แล้ว  สิ่งที่เราเห็นอาจเป็นวิญญาณใครก็ไม่รู้ที่เขาอยากจะมาสื่อสารอะไรบางอย่างกับเรารึเปล่าก็ไม่ทราบได้  จึงมาให้เห็นแบบนั้นถึง 2 คืน ถ้าอยากให้สบายใจก็ทำบุญกรวดน้ำไปให้เขาน่าจะเป็นอะไรที่โอเคที่สุด

และจากเหตุการณ์ครั้งนั้น  ทำให้เราถึงกับไม่กล้าไปนอนเฝ้าเพื่อนหรือใครที่ไหนในโรงพยาบาลอีกเลยคะ  เรียกว่าเข็ดจนตายเลย.

ที่มาสยองขวัญวาไรตี้

ติดตามอ่านเรื่องเล่าผีต่อได้ที่ คลังหลอน

Previous articleยุติการเผยแพร่
Next articleใครเป็นปอบ อีนี่มันเลี้ยงกู มันผิดข้อสัญญา มันคะลำมันตายแล้วร่างนี่เป็นของกู