คุณจะรู้สึกอย่างไร เมื่อทุกครั้งที่คุณกลับมาจากไปธุระข้างนอกบ้าน หรือยามที่คุณตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แล้วคุณพบว่าข้าวของเครื่องใช้ในบ้านของคุณนั้นได้ถูกพลังงานบางอย่าง เคลื่อนย้ายไปจากตำแหน่งเดิม ที่คุณจำได้ แม้แต่อาหารในตู้เย็นของคุณก็หายไป โดยที่คุณจำไม่ได้ว่าคุณได้รับประทานมันไปตอนไหนและคุณจะรู้สึกอย่างไร และที่สำคัญคุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าบ้านหลังนี้คุณมั่นใจว่า คุณอาศัยอยู่.. เพียงคนเดียว!
ในปี พ.ศ. 2551 ช่วงนั้นคือช่วงปลายฤดูหนาวย่างเข้าฤดูร้อนบ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่ ณ เมืองเล็ก ๆ ทางภาคตะวันออกของจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย มีชายชราวัย 57 ได้มาเช่าอาศัยอยู่ ชื่อของเขาคือ “คำมูล” !!
โดยได้เช่าอาศัย อยู่เพียงคนเดียวในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งบ้านหลังนี้ เป็นบ้านเช่าเล็ก ๆ มีห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่นเหมือนห้องทั่ว ๆ ไป ซึ่งคุณลุงคำมูล ก็หวังเพียงจะได้อาศัยพักผ่อนหลับนอนจากการทำงานเล็ก ๆ น้อย ในช่วงบั้นปลายของชีวิต หลังปลดเกษียณตัวเองออกมา
แต่ทว่า หลังจากที่เขาได้ย้ายพักอาศัยนั้น คุณลุงก็รู้สึกได้ ถึงความแปลกประหลาดในบ้านหลังนี้ ความแปลกประหลาด อันชวนขนลุก ที่จะมีใครสักกี่คนจะได้รับประสบการณ์ อันน่าสะพรึงกลัวเหมือนคุณลุง
ทุก ๆ วัน ก่อนที่คุณลุงคำมูล จะออกไปทำงานหรือไปทำธุระนอกบ้าน เขาจะต้องทำให้ตัวเองมั่นใจเสมอว่า เขาได้ทำการปิดหน้าต่างและล็อกประตูบ้านเป็นอย่างดีแล้วทุกครั้ง
แต่ก็ทุกครั้งที่กลับมาเช่นกัน ที่คุณลุงรู้สึกว่า ของบางอย่างในบ้านพักหลังนี้มันได้เคลื่อนย้าย ไปจากตำแหน่งเดิม โดยที่ตัวคุณลุงเอง พยายามทำความเข้าใจกับเหตุการณ์แปลก ๆ นี้ว่า เป็นเพราะตัวของเขานั้นอายุมากแล้ว จึงอาจมีอาการ หลง ๆ ลืม ๆ ตามประสาคนแก่ จำไม่ได้ว่า ได้เคลื่อนย้าย ของพวกนั้น ไปเมื่อไหร่เอง
แต่ไม่เพียงแค่ข้าวของเครื่องใช้ถูกย้ายที่ ยามที่คุณลุงเปิดตู้เย็นเพื่อจะหาอะไรกิน คุณลุงก็จะสังเกตพบว่า ของกินหายไปบางส่วนหรือในบางที วางของกินเอาไว้กลางบ้าน แล้วมีธุระต้องออกไปข้างนอก เมื่อกลับมา ก็จะพบว่าของกินที่วางไว้ มันมีบางส่วนหายไป โดยที่คุณลุงเอง ก็พยายามนึกว่าตัวเองอาจทานเข้าไปเอง แล้วจำไม่ได้ก็เป็นได้
พอเวลาผ่านไป จากหลายวันมา เป็นหลายเดือนจนเกือบปี คุณลุงก็ยังไม่ชินกับเรื่องที่มีข้าวของเปลี่ยนที่
หรือของกินหายไปสักที จนทำให้คุณลุงเอะใจว่า บ้านหลังนี้ มันอาจมีวิญญาณผี ผู้หิวโหยสิงสู่อยู่เป็นเพื่อนคุณลุงก็ได้ เพราะคุณลุงมั่นใจว่า ในบ้านหลังนี้คุณลุงไม่เคยพบว่า มีหนูอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันเลย
แต่อีกใจหนึ่ง คุณลุงที่เริ่มจะขวัญผวากับสิ่งที่มองไม่เห็นภายในบ้าน ก็พยายามใจดีสู้เสือคิดเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ว่า ถ้ามีหัวขโมยแอบเข้ามาในบ้าน ยามที่ตัวเองไม่อยู่ล่ะ มันก็เป็นได้
คุณลุงจึงตัดสินใจตรวจสอบตามประตูหน้าต่างว่ามีรอยงัดแงะ อยู่ที่ตรงไหนบ้างไหม ผลปรากฎออกมาว่า ตัวคุณลุงก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ
ตรวจกันขนาดนี้แล้ว ก็ไม่พบอะไรเลย บทสรุปในใจ ของคุณลุงคำมูล มันก็ต้องมาลงที่ เรื่องวิญญาณหลอน ที่อาศัยสิงสู่คู่บ้านเช่าหลังนี้ น่าจะเป็นเหตุผล ที่ดีที่สุดแล้ว ที่นึกได้
คุณลุงคำมูล ได้พยายามสอบถามเพื่อนบ้าน ที่มาอาศัยอยู่ก่อนช่วงที่คุณลุงจะย้ายเข้าว่าที่บ้านหลังนี้ว่า เคยมีประวัติคนตายหรือมีการฆาตกรรมหรือไม่ อย่างไร
คำตอบที่ได้จากเพื่อนบ้านทุกคนนั้น ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่หมู่บ้านนี้ไม่เคยมีคดีฆาตกรรมรุนแรง ถึงขั้นมีคนตายและที่แน่ ๆ บ้านหลังที่คุณลุงอยู่นั้นก็ไม่เคยมีประวัติ ว่ามีคนตายแม้แต่คนเดียว
ด้วยความพยายาม ที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองอันสงบสุขนี้ของคุณลุง ทำให้คุณลุงตัดสินใจ แอบติดกล้องวงจรปิด ภายในบ้านทั้ง ๆ ที่คุณลุงอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ไม่จำเป็นจะต้องแอบติดก็ได้
ในใจคุณลุงคำมูลนั้นหวังเพียงว่า การแอบติดกล้องวงจรปิดนั้น เขาทำเพื่อไม่ให้ผีร้าย รู้ว่าเขาทำอะไรเท่านั้นเอง
หลังจากที่คุณลุงคำมูล ติดตั้งกล้องวงจรปิดเสร็จ วันรุ่งขึ้น คุณลุงก็จัดการล็อกประตูบ้านและหน้าต่างอย่างแน่นหนาเช่นเคย แล้วจึงออกไป ทำธุระตามปกติ
เมื่อคุณลุงกลับมา ก็พบว่าของในบ้าน ถูกขยับที่ไปจากเดิมเช่นเคย คุณลุงทำใจดีสู้ผี แกล้งทำเป็นรับประทานอาหารเย็น ทั้งที่ตัวคุณลุงเอง ก็สังเกตได้ว่า มีบางส่วนหายไปเช่นเคย
แล้วพอตกค่ำ คุณลุงก็ตัดสินใจข่มตานอน โดยหวังว่าวันรุ่งขึ้น ที่เป็นวันที่คุณลุงไม่ได้ออกไปไหน เขาจะได้ตรวจสอบที่กล้องวงจรปิดให้รู้ดำรู้แดงกันไปว่า กล้องนั้นจะสามารถจับภาพ ช่วงที่ของในบ้านขยับที่ได้หรือไม่ …. !?
เมื่อรุ่งเช้ามาถึง คุณลุงก็นำสื่อบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปิดดู ภาพจากกล้องที่คุณลุงเห็นนั้น มันทำให้คุณลุงถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว…
เมื่อคุณลุงเห็นว่า ช่วงที่คุณลุงออกจากบ้านไปแล้วนั้น มีร่างลึกลับร่างหนึ่ง เป็นร่างเหมือนมนุษย์ผมยาวอยู่ในชุดยูกาตะสีขาว ค่อย ๆ คืบคลาน ออกมาจากตู้เก็บของในบ้าน ราวกับเห็นภาพเดียวกันกับหนังเรื่อง “เดอะริง” ยังไงยังงั้นเลย
ร่างนั้นคืบคลานไปทั่วบ้านอย่างช้า ๆ เข้าไปตามห้องต่าง ๆ ของบ้าน ทั้งห้องนั่งเล่น ห้องครัว แม้กระทั่งห้องน้ำ จนเวลาในวีดีโอ ผ่านไปหลายชั่วโมง ร่างนั้นก็กลับคลานเข้าไป ในตู้เก็บของเช่นเดิม….!
ลุงคำมูล รู้สึกใจไม่ดี เขาพยายามเดินตรวจ ไปทั่วบริเวณที่เห็นร่างผีร้ายตนนี้ ว่ามันไปทำอะไรทิ้งไว้บ้าง ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ นอกจากข้าวของ ที่ถูกเคลื่อนไปเช่นเดิม
ในที่สุด คุณลุงก็ตัดสินใจ เดินมาที่ตู้เก็บของ ความรู้สึกของคุณลุงตอนนี้ มันเหมือนกับกำลังจะเปิดประตูนรก เพื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายที่สิงสู่อยู่ในบ้าน ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลย
คุณลุงกลั้นใจ แล้วเปิดบานประตูเก็บของนั้นทันที ก็ปรากฎว่า ไม่พบว่ามีใครอยู่ข้างในเลย แต่คุณลุงก็ยังไม่วางใจ พยายามมองไปให้ครบทุกชั้นให้ทั่วทั้งตู้นั้น จนกระทั่งสายตากวาดลงมาถึงชั้นล่างสุดของตู้ แล้วสิ่งที่คุณได้เห็นต่อหน้าต่อตานั้นคือ …. !
ขาของใครก็ไม่รู้ อยู่ที่ชั้นล่างสุด คุณลุงเห็นดังนั้นก็ถึงกับขวัญผวาปิดตู้ทันที แล้วรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยมาตรวจสอบ
เวลาผ่านไปไม่นาน ตำรวจท้องที่ก็ได้มาถึงที่บ้านคุณลุง เจ้าหน้าที่พบกับคุณลุงที่อยู่ในสภาพตกใจกลัว ละล่ำละลัก บอกกับพวกเขาว่า คุณลุงได้เผชิญอะไรมาบ้าง ตลอดเกือบปีที่ผ่านมาและได้ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยตรวจสอบว่า ในตู้มีอะไรอยู่กันแน่ ขาคู่นั้น มันคืออะไรกัน !!!
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว จึงค่อย ๆ เดินไปที่ตู้เก็บของนั้น ทุกคนอยู่ในสภาพความกลัว เข้าครอบงำ เพราะเท่าที่สังเกต ทั้งบ้านก็ล็อค อย่างแน่นหนา มันจะมีอะไรมาอยู่ที่นี่ กับคุณลุงได้ ถ้าไม่ใช่ผี !!!
ตำรวจค่อย ๆ เปิดตู้เก็บของดังกล่าว แล้วเอาไฟฉายส่องกวาดดูจนทั่ว และแล้ว …ทุกคนก็ได้พบกับเจ้าผีร้ายตนนั้นกับตา มันคือผียายแก่ ในชุดสีขาว …….ผมยาวรุงรัง น่ากลัวเป็นอย่างมาก !!!
ไม่ใช่สิ…
พอดูดี ๆ แล้ว มันไม่ใช่ผีนี่นา นี่มันเป็นคน แต่คนทั้งคนมาอยู่ในนี้ได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลากเธอออกมาจากตู้ แล้วสอบถามว่า เรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่
ผียายแก่เดอะริง ที่จริงแล้วเธอชื่อว่า “บังอร มาราศรี” เธอเป็นหญิงชรา อายุ 58 ปี เธอเป็นคนจรจัดไร้บ้านแอบมาอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังนี้ มานานแล้ว นานกว่าคุณลุงคำมูล ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเกือบปีนี่เสียอีก
การกินอยู่ ก็อาศัยช่วงที่คุณลุงคำมูลไม่อยู่ หรือช่วงที่คุณลุงหลับแล้ว ออกมาหาของกินบ้าง อาบน้ำบ้างตามโอกาสจะสะดวก ซึ่งก็ได้ทำแบบนี้มาตั้งแต่คุณลุงย้ายเข้ามาอยู่ จนถึงวันนี้ก็เหลืออีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะครบรอบปีแล้ว
สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ มันก็เป็นไปแล้ว นี่หมายความว่า ทุกอิริยาบถของคุณลุง ในบ้านหลังนี้ ไม่ว่ายามกิน ยามนอน ล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตา ของบังอรมาตลอด โดยที่คุณลุงไม่รู้ว่า มีใครแอบอาศัยอยู่เลย ช่างน่าสยองขวัญเสียจริง
ท่ามกลางความตะลึงงัน คุณลุงก็ได้พูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทิ้งท้าย ก่อนจะพาตัวบังออกไปจากบ้านว่า… “อย่างน้อย เธอก็อาบน้ำ….”
ขอบคุณที่มา : soccersuck.com