แอบดูผี ที่บ้านร้าง ทั้งคืน

แอบดูผี ที่บ้านร้าง ทั้งคืน
แอบดูผี ที่บ้านร้าง ทั้งคืน

เรื่องนี้ผ่านมานานมาก คงจะเกือบๆ 10 ปีได้แล้วแหละครับ ตั้งแต่สมัยพี่ผมคนนี้แกยังเรียนเทคนิคอยู่เลย

เข้าเรื่อง คือสมัยนั้นพี่ชายผมคนนี้แกถือว่าเกเร เอาเรื่องเลย ทั้งเรื่องเสเพลไปวันๆ รวมไปถึงยาเสพติดที่พี่แกชอบเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่เรื่อยๆเลย

และในคืนนั้นเอง พี่ชายผมคนนี้กับเพื่อนของเขาขับมอไซต์จาก อ.บ้านนาสาร จะเข้า อ.เมือง สุราษฏร์ แต่ในระหว่างทางทั้งคู่เจอด่าน พี่ชายผมแกหักเลี้ยวตั้งแต่เนิ่นๆ แต่… ตำรวจเขารู้ทัน จึงดักรออยู่ก่อนแล้ว และแน่นอน พี่ผมหนีสิครับ สมัยนั้นขับ ซูซูกิ สวิง เครื่องสองจังหวะแรงใช่ย่อย

ส่วนพวกตำรวจ ก็ไล่กวดมากันเต็มเลย ทั้งกระบะ ทั้งมอไซค์ แต่พี่ผมแกปิดสวิตไฟขับทั้งมืดๆแบบนั้น เพื่อพลางตัว พี่ผมแกพยายามลัดเลาะเข้าไปในซอยที่แกก็ไม่รู้จักว่าที่ไหน เพราะปิดไฟขับ คงเป็นเพราะความกลัวว่าตำรวจจะตามมา แกเลยขับลึกเข้าไปเข้าไปด้านในพอสมควร

จนแกแน่ใจละว่า หนีพ้นแล้วแหละ แต่… ก็ยังออกไปไม่ได้ แกเลยช่วยกันเข็นรถไปแอบใต้พุ่มไม้ แล้วก็เอาใบไม้มาถมๆๆๆ รถเอาไว้ทั้งคัน หลังจากเอารถไปแอบ ตอนแรกทั้งคู่ตัดสินใจจะเดินออกไปตัวเปล่า แล้วกลางวันค่อยกลับมาเอารถ 

แต่พอเดินได้ครึ่งทาง จู่ๆรถตำรวจก็ขับเข้ามาสะงั้น แสงไฟสีแดงของไซเลนรถตำรวจ แว็บๆๆๆ มันกวาดไปทั่วทุกทิศทุกทาง คือสว่างจนพี่ผมแกเหลือบไปเห็นกำแพงอะไรสักอย่างอยู่ไม่ไกลมากนัก

ด้วยความกลัวตำรวจ พี่ผมกับเพื่อนแก จึงพากันคลานๆไปที่กำแพงนั้น แล้วปีนเข้าไปในกำแพง ทั้งคู่ได้แต่แอบมองดูตำรวจ ผ่านช่องว่างของกำแพง แต่ผ่านไปสักพัก พี่ชายผมรู้ว่าสึกหญ้ามันสูงไปหรือเปล่า คือแกคง กลัวงู,กลัวตะขาบ,กลัวกิ่งกือ ก็เลยบอกเพื่อนว่า “ข้างหลังเป็นบ้านที่สร้างไม่เสร็จใช่ปะ เข้าไปข้างในเถอะ”

พอทั้งสองเข้าไปในบ้านปุ๊ปก็รู้สึกโล่งขึ้นมาเลย เพราะมั่นใจว่า ตำรวจคงไม่ตามเข้ามาถึงนี้หรอก ทั้งสองรู้ดีว่ามันมืดและน่ากลัว แต่ ณ ตอนนั้น ผีกับตำรวจ ขอหนีตำรวจก่อนดีกว่า

ระหว่างที่หลบอยู่ในบ้านร้างก็ไม่ได้พูดอะไรกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะกระซิบเบาๆ ว่าตำรวจไปยังๆ อะไรประมาณนี้ จนผ่านไป เกือบชั่วโมง เสียงรถตำรวจ แสงไซเลนส์ เงียบไปแล้ว ทั้งคู่ก็เลยเดินออกจากบ้านหลังนั้น แล้วก็ปีนกำแพงออกไป… ในใจคิดไว้ว่า กูรอดแล้ว 

พี่ผมกับเพื่อน รีบเดินเร็วๆไปที่รถที่แอบไว้ใต้พุ่มไม้ พอยกรถขึ้นมาปุ๊ป แต่…หากุญแจไม่เจอ!!  

“ชิบหายละ อยู่ไหนวะ มึงทำหล่นไหนเปล่า ?” 

พี่ผมถามเพื่อน ส่วนเพื่อนก็บอกว่า “ไม่นะ กูเอาใส่เป๋าเสื้อช็อปไว้ไม่น่าหล่นหายไหน กูพูดจริงๆ”…

จนเพื่อนแกนึกได้ว่า สงสัยจะหล่นตอนกระโดดลงจากกำแพง มันน่าจะหล่นตอนนั้น สรุป ต้องวนกลับเข้าไปในกำแพงนั้นอีก เพื่อหากุญแจ

พอเดินไปถึงก็เริ่มหาจากด้านนอกกำแพงก่อนเลย เขี่ยๆหาอยู่พักนึง..ไม่เจอ เลยตัดสินใจปีนเข้าไปด้านใน พยายามหากันอยู่พักนึง แต่ก็ยังไม่เจอ เพื่อนพี่ก็เลยบอกว่า ลองเข้าไปหาในบ้านดู…

หลังจากเดินเข้าไปในบ้านปุ๊ป เจอเลยปั๊ป กุญแจหล่นอยู่กลางห้องเลย พอพี่ผมหยิบกุญแจมาปุ๊ป กำลังจะเดินออกจากประตู จู่ๆก็เหมือนเห็นอะไรแว็บๆ เพื่อนพี่แกกระชากแขนพี่ผม แล้วกดลงให้นอนหมอบกับพื้นเลย พร้อมทำเสียง ชุๆๆ พี่ผมงงมากตอนนั้น แล้วเพื่อนแกก็ชี้ให้ดูที่กำแพง

พอพี่ผมหันไปปุ๊ป คือชัดมากเลย เห็นคนกำลังนั่งอยู่บนกำแพง… ถึงจะกลางคืนและมืดมากก็จริง แต่แสงของพระจันท์มันสว่างพอให้เห็นได้ลางๆ คือมันไม่ได้ไกลมากหรอก ระหว่างกำแพงและตัวบ้าน แต่ด้วยความที่เห็นลางๆก็เลยไม่รู้ว่าใคร ตอนนั้นคิดได้อย่างเดียวว่าตำรวจแน่ๆ

ทั้งคู่เงียบกริบ… ได้แต่นอนหมอบระนาบไปกับพื้น ตาก็จ้องเงานั้นอยู่ตลอด ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ จู่ๆเงานั้นก็ลุกขึ้นเดินเฉย แต่ว่า…มันเดินบนกำแพง 

“อะไรวะนั้น ?” 

บอกเลยว่าพี่ผมโคตรงง ชนิดทำตัวไม่ถูก เพราะในหัวคิดว่าเป็นตำรวจ แต่ว่าทำไมตำรวจต้องเดินไปมาบนกำแพงด้วย

คราวนี้แหละ ที่ทำให้ทั้งสองหายสงสัยเลย เพราะเงานั้น จู่ๆมันก็เดินวกไปตรงต้นไม้ที่อยู่ตรงขอบกำแพง ไม่แน่ใจว่าต้นอะไร แต่รู้ว่าสูงพอสมควร ดูเหมือนเงานั้นกำลังยืนทำอะไรสักอย่าง แล้ว จู่ๆ ก็มีเสียง แกร๊ก!! ตามด้วยกิ่งไม้โยกลงแรงมาก ตอนนั้นทั้งสองเห็นชัดเลยว่าเงานั้นห้อยต่องแต่ง ชักดิ้นชักงออยู่

คือพี่ผมกับเพื่อน ร้องไห้หยั่งหมาเลย น้ำหูน้ำตาไหลแต่ไม่มีเสียงร้อง เพราะกลัวกันเกินลิมิตของผู้ชายคนนึงที่จะทนกันได้แล้ว แต่สักพัก เงาที่ชักดิ้นชักงออยู่ก็หยุด ตามเสียงตุบใหญ่ๆ เงานั้นหล่นลงมานอนหงายหลังอยู่ข้างกำแพงด้านใน..!!

ผ่านไปครู่นึง เงานั้นก็ลุกขึ้นมาแล้วเหมือนในมือกำลังลากอะไรมาด้วย แต่ปัญหาคือเหมือนมันกำลังเดินตรงมาที่บ้านเลย พี่ผมกับเพื่อน พากันคลานเอาหลังพิงกำแพงบ้านไว้ เพราะกลัวว่าเงานั้นมันจะเดินเข้ามาในบ้าน (ประตูมีแต่กรอบ ไม่มีบานประตู) ทั้งคู่ได้ยินชัดเลยว่าเธอกำลังเดินขึ้นมาบนฟุตบาทของบ้าน คงเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมรอบข้างมันเงียบเกินความจริงมากๆ จึงทำให้ได้ยินทุกอริยาบท

ทั้งสองกลัวจนลืมสนใจไปเลยว่าเงานั้นเป็นหญิงหรือชาย จนได้ยินเสียงเสียงนึงดังขึ้นมา…

“เฮือกกกก เอือกกกกก…..”

เสียงดังอู้อี้ๆเหมือนเสียงผู้หญิงกำลังร้องไห้ออกมา แต่เสียงมันติดอยู่ในคอ เหมือนลินจุกปากยังไงยังงั้นเลยจริงๆ 

ทั้งสองได้ยินเสียงผู้หญิงทั้งเดินทั้งร้องวนรอบบ้านรอบนึง ก็จะตัดสินใจเดินออกไป ถึงจะกลัวแต่เพื่อนพี่ผมแกก็อยากรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ถึงในใจจะรู้ว่าไม่ใช่คนแน่ๆ 

กระทั่งแกได้เห็นสมใจอยาก ชัดเลยว่า มันไม่ใช่แค่เงา แต่มันเป็นผู้หญิงผมประบ่า ใส่ชุดกระโปงเหมือนครูสมัยก่อน เดินมุ่งหน้าไปที่กำแพง

เธอคนนั้นปีนไปนั่งห้อยขาอยู่บนกำแพง เหมือนกำลังนั่งมองอะไรอยู่ แล้วสักพักก็ลุกขึ้นเดินบนกำแพง หันหน้าเข้าหาต้นไม้อีกครั้ง 

ทันใดนั้น แกว๊กกกก….. เสียงกิ่งไม้โยกลง ตามด้วยภาพของผู้หญิงคนนั้นที่ห้อยลงมาชักดิ้นชักงอ เพื่อนพี่ผมช๊อคตาค้างเลย เพราะแกไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าจะเห็นภาพเหตุการณ์เดิมชัดๆเหมือนเดิมเป็นครั้งที่สอง

ส่วนพี่ผมน่ะหรอ แกได้เห็นแค่รอบเดียวเพราะแกกลัวจนไม่กล้าดู แต่เพื่อนพี่ผมแกใจแข็งแก นั่งดูอยู่แบบนั้นทั้งคืน 

พี่ผมแกบ่นในใจว่า… “จะทำอะไรก็ทำแต่อย่าฆ่าแกได้ไหมขอร้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาเหล้า เอาไก่ 5 ดาว 5 ตัว มาไหว้”

กระทั่งได้ยินเสียงไก่ขัน ผู้หญิงคนนั้นถึงจะหายไปเลย แบบไม่เลือนลาง คือหายแวบไปเฉยๆเลย จนต้องเพ่งดูอีกที ว่ามันหายไปแล้วจริงๆ เรียกได้ว่า ทั้งสองไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะต้องทนอยู่กับผู้หญิงคนนั้นทั้งคืน ไม่สามารถลุกขึ้นไปไหนได้เลย ได้แต่แอบมอง แอบฟัง อยู่แต่ในบ้าน

พอตอนเช้า ตะวันขึ้น จนสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน พี่ผมนี่ถึงกับเหวอเลย เพราะที่พี่ผมคลานกันเข้ามานั้น มันคือสุสานเก่าของศาสนาอิสลาม ..!! 

หลังจากกลับออกไปแล้ว พี่ผมก็กลับมาแก้บนให้นะครับ แต่รอบนี้แกไม่ได้คนเดียวมา แกยกโขยงมากันเป็นสิบๆคนเลย ในตอนกลางวัน

ขอบคุณที่มา pohihi188

Previous articleยุติการเผยแพร่
Next articleยุติการเผยแพร่