“ผีป่าบนภูกระดึง”

ผีป่าบนภูกระดึง
ผีป่าบนภูกระดึง

หลังจากที่บุญโฮมได้เจอกับผีพรายสาวกลางหนองหานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วนั้น  ด้วยการอธิษฐานขอสิ่งศักสิทธิ์ครูอาจารย์มาช่วยเหลือทำให้เขารอดพ้นมาได้ ผ่านไปหนึ่งเดือนบุญโฮมจึงตัดสินใจบวชตามที่ได้บนบานไว้

เนื่องจากยังไม่ถึงอายุที่จะเป็นภิกษุจึงทำได้แค่บวชเณรไปก่อน สามเณรบุญโฮมมีความตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยโดยเฉพาะการปลีกวิเวกนั่งภาวนาในป่าช้าอยู่เสมอ คิดไว้ว่าอยากตามรอยหลวงปู่มั่นให้นานจนได้บวชเป็นพระ แต่เนื่องจากทางบ้านยังไม่มีใครดูแลพ่อกับแม่ เมื่อครบสามเดือนก็สึกออกมาเป็นฆราวาสเหมือนเช่นเดิม 

ครั้นพอครบอายุ ๒๑ ปี จึงเข้าไปบอกพ่อแม่ว่าเขามีความตั้งใจอยากจะบวช อาจจะตลอดชีวิต ท่านทั้งสองก็มองหน้าแล้วถามว่าแน่ใจแล้วใช่ไหม

บุญโฮมพยักหน้า ขณะนั้นน้องชายเขาก็อายุ ๑๘ ปีแล้ว ด้วยความที่เห็นลูกชายตั้งจิตมั่นในพุทธศาสนาก็เลยอนุญาติให้บวชได้ หลังจากบวชไปได้ ๔ พรรษา ในวันหนึ่งได้มีหลวงตารูปหนึ่งเดินทางธุดงค์มาปักกลดใกล้กับเขตป่าช้าแถววัด 

ด้วยความที่พระบุญโฮมชอบไปปลีกวิเวกนั่งสมาธิเดินจงกรมแถวนั้นเสมอ พอไปเจอกลดพระอยู่เลยลองไปคุยดู หลวงตาท่านเห็นว่าพระบุญโฮมเป็นคนที่ปฏิบัติหนักแต่ยังไม่รู้แจ้งถึงการเข้าถึงคำสอนของพุทธองค์ที่พระองค์วางแนวทางไว้ 

ท่านถามพระบุญโฮมว่าตั้งแต่บวชมาเคยออกธุดงค์ไปที่อื่นไหม คำตอบคือ ไม่ เพราะวัดใกล้กับหมู่บ้านคนยังมาทำบุญกันอยู่มาก และถึงแม้จะบิณฑบาตก็ไม่ต้องเดินไกล 

หลวงตาท่านก็ยิ้มแล้วเอ่ยมาว่า อยากลองไปธุดงค์กับท่านไหม? ว่าจะขึ้นไปบนภูสูงๆสักหน่อย พระบุญโฮมถามว่าที่ไหนครับ หลวงตาบอกภูกระดึงที่เลย 

ตอนแรกพระบุญโฮมคิดในใจว่าถ้าไปจะทำได้ไหม ความคิดหลายอย่างเข้ามาในหัว แต่สุดท้ายก็ตกลงที่จะไปกับหลวงตา 

เส้นทางที่ท่านพาพระบุญโฮมเดินธุดงค์ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เดินไปตามถนนเรื่อยๆ แต่สิ่งที่แปลกใจคือทุกเช้าที่ออกเดินทางต่อหรือตอนปักกลดพัก มักจะมีชาวบ้านนำอาหารมาใส่บาตรเสมอ บางคนอาหารแบบไม่น่าจะหามาใส่บาตรพระได้แต่ก็มี 

จนมาถึงดอยสูงลูกหนึ่งเมื่อเข้าเขตจังหวัดเลย หลวงตาท่านบอกว่าพระใหม่ต้องสำรวมและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด บนภูนี้มีทั้งเจ้าป่าเจ้าเขารุกขเทวดาอีกทั้งผีป่ามากมาย พระบุญโฮมก้มหน้ารับคำท่าน 

เดินขึ้นไปบนภูจนเจอลานหินกว้างพอสมควร  หลวงตาท่านบอกว่าจะปักกลดตรงไหนก็ได้ จำไว้นะที่บอกต้องสำรวมจิตใจต้องนิ่ง พระบุญโฮมก็เดินไปจนเจอจุดปักกลดที่ต้องการ หลังจากนั้นเข้าไปอยู่ในกลดนั่งสมาธิสักพัก พอเปิดกลดออกมาฟ้าก็มืดเสียแล้ว 

ค่ำคืนนี้เดือนหงายมองเห็นดาวเต็มท้องฟ้า พลันได้ยินเสียงคนเดินเหยียบใบไม้ใกล้เข้ามาจากด้านข้าง คิดว่าคงจะเป็นหลวงตา พอหันไปดูกลับกลายเป็นตายายคู่หนึ่งอายุราวๆ ๖๐-๗๐ พอมาถึงหน้ากลดก็คุกเข่านั่งลงแล้วยกมือไหว้ 

พระบุญโฮมก็ยิ้มแล้วก็ถามว่า ตายายโยมมาจากไหน บ้านอยู่แถวนี้หรือทำไมมา ไหว้พระเสียดึกเลย ตายายก็ยิ้มแต่ไม่ตอบ ใช้การพยักหน้าให้แทน 

พระบุญโฮมคิดว่าแกคงมาแค่ไหว้พระเลยให้ศีลและพรแก่ตายายนั้น พอเสร็จแล้วทั้งคู่ก็กราบแล้วค่อยๆลุกเดินหายจนลับไปจากสายตา 

พระบุญโฮมมองดูกลดหลวงตาที่อยู่ไกลๆอีกฝั่งหนึ่ง ไฟจากเทียนยังคงติดอยู่ แต่ไม่ถึง ๓ นาทีก็ดับลง ท่านคงนอนเสียแล้ว ขณะที่ถอยเข้ามาในกลดกำลังจะปิด สายตามองเห็นเงามืดที่ดำสนิท ดำกว่าความมืดทะมืนอยู่ เมื่อปรับสายตามองดูมันเหมือนคนยืนอยู่แล้วค่อยๆโน้มตัวมาลงมาคลาน 

เงาดำนั้นเดินมา ๓-๔ ก้าวตรงมาที่กลดพระบุญโฮม แล้วอยู่ๆมันก็กระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้สูงๆที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นไปเรื่อยๆจนมองไม่เห็น พระบุญโฮมปิดกลดแล้วเข้ามานั่ง มีเสียงพูดขึ้นว่าหลวงพี่เจ้าคะ! หลวงพี่เจ้าคะ! ก็คิดว่าใคร หรือว่าเป็นลูกสาวตายายคู่เมื่อกี้มาตามหาแกหรือเปล่า? 

จึงเปิดกลดออกไปอีกครั้ง ภาพที่เห็นคือผู้หญิงผิวขาวหมดจด รูปร่างหน้าตาสวยงาม ที่สำคัญกลิ่นกายสาวหอมฟุ้งมาก เธออยู่ในชุดชาวบ้านธรรมดาไม่ได้พิเศษอะไร สาวงามก้มลงกราบพระบุญโฮม แต่ด้วยความที่ชุดพอดีตัวทำให้เห็นสัดส่วน 

แล้วพระบุญโฮมไม่เคยได้สัมผัสกับสาวงามเลยตั้งแต่วัยรุ่น เธอขยับเข้ามาพร้อมกับถามว่า พระธุดงค์รูปนี้น่าเลื่อมใสจังเลย เป็นบุญที่ได้มากราบท่านเหลือเกิน แต่ไม่พูดเปล่ากลับขยับกายเข้ามาหาพระเรื่อยๆ แววตาที่มองเชื้อเชิญให้พระบุญโฮมถูกเนื้อต้องตัว กลิ่นกายหอมกรุ่นแรงขึ้นมาทุกขณะ คำภาวนาที่อยู่ในใจเริ่มจะหวั่นไหว 

พระบุญโฮมหลับตาลงภาวนาในใจเพียงคำว่า “พุทโธๆๆ” แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับบอกว่ากอดฉันสิ กอดฉันหน่อย ฉันหนาวเหลือเกิน หลังจากจิตนิ่งแล้วพระบุญโฮมลืมตาขึ้นมา ภาพที่เห็นซ้อนในตัวผู้หญิงรูปงามนั้นคือ หญิงชราผมขาวโพลนดวงตาสีแดงใบหน้าเหี่ยวย่นฟันดำเต็มปาก จิตสื่อถึงความต้องการของมันคือจะดูดพลังชีวิตท่าน 

ขณะนั้นความกลัวและกิเลสมันได้หมดไปจากใจแล้ว ท่านภาวนาเพียงคำว่า “พุธโธ ธัมโม สังโฆ” ผีป่านั้นชะงักพร้อมกับมองดู แต่มันก็กระโจนหมายจะให้ถูกตัวท่าน กลายเป็นว่ามันกระเด็นหงายหลังออกไปนอกกลด 

พอท่านเดินตามออกมาสาวงามกลับกลายเป็นหญิงชราน่าเกลียดนอนร้องโอดโอยน่าเวทนา พระบุญโฮมจึงแผ่เมตตาให้ผีป่านั้น หลังจากได้กุศลแล้วก็ก้มลงกราบแทบเท้า ก่อนจะคลานหายไปอีกฝั่งหนึ่งของป่า แล้วหลวงตาท่านก็เปิดกลดออกมายืนอยู่ ท่านพยักหน้าประมาณเรียกให้ไปหา 

พอไปถึงหลวงตาก็พูดว่า จำไว้นะความใคร่ตัณหามันคือหายนะของทุกสิ่ง สำหรับบุรุษเพศแล้วไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรืออยู่ในสมณสงฆ์ไม่มีสิ่งใดที่จะมีผลต่อใจมากไปกว่าความงามของสตรีอีกแล้ว แต่หากพิจารณาให้ดี ความงามนั้นต่อให้ไม่มีที่ติถึงอย่างไรสักวันเมื่อถึงเวลาก็เหี่ยวย่นไม่น่าอภิรมย์ 

ท่านเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างดีใจที่พระบุญโฮมแก้ไขได้ ผีป่ายังไม่ร้ายเท่ากับผีหรือกิเลสที่อยู่ในใจตนเองเลย แล้วหลังจากคืนนั้นพระบุญโฮมก็แผ่เมตตาให้ทุกดวงจิตที่อยู่บนภูตลอด ซึ่งท่านก็ไม่ถูกรบกวนอีก รวมแล้วเวลาที่อยู่บนภูกระดึงเป็นเวลาสองอาทิตย์ ก่อนที่จะเดินทางธุดงค์ไปยังที่อื่นต่อไป เรื่องมีเท่านี้ครับ……

เครดิตเรื่อง  :  หาญ ใจสิงห์

Previous articleยุติการเผยแพร่
Next article“ผิดสัญญาพราย”