เรื่องนี้เกิดขึ้นที่คอนโดแห่งหนึ่งแถวๆลาดกระบัง ซึ่งคุณโตะนั้นทำงานเป็นพนักงานส่งอาหาร delivery ร้านแห่งหนึ่ง วันนั้นคุณโตะก็ได้ทำงานแล้วเข้ากะกลางคืน และตอนตี 3 คุณโตะก็ได้รับออเดอร์ไปส่งอาหารให้ลูกค้าที่คอนโดแห่งนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณโตะนั้นเคยมาส่งอาหารที่นี่แล้ว 2-3 รอบ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปในตึก เพราะลูกค้าจะลงมารับอาหารเองตลอด แต่ว่ารอบนี้พอคุณโตะมาถึงหน้าคอนโด โทรให้ลูกค้าลงมารับอาหาร แต่ลูกค้าบอกว่า…
“โทษทีพอดีพี่ขาเจ็บลงไปไม่ได้ น้องขึ้นมาส่งได้ไหม”
“ผมเข้าคอนโดไม่ได้ ไม่มีคีย์การ์ดครับ”
“ ให้บอกลุงยามที่อยู่ข้างล่างว่า มาส่งของที่ห้อง… ชั้น 6 นะ”
คุณโตะก็เดินหาลุงยามที่นั่งอยู่ด้านหน้าประตู แต่ลุงยามไม่อยู่ตรงนั้น แต่พอดีประตูเปิดอยู่ คุณโตะก็เลยบอกกับลูกค้าว่า “ถ้ามีอะไรหรือเกิดอะไรขึ้น รบกวนพี่ช่วยเป็นพยานให้ผมด้วยนะ” แล้วคุณโตะก็วางสาย
คุณโตะเดินเข้าไปในตัวคอนโด เดินตรงไปยังลิฟท์ กดเปิดลิฟท์ พอประตูลิฟท์เปิดออก ก็เดินเข้าลิฟท์ไป แล้วกดไปชั้นที่ 6 ขณะที่ลิฟท์กำลังเคลื่อนตัวขึ้น อยู่ดีๆ ลิฟท์ก็มาหยุดที่ชั้น 2
ติ๊ง!!…
ประตูลิฟท์เปิดออก มียายแก่ๆ อายุประมาณ 70-80 ใส่ผ้าถุง ใส่เสื้อลายดอก เดินเข้ามาในลิฟท์ แล้วก็ยืนอยู่ตรงกลางลิฟท์ สิ่งที่แปลกคือ สายตาของยายจะมองตรงไปที่ประตูลิฟท์ตลอดเวลา
คุณโตะก็ถามว่าจะไปชั้นไหนครับ แต่ยายไม่ตอบ คุณโตะก็ไม่ได้สนใจอะไร ระหว่างที่ลิฟท์กำลังเลื่อนขึ้นนั้น ยายก็พูดคำๆนึงออกมาว่า “กูร้อน กูร้อน” คุณโตะก็ถามว่า “ยายเป็นอะไร” แต่ยายเงียบเหมือนเดิม ไม่ตอบอะไร พอถึงชั้น 6 ประตูเลิฟท์เปิดออก คุณโตะก็เดินออกจากลิฟท์
คุณโตะเดินไปหาห้องลูกค้า ถึงห้องก็เคาะประตูเรียก พอลูกค้าเปิดประตูออกมาก็ถามว่า “ทำไมน้องขึ้นมาไวจัง” คุณโตะก็บอกว่า “ผมขึ้นลิฟท์มาครับ” พอลูกค้าได้ยิน ก็ทำหน้าตาเหวอหวา แต่คุณโตะก็ไม่ได้สนใจ เอาอาหารให้ลูกค้า และเก็บเงินตามปกติ
ก่อนที่คุณโตะจะกลับ ลูกค้าได้บอกกับคุณโตะว่า “น้องๆ ขากลับลงบันไดนะ ไม่ต้องลงลิฟท์” คุณโตะก็ตอบครับๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจคำพูดของลูกค้า
ด้วยความที่กระเป๋ามันหนัก จะเดินก็เหนื่อย คุณโตะก็เลือกที่จะลงลิฟท์เหมือนเดิม พอคุณโตะกดลิฟท์ ลิฟท์ก็ขึ้นมาเรื่อยๆตั้งแต่ชั้น 1 จนมาถึงชั้น 6
พอลิฟท์เปิด คุณโตะก็เห็นคุณยายคนเดิมยืนอยู่กลางลิฟท์ ท่าเดิมเหมือนตอนที่คุณโตะขึ้นมา คุณโตะก็เลยถามยายไปว่า “ยายทำไมยังอยู่ในลิฟท์อีกหละครับ ยายจะไปไหน ยายบอกผมเดี๋ยวผมไปส่งให้” แต่ยายก็ไม่พูดไม่ตอบเหมือนเดิม
คุณโตะก็เลยเดินเข้าลิฟท์ และกดชั้น1 ปกติ จังหวะที่ลิฟท์กำลังเคลื่อนที่ลง อยู่ดีๆ ยายแกก็พูดขึ้นว่า “กูร้อน กูร้อนมาก” คุณโตะก็พยายามถามยายว่าจะลงชั้นไหน แต่เหมือนยายจะอารมณ์ไม่ค่อยดี
ขณะที่ลิฟท์เลื่อนผ่านชั้น 3 ยายพูดอีกว่า “มีของดีหนิ” ณ ตอนนั้นคุณโตะก็เริ่มรู้สึกแปลก เลยก้าวเท้าถอยเอาหลังติดผนังลิฟท์ไว้ และก็เอากระเป๋าขั้นกลางระหว่างตัวเองโตะกับยาย พอลิฟท์ลงมาถึงชั้น 1 คุณโตะก็รีบวิ่งออกจากลิฟท์ทันที จังหวะพอดีกับลุงยามที่อยู่แถวๆนั้น เห็นท่าทางคุณโตะแลปก แกก็เลยคิดว่าเป็นขโมย จึงตะโกนพร้อมกลับวิ่งเข้ามาจับแขนคุณโตะแล้วถามว่า
.
ลุงยาม : มึงเป็นใคร มาจากไหน
คุณโตะ : ลุงๆ เมื่อกี๋ผมเจออะไรไม่รู้ ไม่รู้ว่าเป็นผีหรือเปล่า
ลุงยาม : ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตอบกูมาก่อนว่ามึงเป็นใคร
คุณโตะ : ผมเป็นพนักงานส่งอาหารครับ
ลุงยาม : แล้วขึ้นไปได้ไง ไม่โทรให้เขาลงมารับหละ
คุณโตะ : ผมโทรแล้วครับ แต่ว่าเขาขาเจ็บ พอดีผมเห็นประตูเปิดอยู่ เขาก็เลยบอกให้ผมขึ้นไป
ลุงยาม : ประตูมันไม่เคยเปิด ถึงเปิดกูก็ปิด
คุณโตะ : สาบานจริงๆ ว่าประตูมันเปิดอยู่ แล้วผมก็เดินไปขึ้นลิฟท์
พอลุงยามได้ยินว่าคุณโตะขึ้นลิฟท์ไป ก็ตกใจและถามว่า
ลุงยาม : ห๊ะ ขึ้นลิฟท์ตัวไหนไปนะ
คุณโตะ : ก็ลิฟท์ตัวสีเขียวนั่นไง
คุณโตะก็ชี้ไปทางลิฟท์สีเขียวตัวนั้น แต่ว่าพอหันกลับไปก็ไม่เจอลิฟท์แล้ว
“สาบานให้ตาย หรือว่า ขับรถออกไปให้รถชนเลยก็ได้ ว่าผมขึ้นลิฟท์ไปจริงๆ”
“เออ กูเชื่อแล้วๆ ว่ามาส่งของจริงๆ”
“ผมเจอยายแก่ๆ คนนึง ผมยังว่าแกน่าจะบ้า อยู่ในลิฟท์ขึ้นๆลงๆ”
ลุงยามบอกให้คุณโตะสงบสติอารมณ์ก่อน นั่งเฉยๆ แปปนึง แล้วก็ไปหยิบน้ำมาให้กิน ผ่านไปสัก 5 นาที ลุงยามก็บอกคุณโตะว่าดูนะ แล้วยามก็เคาะผนัง ก๊อกๆๆ คุณโตะก็ถามว่า อะไรอะลุง ลุงยามก็บอกว่า นี่ไงลิฟท์ที่บอก เขาเอาออกไป 7- 8 ปีแล้ว แล้วเขาก็เอาไม้อัดมาปิดไว้ทุกชั้นแล้วก็ทาสีขาว ให้เป็นสีเดียวกับกำแพง เพื่อให้เหมือนว่าตรงนี้ไม่มีลิฟท์ แต่คุณโตะก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ขึ้นลิฟท์จากตรงนี้ไปจริงๆ ลุงยามก็บอกว่า เออ กูก็เชื่อ เพราะก่อนหน้านี้มีลิฟท์เขียวอยู่ตรงนี้จริงๆ คุณโตะก็เลยถามว่า
คุณโตะ : ที่นี่มีอะไรหรือเปล่า
ลุงยาม : มึงเจอยายใส่ชุดอะไร
คุณโตะ : ถ้าลุงรู้ ลุงพูดมาสิ
ลุงยาม : ถ้าไม่พูด เดี๋ยวกูพูดให้ฟัง ยายคนนั้นใส่เสื้อลายดอก ใส่ผ้าถุงใช่ไหม
คุณโตะตกใจ ทำหน้าเหรอหรา เมื่อสิ่งที่ลุงยามบอกมันตรงกับที่ตัวเองเห็นเป๊ะ และลุงยามก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังต่อว่า
ลุงยาม : ลิฟท์ตัวนี้เคยเกิดอุบัติเหตุครึ่งนึง ซึ่งยายคนนี้พักอยู่ที่ชั้น 10 วันนั้นแกขึ้นลิฟท์ แล้วเกิดไฟดับ ยายแกก็ติดอยู่ในลิฟท์ ไม่มีใครรู้ ผ่านไป 5 ชั่วโมง กูเห็นลิฟท์มันค้างอยู่ ก็เลยกดลงมาที่ชั้น 1 พอลิฟท์เปิดมาก็เห็นยายแกเสียชีวิตแล้ว เพราะขาดอากาศหายใจ คนในคอนโดเจอกันบ่อย จนเจ้าของต้องเอาลิฟท์ตัวนี้ออก วันดีคืนดี ยายคนนี้จะเดินเข้าออกตัวตึกตลอด และที่ลุงไม่นั่งอยู่หน้าตึก ก็เพราะว่าเห็นยายคนนี้บ่อยมาก
คุณโตะ : แล้วมีคนอื่นเจอแกบ้างป่ะ
ลุงยาม : ไม่ต้องห่วงหรอก โดนกันเยอะ
สุดท้ายลุงยามก็ขอกับคุณโตะไว้ว่า หนุ่มลุงขอได้ไหม อย่าไปเล่าให้คนอื่นฟังได้ไหมว่าตึกนี้มีอะไร แต่คุณโตะก็ขออนุญาตกับลุงยามว่าขอนำเรื่องนี้ไปเล่าได้ไหม แต่จะไม่บอกว่าเป็นคอนโดไหน ลุงยามแกก็บอกว่าได้ และก็บอกกับคุณโตะอีกว่า คิดซะว่ายายแกมาขอส่วนบุญละกัน ก็ไปทำบุญให้เขาซะ คุณโตะก็บอกว่า เดี๋ยวไปทำบุญให้
จำคำที่ยายแกพูดในลิฟท์ว่า มีของดีหนิ ได้ไหม คุณโตะอธิบายว่า วันนั้นในตัวของคุณโตะแขวน พญาครุฑ ที่คุณพ่อให้ไว้ รวมถึงหลวงปู่ทวด ที่น้าให้มา อีกสิ่งหนึ่งที่คุณโตะพกติดตัวตลอดและหวงมากก็คือ ตอนนั้นคุณโตะไปเป็นทหารอยู่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วเจอหลวงพ่อธุดงค์ คุณโตะก็รีบวิ่งไปหา แล้วก็พูดว่า หลวงพ่อๆ ผมเป็นทหารอยากได้ของดี หลวงพ่อให้อะไรผมหน่อยได้ไหม ให้แคล้วคลาดหนังเหนียวหรืออะไรก็ได้
หลวงพ่อก็เลยให้ตะกรุดมาอันนึง พร้อมกับฉีกจีวรของท่านพันกับตะกรุดนี้ให้แล้วก็บอกว่า เก็บสิ่งนี้ไว้กับตัวให้ดี มันจะทำให้เอ็งรอดพ้นจากภัยอันตรายทุกอย่าง คุณโตะจึงพกตะกรุดมาอันนี้ติดตัวไว้จนถึงปัจจุบัน
สุดท้ายคุณโตะก็ยังงงอยู่เลยว่าตัวเองนั้นขึ้นลิฟท์ไปได้ยังไง ถ้ามีออเดอร์ให้มาส่งที่คอนโดแห่งนี้อีก คุณโตะสาบานกับตัวเองเลยว่ายังไงก็ไม่มาส่งอีกเด็ดขาด
เครดิตเรื่อง : สมาชิกพันทิปหมายเลข 999332