ปู่เย็น

ปู่เย็น
ปู่เย็น

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากปากของชายชราคนหนึ่ง ผมเจอท่านตอนไปที่วัดหนึ่งใกล้บ้าน ท่านกำลังนั่งอยู่ในศาลาไม้ริมน้ำสายตาเหม่อมองไปแสนไกล ผมมานั่งตรงข้ามท่าน เมื่อท่านหันมาผมจึงยกมือไหว้ ท่านยิ้มแล้วบอกมาทำบุญหรือหนุ่ม? ผมบอก ครับ ท่านถามว่า ไม่เล่นโทรศัพท์เหมือนคนอื่นหรือ เห็นใครมานั่งที่นี่ก็เล่น

ผมยิ้มบอกมาวัดก็อยากสงบอยากพักสมองบ้างครับปู่ คือผมเรียกท่านว่าปู่เฉยเลย อยู่ๆท่านก็ถามว่าชอบฟังเรื่องเล่าจากคนเฒ่าคนแก่ไหมเดี๋ยวปู่จะเล่าให้ฟัง ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ท่านจึงเล่าว่า… 

ย้อนกลับเมื่อ ๗๐ ปีที่แล้ว ตอนนั้นท่านอายุได้ ๑๖ ปี กำลังเป็นหนุ่มหัวนมแตกพาน วัยที่กำลังฉกรรจ์เลือดหนุ่มพุ่งพล่าน แต่โดยนิสัยท่านเป็นคนชอบไปวัดใจบุญสุนทาน มีงานบุญที่ใดมักจะไปช่วยเหลืออยู่เสมอ หมู่บ้านของท่านอยู่หลังเขาและบ้านแต่ละหลังก็ห่างกันตามแบบฉบับคนต่างจังหวัด 

ในยุคก่อนที่ยังไม่พัฒนาและไกลปืนเที่ยงเช่นนั้น มีเพียงผู้ใหญ่บ้านที่ปกครองคนให้อยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อย โชคดีที่ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนดีมีวิชาอาคมติดตัวคอยช่วยเหลือลูกบ้านอยู่เสมอ แต่ในความโชคดีนั้นก็มักจะมีความโชคร้ายแอบซ่อนอยู่ 

ในหมู่บ้านมีนักเลงคนหนึ่งชื่อว่าเจ้าเหม นิสัยขี้เหล้าเมายาชอบรีดไถและลวนลามหญิงสาวในหมู่บ้านประจำ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านกล้าก็เคยเตือนและขู่อยู่หลายครั้ง แต่คนมันไม่เคยเปลี่ยนมันก็ได้แค่นั้น 

ใกล้บ้านปู่เย็นมีหญิงสาวหน้าตาดีผิวพรรณหมดจดสดใสชื่อว่า เรไร ว่ากันว่ามีหนุ่มๆหลายคนมาจีบมาชอบพอแต่เธอก็ไม่เคยสนใจใครเลย 

ด้วยความที่ปู่เย็นทักทายเล่นกับพี่เรไรบ่อยเลยสนิทกัน อยู่มาวันหนึ่งป้าเพ็ญแม่ของพี่เรไรมาถามว่าเห็นลูกสาวแกบ้างไหม? คนที่อยู่บ้านใกล้กันก็บอกว่า เห็นว่าไปตักน้ำที่บ่อใกล้ๆตั้งแต่บ่ายยังไม่กลับมาอีกเหรอ?

ป้าเพ็ญพูดไปร้องไห้ไป ปู่เย็นก็บอกให้ไปถามผู้ใหญ่กล้า แต่ทว่าแกไปทำธุระในเมืองอีกสองวันจะกลับมา ด้วยความร้อนรนทุกคนจึงออกตามหาทั่วอาณาบริเวณก็ไม่พบแม้เงา ปู่เย็นกลับบ้านมาใจคอก็ไม่ค่อยดี รู้ดีถึงนิสัยพี่เรไรห่วงป้าเพ็ญมากไม่เคยไปไหนไกลๆ 

จนถึงวันถัดไปทุกคนก็ยังคงตามหาแต่เหมือนเดิม จนตะวันจะลับฟ้าแล้ว ทุกคนก็มาปรึกษากันว่าไม่มีสักที่เหลือเพียงที่เดียวที่ยังไม่ได้ไปนั่นคือบนภูเขา แต่นั่นมีคนบอกมาว่ามีชุมโจรอยู่ หัวหน้ามันชื่อว่า เสือกลั่น มีวิชาอาคมคงกระพันฟันแทงไม่เข้าเพราะเรียนมาจากฆราวาสทางฝั่งลาว 

เป็นไงเป็นกันหากเรไรโดนเสือกลั่นฉุดไปยังไงก็ต้องเสี่ยงดู ปู่เย็นก็ถามว่าไม่รอผู้ใหญ่กลับมาก่อนหรือ  ทุกคนบอกรอไม่ได้ หากเรไรต้องเป็นอันตราย 

แล้วในคืนนั้นปู่เย็นก็ฝัน ฝันว่าพี่เรไรมาหาที่หน้าบ้าน พอท่านกำลังจะเดินตามก็หันหลังเดินไปที่ภูเขา แปลกที่พี่เรไรเดินช้าๆเนิบๆแต่ก็ตามไม่ทัน พี่เรไรมาถึงตีนเขาก็หายไปกับความมืด 

ปู่เย็นสะดุ้งตื่นตอนตีห้ามาล้างหน้าตรงชานบ้าน พลันสายตาไปเจอกับพี่เรไรยืนร้องไห้ไกลๆ เอามือขยี้ตามองอีกทีก็หายไปเสียแล้ว จึงคิดว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว จึงไปเล่าให้พ่อแม่และป้าเพ็ญฟัง 

พอตะวันสาดแสงขึ้นมา ชาวบ้านก็รวมตัวกันเพื่อที่จะไปยังภูเขาลูกนั้น พอดีกับที่ผู้ใหญ่กล้ากลับมาจากในเมืองเห็นเข้าจึงถามว่ามีเรื่องอะไรกัน หลังจากได้รู้เรื่องราวแกจึงไปด้วยทันที 

เดินมาจนจะถึงตีนเขา ผู้ใหญ่กล้าเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างหันมาบอกป้าเพ็ญว่าทำใจดีๆนะ เข้าไปในป่านิดเดียวภาพที่ทุกคนเห็นคือ เรไรผูกคอตายกับต้นสักใหญ่ลิ้นจุกปากตาถลน สภาพศพขึ้นอืดน่าจะตายมาแล้วไม่น้อยกว่าสองวัน 

ป้าเพ็ญร้องไห้จนเป็นลมเมื่อเห็นศพลูกสาว ผู้ใหญ่บอกคนให้เอาร่างเรไรลงมา แกมองดูแล้วคิดว่าไม่น่าจะมีเหตุใดจูงใจให้เรไรฆ่าตัวตาย มันเหมือนการฆาตกรรมอำพราง อยู่ๆมีลมพัดมาวูบหนึ่งแรงพอที่จะเลิกผ้าซิ่นที่เรไรนุ่งขึ้นมาถึงเอว อวัยวะเพศของเธอมีรอยพกช้ำมีน้ำคร่ำและมีรอยเหมือนถูกข่มขืน 

ทุกคนต่างคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของเสือกลั่น หรือไม่ก็ลูกน้องมันเพราะเรไรสวยหุ่นผิวดี แต่ผู้ใหญ่กล้าคิดในใจว่าเสือกลั่นคงไม่ทำเรื่องเลวทรามได้ขนาดนี้

พอพาศพกลับมาก็เอาไปที่ป่าช้า สมัยก่อนก็เผากองฟอนกันง่ายๆนี่ล่ะ พอพระท่านสวดเสร็จเอาร่างมาวางแล้วจุดไฟ ปู่เย็นบอกคนที่มาดูต่างพากันสาปแช่งคนที่ทำกับเรไรอย่างสาดเสียเทเสีย

แล้วจู่ๆทุกคนก็สะดุ้งพร้อมกับกรีดร้อง เพราะศพเรไรดีดตัวขึ้นมานั่งตาเบิกโพลงอ้าปากและที่สำคัญแขนข้างซ้ายยกขึ้นมานิ้วชี้ไปที่ไอ้เหมซึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยความกลัวหรืออะไรบางอย่างไอ้เหมวิ่งหนีหายไปทันที ผู้ใหญ่กล้ามองตาม

หลังเสร็จการเผาศพเรไรแล้ว คนที่ต้องสงสัยที่สุดตอนนี้เปลี่ยนจากชุมโจรเสือกลั่นมาเป็นไอ้เหมเสียแล้ว ถ้าหากคิดว่าวิญญาณเรไรไม่สงบแล้วมาบอกอย่างนั้น แต่ทว่าพอไปหาไอ้เหมที่บ้านมันหายไปแล้วพร้อมกับเสื้อผ้าที่ห่อติดตัวไป 

มันจะหนีไปไหนทุกคนต่างครุ่นคิด หรือว่ามันจะไปที่ภูเขาไปขออยู่กับเสือกลั่น หากเป็นเช่นนั้นจริงๆคงแย่เป็นแน่แท้ แล้วลางสังหรณ์ก็เป็นจริง…

มีคนในหมู่บ้านไปหาของป่าใกล้ภูเขาเห็นว่าไอ้เหมมากับลูกน้องเสือกลั่น ได้ยินว่าจะมาปล้นที่หมู่บ้านปู่เย็นเสียด้วยในอีกไม่กี่วัน 

พวกลูกบ้านบอกข่าวคราวเล่ามาว่าเสือกลั่นคงกระพันชาตรี ถ้ามันมาปล้นที่นี่คงต้องมีการนองเลือดมีคนตายแน่ ผู้ใหญ่กล้าบอกทำไมอยู่ดีๆเสือกลั่นถึงจะมาปล้นที่นี่ บ้านคนมีเงินมีไม่กี่หลังแทบจะนับได้ หรือว่าไอ้เหมเป็นคนยุยง ส่วนเรื่องหนังเหนียวนั้นมันมีทางแก้ ทุกสิ่งในโลกมีจุดอ่อนเสมอ 

ผู้ใหญ่รวบรวมกำลังพลเป็นชายหนุ่มราว ๑๕ คนซึ่งหนึ่งในนั้นมีปู่เย็นอยู่ด้วย ทุกคนต่างมีหน้าไม้คนละอัน ส่วนผู้ใหญ่มีปืนหนึ่งกระบอก 

สิ่งที่ปู่เย็นแปลกใจก็คือผู้ใหญ่กล้าเอาหน้าไม้มาวางไว้แล้วบริกรรมคาถาก่อนเป่าใส่ลงไปทุกๆอัน แกถามว่าใครที่ยิงแม่นสุดขอแค่สามคน มีคนยกมือพร้อมทั้งปู่เย็น

พากันออกมาตั้งแต่ก่อนเที่ยงมาขึ้นไปทำห้างบนต้นไม้ พอเริ่มจะเย็นย่ำผีตากผ้าอ้อมก็ขึ้นไปประจำการ 

เป็นไปตามคาดมีคนเดินลงมาประมาณ ๑๕ คน หนึ่งในนั้นคือไอ้เหม สีหน้าแววตากระหยิ่มยิ้มย่อง คนที่อยู่หน้าสุดปู่เย็นบอกว่าน่าจะเป็นเสือกลั่น ตัวสูงใหญ่กำยำสันทัดผิวดำแดงรอยสักเต็มตัวไปหมด เหมือนกับว่ามันจะรู้ เสือกลั่นหยุดเดินแล้วพูดเสียงดังสนั่นป่าว่า

“พวกมึงเป็นใคร! คนของทางการรึ?”

ไม่มีเสียงตอบใดๆ เพราะผู้ใหญ่กล้าแกสั่งไว้

“มึงคิดจะจับกู มันไม่ง่ายไปหรอกมั้ง!!”

แล้วเสือกลั่นก็บอกลูกน้องให้เอาเชือกปอสี่ห้าเส้นมาให้ บริกรรมคาถาแล้วโยนลงพื้น ปู่เย็นบอกไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเชือกปอมันกลายเป็นงูจงอางสีดำเมื่อมยาวเกือบสามเมตรเลื้อยมาตรงต้นไม้ที่มีห้างร้านอยู่ กำลังจะเลื้อยขึ้นมา 

ผู้ใหญ่กล้าพูดว่ายิงมันเลย พอยิงเสร็จงูร่วงลงสู่พื้นก็กลายเป็นเชือกเหมือนเดิม มีคนหนึ่งด้วยความโมโหจึงเอาหน้าไม้ยิงลูกดอกไปที่เสือกลั่น แต่มันไม่ระคายแม้เพียงน้อย ไม่พอใจคนนั้นฉวยเอาปืนของผู้ใหญ่กล้าที่นั่งอยู่บนห้างเดียวกันเล็งแล้วลั่นไกออกไป กระสุนพุ่งตรงเข้าที่หน้าผากเสือกลั่น แต่ว่าไม่เข้าเหมือนเดิม 

ผู้ใหญ่บอกมันรู้ตัวแล้ว แกกระซิบบอกคนที่อยู่กับแกให้ไปสมทบกับคนที่อยู่อีกห้างนึง ส่วนแกจะไปประจันหน้ามันเอง พอแกลงมาก็เดินเข้าไปหาเสือกลั่นจริงๆ ไอ้เหมเห็นหน้าแกก็บอกเสือกลั่นว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านที่เราจะไปปล้น อย่าปล่อยมันไป เพราะมันไปฟ้องตำรวจเราจะแย่

เสือกลั่นหัวเราะเสียงเย็นยะเยือกพูดว่า กูเรียนวิชาคงกระพันหนังเหนียวปล้นฆ่ามานับไม่ถ้วน เรื่องแค่นี้มีหรือกูจะครั่นคร้าม เตรียมตัวตายได้แล้วพวกมึง ผู้ใหญ่บอกจะฆ่าแกงแกก็ได้ แต่อย่าทำอะไรลูกบ้านคนเฒ่าคนแก่ลูกเด็กเล็กแดงเลย แล้วแกก็ยกมือขึ้นสองข้าง เสือกลั่นบอกใครขวางกูฆ่าทิ้งหมดทั้งนั้น แม้แต่เด็กคนแก่หรือพ่อแม่มึง!!

แล้วผู้ใหญ่กล้าก็ลดมือขวาลงข้างหนึ่งเพื่อเป็นสัญญานให้คนยิงหน้าไม้แม่นที่อยู่บนห้างนั่งร้าน ๓ คนยิงได้ เสียงลูกดอกออกจากคันยิง

สิ่งที่ปู่เย็นเห็นคือลูกดอกมันวิ่งหลบต้นไม้ที่ขวางอยู่ราวกับมีชีวิต สองดอกพุ่งเข้าหูข้างซ้ายและขวาส่วนอีกดอกเข้าในปากมันที่กำลังอ้าอยู่

เสือกลั่นล้มลงสิ้นใจตายทันที พวกลูกน้องหลังจากหัวหน้าใหญ่ตายก็วิ่งกระจายไปคนละทาง แต่ไอ้เหมมันกลับไม่วิ่งไปไหน อยู่ๆร่างมันก็ลอยขึ้นจนหัวกระแทกกับกิ่งไม้เลือดพุ่งออกเป็นลิ่มๆ

ผู้ใหญ่กล้าหลับตามองดูจึงรู้ว่าเป็นเรไรเอามือสองข้างบีบคอมันแล้วยกขึ้นไปกระแทกซ้ำๆ จนไอ้เหมขาดใจตายเรไรจึงหายไป ที่เธอเพิ่งจะทำมันได้เพราะว่ากลัวอาคมที่มีของเสือกลั่น เมื่อไม่มีอาคมแล้ว จึงสบโอกาสจึงฆ่าไอ้เหมทันที 

ผู้ใหญ่กล้าได้แต่เวทนาบอกในจิตกับเรไรว่าไปสู่สุคตินะอย่าเป็นห่วงใดๆ ป้าเพ็ญทุกคนจะคอยดูแลแกเอง ภาพที่เห็นวิญญาณของเรไรกลายเป็นคนสวยแต่น้ำตาอาบแก้มยิ้มและพูดกับแกว่า ฝากแม่ฉันด้วยนะผู้ใหญ่ 

หลังออกมาจากป่าปู่เย็นท่านก็ถามผู้ใหญ่ว่าทำไมเสือกลั่นถึงตายไหนว่าหนังเหนียวคงกระพัน ผู้ใหญ่ยิ้มแล้วบอกครูอาจารย์แกสอนว่าทุกสิ่งในโลกย่อมมีเสื่อมสลายตามกาลเวลา คาถาอาคมก็เช่นกัน 

หากผิดคำครูหรือลบหลู่ดูหมิ่นด่าว่าบุพการีผู้อื่นแม้แต่ศัตรูอาคมย่อมเสื่อมลงทันที ส่วนคงกระพันนั้นตรงไหนก็ตามที่มีรูในร่างกายนั่นคือจุดอ่อนของวิชานี้อันประกอบด้วย รูหูสองข้าง รูจมูก ปาก รูทวาร หากเสื่อมลงหรือโดนกระสุนอาคมเข้าที่ใดก็ตามใน ๔ จุดนี้ไม่รอดแน่นอน ต่อให้หนังเหนียวปานใด

แล้วหมู่บ้านของปู่เย็นก็อยู่อย่างสงบเรื่อยมา จนปู่ลงมาทำงานที่กรุงเทพแล้วมาเจอคุณย่าจึงมาอยู่ที่นี่ได้เกือบ ๒๐ ปีแล้ว

ท้ายสุดนี้คนเราต่อให้มีวิชาอาคมดีสักเพียงใด แต่ถ้าผิดคำครูลบหลู่บุพการีและทำความชั่วสะสมไว้ กฏแห่งกรรมก็จะวนกลับมาหาไม่ช้าก็เร็วอย่างแน่นอน เรื่องมีเท่านี้ครับ….

เครดิตเรื่อง : หาญ ใจสิงห์

Previous articleสองคืนที่รีสอร์ท
Next articleยุติการเผยแพร่