เรื่องราวชวนสยองขวัญปนน่าสงสารเรื่องนี้ เคยเป็นข่าวดังเมื่อหลายปีก่อน นับถึงวันนี้ก็ผ่านไป 10 ปี พอดี แต่ก็ยังไม่ทราบว่าท้ายสุดคดีไปถึงไหนแล้วสิ้นสุดยังไง
ย้อนไปในเหตุการณ์วันนั้น เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อปี 54 ได้มีเด็กชาวพม่าไทยใหญ่เสียชีวิตและศพลอยตามน้ำมา แต่ที่น่าสยดสยองก็คือเมื่อไปพบศพกลับมีแต่ตัว แต่ไม่มีหัว..!!
ซึ่งมาทราบทีหลังว่า ชื่อเด็กหญิง “ปลาทู” อายุ 6 ขวบ ลูกสาวชาวพม่าที่จมหายไปในแม่น้ำปิง ช่วงบริเวณบ้านม่วงค้อน ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะตายมาแล้วประมาณ 10 วัน..!!
เมื่อชาวบ้านไปพบ ศพเด็กเริ่มจะขึ้นอืดและเหลือแต่ตัว ส่วนศีรษะหลุดหายไป โดยร่างของเด็กน้อยนั้นลอยมาติดริมฝั่งแม่น้ำปิง ตรงบ้านห้วยโจ้ ต.แม่นะ ซึ่งห่างจากจุดที่ตกประมาณ 7 กิโลเมตร
ด้านทีมงานกู้ภัย อปพร.เชียงดาว พร้อมกับตำรวจ และแพทย์เวร โรงพยาบาลเชียงดาว นำศพขึ้นมาตรวจสอบ สภาพเน่าแล้วและไม่สวมเสื้อผ้า ส่วนศีรษะที่หายไปนั้นตอนแรกสันนิษฐานว่าเมื่อศพเน่าทำให้ศีรษะน่าจะไปติดกิ่งไม้ตามชายฝั่ง และเมื่อกระแสน้ำไหลเชี่ยว จึงทำให้ส่วนตัวหลุดขาดลอยน้ำไปก็เป็นได้
แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายได้ จึงอยู่ระหว่างเก็บศพไว้เพื่อรอญาติมาติดต่อรับไป แต่เหตุการณ์กลับไม่จบลงแค่นั้น เพราะมีชาวบ้านรวมถึงเจ้าหน้าที่หลายคนพบเจอวิญญาณของเด็กหญิงมาปรากฎกายให้เห็น..
เหตุการณ์ที่ชุดกู้ภัยเจอวิญญาณเด็ก วันนั้นช่วงเวลากลางคืน ทีมกู้ภัยชุดที่เป็นคนไปนำศพของเด็กขึ้นมา กลับเจอเหตุการณ์ประหลาดชวนสยองขวัญ..เมื่อต่างเจอผีเด็กที่ไร้ศีรษะเดินวนเวียนอยู่ใกล้ตู้ยาม เห็นกันเต็มตาพร้อมๆ กันถึง 2 คน จึงเชื่อว่าวิญญาณเด็กคงไม่ยอมไปไหน คงเดินวนเวียนหาศีรษะอยู่ตรงบริเวณริมน้ำที่พบศพแห่งนั้น สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก..
ด้านนายนิคม กล่าวยืนยันถึงเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกนี้ว่า เมื่อเวลาตี 4 ของวันที่ 8 พฤษภา ขณะที่ตนนอนอยู่ในตู้ยาม อปพร.วังจ้อม เกิดปวดปัสสาวะขึ้นมา จึงได้ลุกออกมาข้างนอก ปรากฎเห็นเด็กเดินวนเวียนไปมาอยู่ที่สามแยก ไม่สวมเสื้อผ้าและไม่มีศีรษะ..ตนพยายามเพ่งดูให้แน่ใจ และเห็นว่าร่างของเด็กหายไปต่อหน้าต่อตา..!!
ตอนแรกคิดว่าตาฝาดไปรึเปล่า เมื่อทำธุระเสร็จจึงเดินกลับจะไปนอนต่อ สักพักก็ได้ยินเสียงเดินอีก ตนจึงลุกขึ้นและลองมองผ่านบานเกล็ดออกไปยังสามแยกจุดเดิม ทีนี้ก็เห็นเด็กไม่มีศีรษะอีกครั้ง..!! ตนจึงรีบปลุกนายจิตร เพื่อนทีมงานที่นอนอยู่ด้วยกันให้ลุกมาดู..
ด้านนายจิตร คืออีกคนที่เจอเรื่องชวนขนหัวลุกในคืนนั้น..เขาเล่าว่าเมื่อเวลาตี 2 วันเดียวกัน ตนออกมาดูความเรียบร้อยตรงรอบๆ บริเวณก็เจอเด็กไม่มีศีรษะเดินอยู่เช่นกัน ตอนแรกนึกว่าตาฝาด แต่หันกลับมาดูก็ยังพบอีก..!! จึงได้เดินกลับเข้าไปที่ป้อม แต่ไม่กล้าบอกให้ใครฟัง เพราะกล้วเพื่อนจะหาว่าสร้างเรื่องราวขึ้นมาเอง กระทั่งนายนิคมที่เห็นทีหลังตน และได้มาปลุกให้ตนไปดู จึงได้มั่นใจว่าน่าจะเป็นวิญญาณเด็กคนนั้นจริงๆ..
แต่อย่างไรก็ตามเรื่องราวการพบเห็นวิญญาณของเด็กหญิงหัวขาดนั้น ไม่ได้มีแต่ทีมกู้ภัยสองคนนี้เท่านั้นที่เจอ หากแต่ชาวบ้านในละแวกนั้นก็ยังเคยเจอเรื่องชวนขนหัวลุกกันด้วย
ซึ่งส่วนใหญ่จะได้ยินเป็นเสียงเหมือนเด็กร้องเพลง เป็นทำนองเพลงพื้นบ้านของชาวไทยใหญ่..!! ดังแว่วมาในยามค่ำคืน จนทำให้ชาวบ้านต่างไม่กล้าผ่านมาบริเวณนั้นอีกเลย..!!
จากข่าวคราวล่ำลือมากขึ้น ทำให้ทีมกู้ภัยที่พบเห็นพร้อมกับชาวบ้านจำนวนนึง ได้ทำพิธีไหว้ศาลฤาษีที่นับถือ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณป้อม รวมไปถึงไหว้จุดที่พบผีเด็กเดินวนเวียนอยู่ด้วย
นายไผ่ หัวหน้าทีมงานกู้ภัย เปิดเผยว่า ในการไหว้ขอขมา ไม่ใช่พวกเราจะกลัวผีอะไรทั้งสิ้น แต่เพราะทำงานเกี่ยวกับการเก็บศพและช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัยต่างๆ ที่ผ่านมานั้นเห็นมาทุกสภาพศพแล้ว จึงไม่กลัวภูติผีวิญญาณ และที่ตั้งของกู้ภัย อปพร.เชียงดาว ก็มีศาลหลวงปู่ฤาษีที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจพวกทีมงานกู้ภัยอยู่แล้วด้วย
แต่ยอมรับว่าเรื่องผีเด็กที่เดินตามหาศีรษะตัวเองนั้น ชาวบ้านต่างพากันหวาดผวา โดยเฉพาะ 2 หนุ่มทีมกู้ภัยเชียงดาวที่เจอผีเด็กทั้ง 2 คน คือนายนิคม และนายจิตร
โดยทั้งคู่ได้ทำพิธีไหว้ขอขมาศพไปแล้ว แต่ขวัญกำลังใจดีและไม่ได้หวาดกลัวอะไร และจะหมั่นทำบุญไปให้ผีเด็กที่เคราะห์ร้ายด้วย
ส่วนเรื่องการส่งทีมไปติดตามหาศีรษะเด็กที่หายไปนั้น ก็คงจะดำเนินต่อไป ถ้าหากชาวบ้านพบเห็นก็ขอให้รีบแจ้งด้วย แต่ตนเชื่อว่าบางทีศีรษะน่าจะจมลงน้ำปิงไปแล้วก็ได้
อย่างไรก็ตามพอข่าวเรื่องการพบเห็นดวงวิญญาณของเด็กหัวขาดเริ่มหนาหูขึ้น ก็มีชาวบ้านบางส่วนที่อดเวทนาสงสารไม่ได้ จึงพากันตั้งศาลขึ้นข้างทางในบริเวณนั้น
จนต่อมาก็มีคนไปไหว้ รวมถึงไปขอเลขเด็ด และว่ากันว่าถูกหวยกันมาหลายต่อหลายรายแล้วด้วยซิ
แต่ดูเหมือนวิญญาณผีเด็กจะยิ่งเฮี้ยนมากขึ้นไปอีก เมื่อชาวบ้านที่ไปขอเลขดันไปสัญญาว่าถ้าถูกหวยแล้วจะช่วยหาหัวเด็กที่หายไปให้เจอ แต่ก็ไม่มีใครหามาได้สักที..!!
ส่วนด้านคดีความ ในเวลาต่อมาตำรวจได้ค้นพบหลักฐานบางอย่าง ที่ยืนยันได้ว่าเด็กหญิงไม่น่าจะตกน้ำเสียชีวิตเอง แต่น่าจะมีการฆาตกรรมแล้วโยนศพน้องลงในแม่น้ำมากกว่า
และนี่คือเรื่องราวชวนสยองขวัญที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ที่นับถึงวันนี้ก็ 10 ปี พอดี ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแต่ก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยค้นหาความจริงและจับคนผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว เพื่อว่าวิญญาณของน้องจะได้ไปสู่สุคติ
#ขอขอบคุณข้อมูลจาก”ไทยรัฐ”และรายการ “เรื่องจริงผ่านจอ”