ปอบยาย ใครจะไปคิดว่าอยู่ใต้ก็เจอปอบได้

ปอบยาย
ปอบยาย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงปิดเทอมใหญ่ช่วงเราจะขึ้น ม.1 ตอนนั้นเราอายุ 12 ปี น้องสาวจะขึ้น ป.1 ห่างจากเรา 6 ปี เรากับโตกับก๋ง ยาย และน้องสาวคนล่ะพ่อ พอแม่เลิกกับพ่อของน้องสาวเลยไปทำงานต่างจังหวัด ช่วงปิดเทอมใหญ่เลยมารับไปอยู่ด้วย เป็นครั้งแรกที่เราไปอยู่กับแม่นานๆ เราจึงดีใจและตื่นเต้นเป็นพิเศษ

เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเรา  อย่างที่กริ่น คือแม่เราทำงานเป็นกุ๊กที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งที่เขาสก จ.สุราษฎร์ ก๋งมาส่งที่พังงาครึ่งทางแล้วแม่รับต่อ ก็ถึงก็ประมาณเย็นๆแล้ว 

รีสอร์ตนี่อยู่ลึกมาก ติดกับลำธารเลย บางช่วงก็ลึกบางช่วงก็ตื้น เรากับน้องเล่นน้ำกันหน้าท่าประจำ แล้วก็นอนที่บ้านพักพนักงาน อารมณ์กระท่อมไม้ยกพื้นมุงจากเลย มีห้องน้ำในตัว ขึ้นบนบ้านเปิดมาก็เจอที่นอนเลย ที่นอนทำเป็นเตียงยึดกับพื้นติดกับหน้าต่าง แม่นอนริมใน อิน้องที่กลัวผีขี้ขึ้นสมองนอนกลาง เรานอนริมติดหน้าต่าง 

ใช้ชีวิตไปได้ 2 อาทิตย์ก็ไม่มีอะไร แต่ก็เด็กอะ ได้ยินผู้ใหญ่เล่าว่ามีแขกเจอผีที่บ้านต้นไม้ เค้าตื่นมา Check out ตั้งแต่ตี 5 กิน Breakfast ไปร้องไห้ไป ผู้หญิงฝรั่งแฟนตกเครื่องเลยต้องนอนคนเดียว 

ไอ้เรื่องบ้านต้นไม้นี่ก็รับรู้แหละ แต่คิดว่าไกลตัว เพราะเราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งที่พักแขกอยู่แล้ว ถ้าไปก็แค่มีแบบช่วยทำความสะอาดห้องในกลางวันบ้าง แล้วก็ไปกับผู้ใหญ่ตลอด ด้วยความที่เวลาเราสนิทมากๆ เราก็จะช่างพูดมาก พวกป้าๆเลยเอ็นดูเรา ขนาดป้าคนที่ไม่ถูกกับแม่เรายังรักเรา แต่น้องเราดื้อตามประสาเด็กที่โดนพ่อแม่ตามใจมาตลอดเค้าเลยไม่ได้อะไร 

เริ่มเรื่องวันนั้นเลย คือมีน้าคนนึงเราไม่แน่ใจว่าอยู่แผนกไหนนะ อยู่ๆมาชวนไปที่บ้าน ไปเล่นกับหลานเค้าเป็นเด็กผู้ชาย 2 คนพี่น้อง เอาเกมส์ play มาเล่น ไอ้น้องเราก็ตาโตสิ ร้องจะไปๆ เราเลยต้องตามไปด้วย บวกกับแม่จะไปเที่ยวงานในเมืองกว่าจะกลับก็ดึก เลยไม่อยากทิ้งเรากับน้องอยู่บ้านกันสองคน จริงๆนางก็จะไปเที่ยวกับกิ๊กนั้นแหละ  

ตอนนั้นแผนคือแค่จะไปนั่งเล่นรอแม่กลับบ้านแล้วก็กลับ แต่ตอนไปก็ช่วง 6 โมงเย็นแล้วเพราะรอน้าคนนั้นเลิกกะด้วย ให้ชื่อว่าน้าติ๊กแล้วกัน น้าติ๊กพาซ้อนมอไซค์ไปกันสามคนเข้าดงปาร์ม แกเล่าให้ฟังว่าแกเป็นคนอิสาน ลงมาอยู่ใต้คนเดียวเลย แล้วก็แต่งงานมีลูกกับคนที่นี่ สร้างบ้านในสวนปาร์มใกล้ๆกับรีสอร์ตนี่แหละ 

ตอนแรกก็นึกว่าหลานแต่ก็ไม่ได้คิดไร พอไปถึงเจอแฟนน้าติ๊ก กับเด็กผู้ชายสองคน น่าจะเด็กกว่าเราทั้งสองคน 

ในป่าเวลา 6 โมงกว่านี่ก็มืดแล้ว ไปถึงเค้าจัดสำรับกินข้าวกันพอดี เลยชวนเรากับน้องกินข้าว เราก็ยังไม่กินอะไรพอดีเลยขึ้นไปบนเพิง มันเรียกว่าเพิงได้จริงๆนะ แบบสร้างลวกๆ แล้วก็ติดไฟส้มดวงเดียว

พอปีนขึ้นไปก็เจอยายคนนึง ให้ตายเถอะ นึกภาพยายคนนี้ไม่ออกให้นึกถึงยายหยิบ ทรงเดียวกันเลยแม่เจ้า น้าติ๊กแกก็แนะนำว่าเนี่ยแม่แก แกพึ่งรับมาจากอิสาน พึ่งมาถึงเอง 

พอพูดถึงยายหยิบในหนังจะต้องหน้าบึ้งๆใช่ป่ะ แต่ยายคนนี้ยิ้มตลอด มองเราแล้วยิ้มตลอด แล้วแกพูดเบามากๆ บางคำเรานี่แทบไม่ได้ยิน คงเพราะพูดอิสานด้วยมั้ง แกกินข้าวไป มองเราไป ยิ้มไป แล้วกับข้าวนี่นะ ลาบเลือด เลือดสดๆ หมูที่ดูเหมือนแค่ตกลงไปในหม้อแล้วรีบตักขึ้นอ่ะ มีกับข้าวหลายอย่างนะ แต่เราเห็นยายจกแต่จานนั้นอ่ะ คือเราก็เลือกกินอะ ชิ้นไหนมันสีเหมือนจะสุกหน่อยก็ตัก ไอ้ไฟก็ส้มเกิ้น เจอดิบที่แทบอ้วกพุ่ง ความพีคยังไม่จบแค่นั้น 

ระหว่างนั่งเขี้ยจานอยู่นั้นยายแกพูขึ้นมาว่า 

“ที่คอน่ะ ใส่อะไรหรอ ขอยายดูหน่อยได้มั้ย” 

“พระค่ะ หลวงพ่อแช่มค่ะ” เราตอบ

“ไหน ยายดูหน่อย ” 

“หนูใส่มานานแล้ว ยายบอกว่าไม่ให้ถอดกลัวหาย” 

คือแกขอให้เราถอดพระไปให้แกดู 2 รอบ เราก็แถตรงๆ เพราะเราโคตรรู้สึกไม่ปลอดภัยมากๆ ส่วนอีน้องนี่แดรกได้ทุกอย่าง สนุกกับการกินมากๆ  จะส่งซิกบอกมันกลับบ้านมันก็เด็กไม่รู้เรื่อง ดื้อด้วย รีบกินข้าวให้เสร็จ เพื่อจะรีบไปเล่นเกมส์ไง 

สักพักน้าๆเค้าอิ่ม แล้วก็ลงไปเปิดเกมส์รอ เหลือเรากับน้องแล้วก็ยาย ยายก็ยังมองเราตาเยิ้มๆเหมือนเดิม แต่คือเซนต์อ่ะ มันรู้สึกขนลุกหายใจไม่ทั่วท้องยังไงไม่รู้ 

ทามกลางความเงียบ อยู่ๆ ยายก็ถามขึ้นมาว่า “ชื่ออะไรนะลูก” เราบอก “จุ๊บแจงค่ะ” ยายบอกว่า “ชื่อน่ารัก ตัวก็อวบ น่ากินจัง” แล้วก็ยิ้มหวาน 

เราสาบานเลยว่าหูเราไม่ฝาดแน่นวน รีบสะกิดน้อง ไปๆ อยากเล่นเกมส์แล้วๆ แต่จริงๆแล้วคือจะหนียายนั่นแหละ

พอเล่นเกมส์ใครแพ้ก็ผลัดกัน เล่นอยู่ข้างทีวีจะมีเสาแขวนนาฬิกา ไอ้เราก็จองแต่นาฬิกา แม่จะกลับยังวะ มือถือจะโทรถามก้อไม่มี เล่นตั้งแต่ทุ่มกว่าจนเที่ยงคืน เราจึงตัดสินใจบอกน้าให้โทรถามแม่ให้หน่อยกว่ากลับบ้านรึยัง น้าติ๊กก็โทรนะ ครั้งแรกบอกแม่ไม่รับสาย โอเคนั่งดูน้องๆเล่นเกมส์ต่อ อี3 4 ชั่วโมงนี่เราเล่นแค่3ตาได้ คือคนมันอยากกินบ้านอ่ะ นั่งดูแต่นาฬิกา แต่แปลกคือยายไม่ได้มานั่งในบ้านเลยนะ หรือเรามัวดูแต่นาฬิกาแล้วไม่เห็นแกก็ไม่รู้นะ

ผ่านไปสักชั่วโมงจะตี 1 ล่ะ เราขอให้น้าติ๊ก โทรอีกที รอบนี้โทรติด แม่บอกกำลังกลับ แล้วๆๆๆ อยู่ๆ ยายก็เดินไปหาน้าติ๊ก บอกให้น้าติ๊กบอกแม่ว่าดึกแล้วไม่ต้องให้เด็กมันกลับหรอก ให้นอนนี่แหละ 

แม่ก็เออๆนะ คือตอนนั้นไม่รู้จะเถียงยังไง เราหันไปมองหน้ายาย คือยายยิ้มแบบยิ้มเกริ่ม ยิ้มสยองมากๆ แล้วสักพักแกก็เริ่มเข้ามาเดินไปเดินมาในบ้าน แล้วบอกว่า “กางมุงๆ ไม่ไหวแล้ว เด็กๆมานอนกับยายนะ”  แล้วกางมุงอีกซีกนึงของบ้าน เข้ามุงแล้วปิดไฟ คือตอนนั้นคือแบบตายแน่ ล้นลานมาก

15 นาทีต่อมา เอาวะ เรียกน้องกลับบ้านดีกว่า ตามเคยน้องไม่ฟังจะนอนนี่ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาเล่นเกมส์ต่อ  หารู้ไม่ว่าพี่มึงเนี้ยจะโดนเล่นอยู่! เท่านั้นแหละ เราดึงดราม่าเลย ร้องไห้จ้าา ร้องโห้เลย คิดถึงแม่มมมมมมมมม่ แอ็คติ้งรัชดาลัยมาเลย น้องมันก็ตกใจไม่เคยเห็นเราร้องไห้ ดิ้นๆ จะหลับบ้าน 

น้าติ๊กก็มาปลอบ เอาเกมส์มายัดใส่มือ กล่อมสารพัด แต่เเราไม่เอาไม่เล่น (ใจอยากจะตะโกนว่า กูกลัวตายมากกว่ากลัวไม่ได้เล่นเกมส์) 

สักพักน้าติ๊กก็ยอมพาเราและน้องขึ้นมอไซกลับบ้าน น้องนั่งกลางตามเคย แล้วจังหวะที่ออกจากบ้านมาสัก 50 เมตร เราหันกลับไปมองเว้ย เห็นยายที่เข้ามุงนอนไปแล้วออกมายืนกวักมือเรียกให้กลับไป เราหันนมาบอกน้าติ๊ก “น้าติ๊กๆ ไวๆหน่อยหนูปวดฉี่” แต่ด้วยความที่ขับผ่าปาล์มมันเป็นทางลัดถนนที่ทำทางเองมันก็จะมืดมาก ไม่มีไฟเลย มีแต่ไฟหน้ารถมอไซค์เกียร์ตบที่พอขี่เร็วไฟมันก็จะสว่างใช่มั้ย แต่นี่ขี่ได้แค่ 30-40 เพราะทางมันไม่ดี เราสวดมนต์ในใจตลอดทางกำเสื้อน้าติ๊กเป็นก้อนเลย

พอถึงบ้านเห็นแม่ก็มาถึงพอดีและกำลังจะเข้าบ้าน เรานี่รีบวิ่งขึ้นบ้านไม่พูดไม่จาอะไรเลย อาบน้ำอะไรเสร็จก็มานอน แม่ก็ถามว่า “เป็นอะไร อยู่ๆมาคิดถึงแม่แทนที่จะไปเที่ยวเล่นให้สนุกเหมือนน้อง” เราก็บอกแม่ว่า “แม่ ยายน้ากลัว ยายบอกลูกน่ากิน มองลูกตลอดเลย” แม่ก็บอกว่า “คิดมาก ไม่ต้องเล่าๆ นอนๆ อยู่บ้านแล้ว หลับไปเลยนะ” พอน้องได้ยินก็ฟีลกลัวขึ้นมาจนต้องนอนเปิดไฟ( ไอ้เราก็คิดในใจอีนี่ กูเกือบโดนจกใส้เพราะนั่นแหละ!) 

นอนไปได้สักพักไม่แน่ใจว่าตีเท่าไหร่ อยู่ๆมีเสียงแหบๆ แผ่วๆมาเรียกที่หน้าต่าง จุ๊บแจงลูกก ลูกกก เรียกเบาๆ จุ๊บบบ แล้วเคาะเบาๆ ด้วยความที่หน้าต่างมันเป็นไม่ไผ่ด้วยแหละ มันเลยดังเบามั้ง 

เรานอนฟังเอาผ้าห่มคลุมหัว สักพักได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเบาไปมาหน้าบ้าน เสียงเหมือนคนกำลังย่องๆเดินอ่ะ สักพักก็ด้วยมาเสียงหมาหอน เสียงเดินเริ่มเดินเข้ามาใต้ถุนบ้าน เริ่มเคาะใต้ถุน ตรงที่เรานอน แล้วสักพักเสียงก็ย้ายขึ้นไปบนหลังคา เหยียบกิ่งไม้หักดังกีอบ แก็บ  เดินวนไปวนมา เรากลัวมาก นอนคลุมโปงตลอด จนหลับไปตอนไหนไม่รู้

ตื่นเช้ามาแม่ออกไปทำงานแล้ว เราเปิดประตูออกมาเห็นต้นลีลาวดีหน้าบ้านหัก ซึ่งมันต้นใหญ่มาก สูงพอกับหลังคาเลย ปลูกอยู่ซ้ายขวา ต้นที่อยู่ซ้ายมือหักซีกนึงเลย กิ่งที่หักก็สูงด้วย  ตอนนั้นปิดเทอมเมษา อย่าว่าพายุเลย ฝนอะไรก็ไม่มี ชั่งไม่มีเหตุผลเอาซะเลย หรือว่าจะเป็นเสียงกิ่งไม้หักเมื่อคืน.. 

ก่อนจะคิดอะไรความหิวมันนำมาก่อนเลยเพราะเมื่อวานตอนเย็นนี่แทบกินข้าวคลุกน้ำปลา เดินไปในครัวเห็นพวกผู้ใหญ่เค้านั่งจับกลุ่มกันคุย แล้วเห็นลุงคนสวนถือจอบกลับมา ก็ไม่ได้คิดอะไร จนไปช่วยป้าอีกคนทำห้องแล้วตอนเที่ยงก็มากินข้าว 

ปกติที่นี่จะมีหมาจรเยอะ เราเรียกไอ้ด้างๆ ให้มากินข้าวที่เรากินไม่หมด พอเรียกไอ้ด่าง มันก็ด่างทุกตัวอ่ะนะ แต่ตัวที่จะให้มันดันไม่มา เราก็เลยถามป้าว่า เห็นไอ้ด่างมั้ย ป้าก็บอก เอ้าา!! ไม่รู้หรอ ไอ้ด้างมันตายแล้ว ลุง..พึ่งเอาไปฝังที่ป่าช้าเก่าเมื่อเช้าเอง เราก็ถามว่ามันเป็นไรตาย แกก็ว่าถูกหมีกินมั้ง เมื่อคืนได้ยินมันเห่าเสียงดัง สงสัยไปเห่าหมีที่ลงมาจากอุทยาน ที่จะมาขโมยลูกสละกินมั้ง สงสารมัน เละหมดเลย … โอเค จานแทบคว่ำ ลาล่ะ

ด้วยความที่อยู่กับก๋งยายตั้งแต่เด็ก ไม่เคยไปไหนนานๆ ก๋งก็จะชอบโทรมาหาวันล่ะครั้งสองวันครั้ง ก๋งจะโทรมาเองทุกครั้ง แล้วบอกว่ายายสั่งให้โทรมา ยายคิดถึง แมวคิดถึง กลับบ้านได้แล้ว อยู่ๆวันนั้นกำลังจะขอยืมโทรศัพท์แม่โทรหายาย ก๋งก็โทรมาพอดี… 

เราบอกก๋งว่าอยากกลับบ้านแล้วแต่ไม่กล้าบอกแม่ (เพราะเล่าเรื่องเมื่อคืนแล้วเหมือนแม่จะไม่เชื่อหรือไม่อยากฟัง) เลยเล่าเรื่องให้ก๋งฟัง เท่านั้นแหละ ได้ยินเสียงยายพูดดังขึ้นมาเลย “กูว่าแล้ว!” ยายบอก เอามานี่กูคุยเอง ยายบอกให้เราไปเก็บผ้าเลย เอาโทรศัพท์ไปให้แม่กูจะคุยด้วย วันต่อมาก็ต้องระเห็ดกลับบ้านปิดฉาก ปิดเทอมใหญ่หัวใจ(และตับไต) หว้าวุ่น.. 

กลับมาถึงบ้านยายจับมานั่งถามว่ามีใครทำไรรึเปล่า มีใครให้ถอดพระมั้ย เราก็ตกใจเพราะตรงนี้ไม่ได้เล่าให้ยายฟัง  แค่บอกว่ากลัวยายคนนึง เค้าน่ากลัว ยายบอกเออกูฝันไม่ดี เลยให้ก๋งโทรหา แกก็ว่านั้นแหละ เค้าเรียกว่าปอบ แม่ก็โดนด่าเป็นชุดๆ บอกทีหลังไม่ต้องพาหลานกูไปไหนแล้วนะไปแค่แปปเดียวมีเรื่อง บลาๆ…

ขอบคุณที่มา ฟันทิปดอทคอม

Previous articleเพื่อน ลืม ตาย
Next articleยุติการเผยแพร่