เรื่องของพระอาจารย์บุญโฮม เมื่อสามปีก่อนนั้นท่านได้ธุดงค์กับชาวคณะไปที่ช่องเม็กและข้ามไปยังฝั่งประเทศลาว ท่านได้เดินไปตามถนนหนทางไกลพอสมควร ด้วยความที่ประเทศลาวนั้นยังเป็นประเทศที่ปิดธรรมชาติ,ประเพณีวัฒนธรรมยังมีอยู่ดังเดิม ทำให้ผู้คนที่นี่ยังคงศรัทธาต่อพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่น แต่ทางทุกทางมันย่อมมีสองทางเสมอ
หลังจากเดินธุดงค์มาไม่นาน ท่านมองเห็นว่ามีทางเล็กๆเข้าไปข้างในคงเป็นหมู่บ้านคนเป็นแน่ งั้นปักกลดแถวนี้เผื่อมีญาติโยมมาเห็นจะได้ทำบุญกัน…
ฟ้าเริ่มมืดลง ท่านเดินจงกรมรอบบริเวณนั้น มีเสียงบางอย่างดังเข้ามาใกล้ คณะพระสงฆ์สามสี่รูปที่เดินจงกรมอยู่หยุดและหันมองดู.. ภาพที่เห็นคือชายชราปั่นจักรยานเก่าๆ เขาจอดรถไว้แล้วประครองหญิงชราที่อายุมากกว่าตรงมาที่ท่าน
“ครูบา.. ข่อยมีเรื่องให้ท่านส่อยได้บ่?”
“อืม.. เป็นหยังมาล่ะพ่อใหญ่?”
“ลูกชายของยายจำปา (ชี้ไปที่หญิงชราที่อยู่ข้างกัน) ถูกยาสั่งครับครูบา ตอนนี้สิบ่แมนคนละ”
“คื่อว่าแบบนั่น บ่แมนคนแล้วคืออีหยัง?”
ยายจำปาทรุดลงนั่งพับเพียบ พนมมือไหว้ท่านเอาแต่ร้องไห้อย่างเวทนา พระอาจารย์ท่านบอกคืนนี้ดึกแล้ว พรุ่งนี้เช้าจะพากันไปบิณฑบาตรที่หมู่บ้าน แล้วจะไปดูให้ หมู่บ้านอยู่ที่ไหนกัน? ทั้งสองชี้ไปในทางเล็กๆที่ พระอาจารย์ท่านเห็นก็ยิ้มแล้วบอกตกลงตามนั้น ชายหญิงคู่นั้นจึงได้กลับไป
รุ่งเช้าแสงตะวันเริ่มโผล่ขึ้นมา คณะพระธุดงค์เดินเข้ามาในหมู่บ้าน ผู้คนต่างมองด้วยความแปลกใจ พระอาจารย์บุญโฮมท่านคิดว่าที่นี่คงไม่มีพระสงฆ์เข้ามาเลยหรืออย่างไร ดูจากอาการของทุกคนก็พอรู้ แต่ชาวบ้านก็รีบเข้าไปในบ้าน เอาข้าวเหนียวมาใส่บาตร ปลาปิ้งห่อใส่ใบตอง หมากส้มมอและบักแงว ใส่ตามอัตภาพที่มี ท่านยิ้มแล้วอวยพรให้ญาติโยมที่มาสาธุการ
พอเสร็จแล้วก็เดินออกมา ถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งเจอยายจำปากับชายชรา คนเมื่อวานนี้ยกมือไหว้ พระอาจารย์ท่านสาดส่องสายตามองเข้าไปในบ้าน เห็นเพียงเชือกกระสอบเส้นใหญ่ผูกติดกับเสาไว้ จึงหันมาถามว่าผูกหรือล่ามอะไรไว้ล่ะโยม? แต่ไม่มีคำตอบใดๆ
พระอาจารย์ท่านเลยเดินเข้าไปดู เห็นร่างอันเปลือยเปล่าของชายหนุ่มนั่งยอง ตามร่างกายมีแต่รอยจ้ำ ผมเผ้ารุงรัง ตาลึกโบ๋ลงไปคล้ายไม่ได้นอนมาหลายวัน อ้าปากมีน้ำลายไหลตลอดเวลา ตากรอกไปมาดังคนหวาดระแวง พระอาจารย์บอกมองดีๆ มันก็ไม่ใช่คนจริงๆ นี่มันอมนุษย์หรืออสูรกายก็ไม่แน่..
ยายจำปีบอกนี่คือลูกชายคนเดียวของแก ชื่อว่า…”ทันดอน”..มันไปเที่ยวเล่นต่างหมู่บ้านมา ไม่รู้ไปทำอะไรมากลับมาเลยเป็นแบบนี้เดือนกว่าแล้ว..
พระอาจารย์ท่านก็ถามว่าไปทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า? ทั้งสองคนบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน ถามเพื่อนลูกชายที่ไปด้วยกัน ชื่อว่า…”สิเหร่อ”..ก็หายไปจากหมู่บ้านนานแล้ว
พระอาจารย์มองเข้าไปในแววตาชายหนุ่ม มีภาพของสัมภเวสีตัวเขียวเขี้ยวงอกอยู่ในนั้น ไม่ทันได้ถามภาพขึ้นมาในหัวว่า มีผู้หญิงชุดชาวบ้านนุ่งผ้าซิ่นวิ่งหนีอะไรบางอย่างมา พระอาจารย์ถอนหายใจแล้วหันมาบอกยายว่า ลูกของโยมไปทำสิ่งใดไม่ดีมาแน่ แล้วคนทางนั้นน่าจะทำของใส่
พอพูดว่าทำของใส่ ชายชราก็บอกจำได้แล้วว่าตอนกลับมาจากหมู่บ้านนั้น ทันดอนได้แกงมาถุงนึงบอกเอามาแกล้มเหล้าป่า มีลุงสัปเหร่อวัดป่าให้มา…
พระอาจารย์เลยเดินออกมาแคร่หน้าบ้านนั่งสมาธิลง เห็นว่าทันดอนไปทำร้ายหญิงสาวคนหนึ่งจนถึงแก่ความตาย แต่ภาพไม่ชัดต้องทำให้เขาสารภาพออกมาเอง.. จึงบอกลุงให้เอาขันใส่น้ำแล้วให้เอาผ้านุ่งยายจำปามาใส่ไว้ บริกรรมคาถาเป่าลงไปแผ่วเบา เสร็จแล้วหันมาบอกยายว่าเอาไปอาบให้ทันดอนตอนนี้
ด้วยความเป็นห่วงลูกชาย ยายเดินถือขันเข้าไปหมายจะรดหัวทันดอน เหมือนผีร้ายในตัวมันรู้พยายามจะเอามือมากระชากขันน้ำมนต์ แต่จิตสำนึกสุดท้ายของทันดอนที่ยังเหลืออยู่ เขาพยายามยื้อแขนไว้ กรงเล็บจิกพื้นจนเลือดออก อ้าปากเห็นเขี้ยวที่งอก น้ำตาก็ไหลน่าเวทนายิ่งนัก
พอน้ำมนต์รดถูกหัว เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่ว ทันดอนคุกเข่ากับพื้น อาเจียนออกมามีแต่เส้นผมหงอกๆหงิกงอ ก้อนเท่าฝ่ามือ อีกทั้งเศษเล็บเศษเนื้อเหี่ยวๆ คละคลุ้งด้วยกลิ่นเหม็นสะอิดสะเอียน ระยะเวลากว่าสิบนาที แล้วทันดอนก็สลบไป
พอตื่นขึ้นมา ได้สติเรื่องจึงมาเฉลยว่า เขาไปเที่ยวต่างหมู่บ้านกับสิเหร่อสองคน ไปกินเหล้ากับเพื่อนที่นั่น แล้วเหมือนกับว่าเพื่อนที่นั่นให้เขากับสิเหร่อไปเอาเหล้าต้มที่แอบไว้ท้ายวัดป่า เป็นจังหวะเดียวกับที่มีสาวน้อยคนหนึ่ง เดินมาเก็บผักในป่า มีกระถิน,ผักกระโดน
ด้วยความกลัดมัน สาวน้อยคนงามไม่รู้เลยว่า ผีร้ายหื่นกามเข้าสิงสู่ใจมัน แอบเข้าไปจะฉุดเธอ หญิงสาววิ่งหนีแต่ไม่อาจพ้นได้ ทันดอนจัดการบีบคอเธอจนแน่นิ่งไป
หลังจากนั้นเขาก็จัดการขืนใจเธอสลับกับสิเหร่ออีกคน คนละหลายครั้งจนสาแก่ใจ ทันดอนสงสัยทำไมเธอนิ่งไปขนาดนั้น จับชีพจรและลมหายใจดูจึงรู้ว่าเธอตายแล้ว!!!
ทั้งสองกลัวความผิด จึงจัดแจงใส่ชุดให้เธอเหมือนเดิม ก่อนที่ทันดอนจะเดินไปเอาเชือกอยู่ตรงที่ต้มเหล้า แล้วเอามาแขวนคอเธอทำให้ดูเหมือนว่าผูกคอตายเอง…
แล้วเขากับสิเหร่อก็หนีมากินเหล้ากับเพื่อน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มีญาติบอกว่ามีคนไปเจออีนาง
“พุดสอน”..หลานของสัปเหร่อวัดป่าบ้านเราผูกคอตายอยู่ แต่ลุงมันบอกว่ามีคนทำหลานแก คนร้ายมันเป็นใครใจบาปอำมหิตมากจริงๆ..
ทันดอนกับสิเหร่อมองหน้ากัน เลยทำเป็นว่าขอกลับบ้านก่อน จังหวะกำลังขี่มอเตอร์ไซค์จะพ้นหมู่บ้านนั้น ไปเจอกับชายชราคนหนึ่งสักยันต์เต็มแขนสองข้าง แกถามว่าจะไปไหนทำไมดูรีบร้อน ทั้งสองบอกจะกลับหมู่บ้านกัน แกเลยยื่นแกงให้ถุงนึง บอกหลานสาวข้าทำเอง อร่อยมากนะลองเอาไปชิมดูสิ?
พอถึงบ้านเขาก็จัดแจงกินแกงนั้น แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย..ยายจำปาเอามือปิดหน้าร้องไห้ เสียใจต่อการกระทำของลูกชายคนเดียว พระอาจารย์บอกนั่นคือยาสั่งตาย เขาเอามาใส่ไว้รอเวลาเขาจะสั่งให้ตายตอนไหนก็ได้
แต่กรรมที่ไปขืนใจและฆ่าเขานั้น ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องรับมัน.. ทันดอนก้มลงจะกราบเท้าผู้เป็นแม่ แต่ทว่ากลับดิ้นหงายหลังลงไป สิ่งที่ทุกคนเห็นคืองูเห่าตัวเท่าสองนิ้วสีดำสนิทเลื้อยออกมาจากปากและรูทวารของเขา
มันเลื้อยออกมาแต่ไม่ทำร้ายใคร ก่อนไปหยุดที่หน้าต่าง ชูคอมองร่างทันดอนที่แน่นิ่งไป มองหน้าแล้วแลบลิ้นให้กันราวกับบอกว่าเสร็จภารกิจนี้แล้ว ก่อนเลื้อยลงไปหน้าต่างหายไป
พอทุกคนมาดูปรากฏว่าทันดอนสิ้นลมหายใจเสียแล้ว ยายจำปากอดร่างไร้วิญญานของเขา เอามือลูบหน้าผากปิดตาที่ไม่หลับ จากนี้ไปใครจะดูแลแก…พระอาจารย์บุญโฮมบอก กรรมยุติธรรมเสมอ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว เมื่อถึงเวลาจะต้านทานได้อย่างไร..
การผิดศีลดื่มสุราก่อให้กำเนิดความกำหนัด ในกามราคะตัณหา ร้ายแรงจนถึงแก่ฆ่าตัดชีวิต ผู้อื่นนั้น กรรมมหาศาลดังตกนรกทั้งเป็น.. ไม่รู้ต้องข้ามอีก…*สีทันดร*.. ดวงจิตของลูกชายยายจำปาถึงจะหลุดพ้นบ่วงกรรมที่ได้ทำไว้….เรื่องมีเท่านี้ครับ…
เรื่องโดย หาญ ใจสิงห์