รองเท้านารี

รองเท้านารี
รองเท้านารี

เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตอนที่ผมเข้ามาทำงานแถวชานเมืองได้ไม่นาน หลังจากเรียนจบช่างกล ผมตัดสินใจขอพ่อแม่ลงมาทำงานที่กรุงเทพ แต่ก็มีคนแนะนำให้ไปหางานแถวนิคมอุตสาหกรรมชานเมืองดีกว่า เพราะมีความต้องการแรงงานแบบเขาเยอะ 

ผมตัดสินใจมาขออยู่กับเพื่อนสมัยเรียน จนมาได้งานเป็นช่างเทคนิคซ่อมบำรุงที่โรงงานแห่งหนึ่ง ทำได้ประมาณเดือนครึ่ง ปรากฏว่าเพื่อนมีแฟน แล้วแฟนเพื่อนจะขอเอามาอยู่ด้วย  ครั้นเขาจะอยู่ด้วยก็เกรงใจ พอมีเวลาเลยไปหาห้องเพื่อแยกออกมาอยู่คนเดียวและให้เพื่อนสบายใจด้วย

ผมเดินหาไปเรื่อยจนมาเจอหอนึงสูงสี่ชั้น ค่อนข้างเก่า แต่คิดในใจเอาวะลองดูที่สุดท้ายแล้ว ผมตัดสินใจเดินเข้าไปเห็นผู้หญิงวัยกลางคนกวาดพื้นอยู่ เลยถามว่า พี่ครับที่นี่มีห้องว่างไหม? แล้วเจ้าของอยู่ที่ไหนครับ?

หญิงสาวหันมองดูแล้วยิ้มให้ แล้วบอก “ฉันเองล่ะพ่อหนุ่มที่เป็นเจ้าของ สนใจห้องว่างหรือจ้ะ? เหลือแค่ชั้นสี่นะพี่คิดถูกๆแล้วกัน เดือนละ 1,100 ไม่ต้องมัดจำด้วยเอาไหม?

ผมก็คิดในใจ ฟลุ๊คว่ะ!! ถูกมากเลยปกติมันต้องมัดจำก่อนสองเดือน แต่ที่นี่ไม่ต้อง ผมจึงถามว่า “ในห้องมีอะไรบ้างครับ” พี่ผู้หญิงบอก “มีพัดลมเพดานจ้ะ”  ผมรีบตอบ “ตกลง…ผมเอาครับเดี๋ยวเย็นนี้ผมมาอยู่เลย”

ผมกลับไปขนกระเป๋าเสื้อผ้ากับกีตาร์ตัวโปรดมาถึงหอนั้นตอนทุ่มกว่า พี่เจ้าของรอให้กุญแจห้องบอกว่า ห้องน้องขึ้นบันไดไปแล้วเลี้ยวซ้าย ห้องสุดท้ายเลยนะ ผมรับกุญแจมาแล้วควักเงินจ่ายหนึ่งพันบาท 

ขณะเดินขึ้นไป ผมก็คิดในใจ หอนี้เงียบดีนะ ไม่มีคนพลุกพล่าน อย่างนี้นอนหลับสบายเลย

ผมเดินถึงชั้นสี่เลี้ยวซ้ายไป ก็สังเกตว่าทุกห้องคล้องแม่กุญแจไว้หมด คิดในใจเขาไปทำงานหรือไม่อยู่กันนะ แต่อย่างน้อยห้องติดบันไดก็มีรองเท้าคอมแบตวางหน้าห้องคู่หนึ่งอยู่

ผมไขกุญแจเข้าไปกลิ่นห้องก็ไม่อับเท่าไหร่ เปิดไฟวางกระเป๋าลงเปิดพัดลมเพดาน ไปอาบน้ำ ขณะที่สระผมได้ยินเสียงแว่วๆ คล้ายเสียงผู้หญิงร้องไห้ คิดในใจห้องข้างๆหรือเปล่า? พอออกมาจากห้องน้ำ  เสียงก็หายไป…สงสัยเหนื่อยจนหูแววไปละมั้ง ว่าจะเล่นกีตาร์ร้องเพลงสักหน่อยดันผลอยหลับไปเสียก่อน

ผมสะดุ้งตื่นมากลางดึก เพราะได้ยินเสียงคนเดินมาใกล้ห้องเขา “ต๊อก! ต๊อก! ต๊อก!” เสียงเหมือนรองเท้าส้นสูงผู้หญิงเลยว่ะ ก็คิดในใจใครมาเดินเวลานี้เขาไม่ด่าเอาเหรอ? เลยมองผ่านบานเกล็ดเห็นขาผู้หญิงเรียวยาว ส้นสูงสีทองเดินเข้าประตูห้องถัดไป

ผมกลับมานั่งคิด เห็นแค่ขากับรองเท้า น่าจะสวยมากๆ แต่พอล้มตัวจะนอน ก็คิดแปลกใจ เพราะเมื่อกี้ไม่ได้ยินเสียงปิดประตูเลย แต่อีกใจก็คิด ไม่มีอะไรหรอกมั้ง…นอนต่อดีกว่า

ตื่นมาตอนเช้าแต่งตัวออกมาทำงาน มองไปที่ห้องติดกันก็คล้องแม่กุญแจไว้อยู่ ก็คิดเรื่องเมื่อคืน “หรือว่าเราฝันไป”  ผมเดินมาจนถึงห้องแรกที่มีคอมแบต เห็นประตูเปิดไว้มีลุงเสื้อยืดคอกลมสีขาวยืนอยู่

“อ้าวไอ้หนุ่ม!  เอ็งเพิ่งมาอยู่ใหม่เหรอวะ?”

ผมยกมือไหว้บอก “ครับลุง ว่าแต่ชั้นนี้คนอยู่น้อยนะครับเนี่ย” (ใจก็อยากถามเรื่องผู้หญิงคนเมื่อคืน) ลุงบอก “ใช่ๆชั้นนี้คนน้อยน่าจะมีแต่หนุ่มนั่นล่ะ” ผมก็ยิ้มแล้วถามว่า “ลุงทำงานอะไรครับเนี่ย?” ลุงบอกเป็น “ยามว่ะหนุ่ม”

ลุงแกจะมานอนนี่ตอนควงกะ ปกติจะไปนอนบ้านลูกชายมากกว่า แล้วผมก็บอกลาลุงไปทำงานก่อน  ผมคิด “อย่างน้อยก็มีคุณลุงยามที่อยู่ด้วยกัน”

ผ่านไปสามวัน ทุกคืนผมจะได้ยินเสียงส้นสูงเดินกลางดึกทุกคืน แต่พอเปิดประตูออกมากลับพบว่าห้องนั้นถูกคล้องกุญแจเสมอ จนวันหนึ่งเป็นวันเสาร์สุดสัปดาห์ ผมนั่งเล่นกีตาร์จิบน้ำจับเลี้ยงเบาๆอยู่ในห้อง น่าจะราวเที่ยงคืนกว่า เล่นเพลงไม่อาจเปลี่ยนใจ “ฮือ อือ ฮือ อือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮู ฮู” กำลังจะร้องต่อว่าฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน ปรากฏว่ามีเสียงผู้หญิงร้องไห้สะอื้นอยู่ตรงระเบียงห้องติดกัน 

ผมตัดสินใจวางกีตาร์ลง เดินไปที่ระเบียง ชะโงกไปเห็นแค่ปลายผมยาวสีน้ำตาล จึงเอ่ยปากถามไปว่า 

“เอ่อ..สวัสดีครับ คือคุณเป็นอะไรหรือครับ?”

“สวัสดีค่ะ  ฉันแค่ถูกแฟนบอกเลิกวันนี้ แถมที่ทำงานก็เพิ่งปลดออก ไม่มีทางไป มืดหมดเลย”

“มีอะไรก็ระบายได้นะครับ ผมพร้อมจะรับฟังคุณ”

“ฉันไม่มีค่าพอขนาดนั้นหรอกค่ะ!”

แล้วผมก็เห็นว่าเธอเข้าห้องปิดประตูระเบียงไป ผมจึงเดินมากลางห้องแล้วเลยไปเปิดประตู มองไปเห็นรองเท้าส้นสูงสีทองวางอยู่คู่หนึ่ง ไม่มีแม่กุญแจคล้อง สงสัยเธอคงนอนหลับแล้ว 

แล้วผมก็ยังเจอกับเธอ แต่ที่สังเกตได้จะเจอแค่ตอนกลางคืนและอาทิตย์ละสองวันเท่านั้น

วันไหนที่เจอส้นสูงสีทองหน้าห้อง จะเป็นวันที่ผมได้สนทนากับเธอเสมอ จนได้รู้ว่าเธอชื่อ  “นุช” ทำงานเป็นสาวออฟฟิตแห่งหนึ่ง แต่ตอนนี้ทุกข์ใจมาก หางานก็ไม่ได้ คนรักก็ทิ้งไป ผมหวังแต่อยากเห็นหน้าเพราะตัวเองก็ไม่มีใคร อยากจะปลอบใจ ขออนุญาตห่วงใยได้ไหม?

จนวันหนึ่งเจอลุงยามห้องแรก แกยืนกินน้ำขิงอยู่หน้าประตู ลุงก็ถามทักทายว่า “ไงหนุ่มอยู่ได้นานนะเนี่ย

เก่งมากๆเลย” ผมก็งงแล้วถาม “ทำไมลุงว่างั้นล่ะครับ” ลุงแกหัวเราะแล้วถามว่า “เจอสาวชื่อนุชแล้วใช่ไหม” ผมก็พยักหน้าแล้วถาม “ลุงก็รู้จักเธอเหรอครับ” ลุงถาม “เอ็งเจอเธอแค่อาทิตย์ละสองวันใช่ไหม? ลองคิดดีๆ ทุกครั้งที่เจอมันคือวันอะไร?”

ผมก็คิดว่าลุงแกคงพูดไปเรื่อย แต่พออาบน้ำเสร็จก็มานั่งดูปฏิทิน ไล่ดูแล้วก็แปลกใจ คำที่ลุงยามบอก คือวันที่ผมจะเจอนุชได้ คือวันโกนกับวันพระเท่านั้น! และวันนี้ก็เป็นวันโกนพอดี

ผมเดินไปที่ระเบียง ได้ยินเสียงเธอร้องไห้ในห้องที่ปิดไฟมืดไว้ แล้วมีเสียงของหล่น เสียงคนดิ้กระเสือกกระสนทุรนทุรายคล้ายทรมานในห้อง ผมวิ่งไปเคาะประตูห้องของนุช ทุบจนเสียงดังแต่ที่น่าสงสัยคือไม่มีใครออกมาดูเลยแม้สักห้องนึง

ผมรีบเดินลงไปหาพี่เจ้าของแกก็ไม่อยู่ จึงกลับขึ้นมาเลี้ยวจะกลับห้อง สายตาเห็นขาผู้หญิงเรียวยาวเดินเข้าห้องนุชแล้วปิดประตูไป ผมคิดในใจอย่างน้อยเธอก็ไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ไม่เห็นหน้าเธออยู่ดี แต่จังหวะที่ผมเดินมาล้างหน้าที่ระเบียง ผมได้ยินเสียงนุชพูดว่า 

“ธาม.. พรุ่งนี้นุชฝากซื้อล็อตตารี่ให้ใบนึงหน่อยสิ  นุชฝันเห็นพี่สาวมาหา  พี่นุชเสียไปหลายปีแล้วเพราะอุบัติเหตุ”

“อืม.. ได้สิเลขอะไรหรือครับนุช”

“เอาเลขท้ายสองตัว25นะ เพราะมันเป็นอายุที่พี่สาวนุชเสีย” แล้วเธอก็เดินเข้าห้องไป 

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พรุ่งนีผมจะไปซื้อล็อตตารี่มาให้เธอ ยังไงก็คงได้เจอหน้ากันแน่ ปรากฏว่าคืนนั้นกลางดึก ในภวังค์ที่เคลิ้มครึ่งหลับครึ่งตื่น เหมือนผมมองเห็นว่ามีคนเดินอยู่ในห้อง เป็นส้นสูงสีทองชุดออฟฟิตสีขาว ใกล้เข้ามาแล้วมานั่งข้างตัวผม เธอก้มหน้ามาใกล้ผมเรี่ยแก้มผม แล้วพูดแผ่วเบาว่า

“อย่าอยากเห็นนุชเลยนะธาม ขอบใจทุกอย่างที่ทำให้นะ ทั้งคำปลอบโยนห่วงใย ขอบคุณมากจริงๆ” เหมือนเธอกุมมือผมแล้วเอามาแนบกับหน้าเธอ 

ผมลืมตาตื่นลุกขึ้นมานั่งกอดเข่า น้ำตารื้นขึ้นมา ทำไมเขารู้สึกเศร้าใจมากเลย เดินไปเปิดประตูเห็นรองเท้าเธอวางอยู่ “อย่างน้อยผมก็หวังดีกับคุณเสมอนะนุช”

เช้าวันถัดมา เจอพี่ผู้หญิงเจ้าของ แกก็ถาม “พี่ไปบ้านญาติเกือบเดือนเรายังอยู่ได้เหรอ?” ธามก็แปลกใจ

แต่ก็ถามว่า “พี่รู้จักผู้หญิงที่ชื่อนุชไหม? ที่อยู่ชั้นเดียวกับผมน่ะ” แกก็ยิ้มแล้วบอก “อ่อน้องนุชเหรอ รู้จักสิแต่ว่า….

“แต่ว่าอะไรครับพี่” ผมถามกลับไป  แกตอบกลับมาทำผมใจหล่นไปทั้งใจ….

“นุชเสียไปหลายเดือนแล้ว  เธอกินยาตายอยู่ในห้อง หลังจากที่แฟนบอกเลิกถูกปลดจากงาน คืนนั้นเธอก็คิดสั้นเลย น่าสงสารเธอมาก”

ผมไม่ได้มีความรู้สึกกลัว ตรงกันข้ามกลับสงสารเธอมากกว่า แต่มีชายหนุ่มเดินมาหาพี่เจ้าของบ้านสามสี่คน ถามว่าขอกุญแจห้องหน่อยครับพี่ พวกผมจะมาขนของพ่อผมกลับครับ แกก็ยื่นกุญแจให้เขา แล้วก็ชี้ที่ผมบอกว่าไปพร้อมกับน้องคนนี้เลย ผมก็งงแล้วถาม “ทำไมครับพี่?”

“อ๋อ..น้องพวกนี้เป็นลูกของลุงยาม ที่อยู่ชั้นเดียวกับน้องไง แกนอนไหลตายในห้องตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว

คราวนี้ผมขนลุกของจริง หวนคิดถึงคำที่เจอกันครั้งแรก ที่แกบอกว่าอย่างน้อยเขาเป็นคนเดียวที่อยู่ชั้นนี้ก็ไม่ได้โกหกผม

คืนนี้วันพระ ผมเอาล็อตตารี่ที่เธอฝากซื้อ มาสอดไปในห้องเธอ มองดูส้นสูงเธอเอามือไปจับน้ำตาคลอ หลับฝันว่าเธอมาหา นุชยิ้มหวานและบอกว่าเธอขอให้ผม ไปอยู่ที่อื่นเถอะผมจะได้งานที่ดี และมีคนรักที่ดี

ผมทำตามคำแนะนำของเธอ หลังจากนั้นไม่กี่วันผมก็ได้ห้องใหม่ เจอผู้หญิงคนหนึ่งเป็นพยาบาล คบกันจนได้เป็นแฟนและแต่งงานกันในที่สุด

ทุกวันนี้ผมยังคงหวังว่าบุญที่เขาได้ทำจะถึงนุชบ้าง อยากให้เธอหมดห่วงและพ้นทุกข์ได้ในสักวัน..

เรื่องโดย หาญ ใจสิงห์ 

Previous articleย้อนรอยอาถรรพ์โรงงานตุ๊กตา
Next articleยุติการเผยแพร่