Home กระทู้ผีพันทิป บ้านเช่า…วังทอง-สากเหล็ก

บ้านเช่า…วังทอง-สากเหล็ก

บ้านเช่า…วังทอง-สากเหล็ก
บ้านเช่าวังทอง-สากเหล็ก

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณ  9-10 ปีที่แล้ว  เป็นเรื่องราวของบ้านเช่าหลังหนึ่ง  ตอนนั้นแม่กับญาติของแฟนแม่ทะเลาะกันเราเลยได้มาเช่าบ้านหลังนี้อยู่  ลักษณะบ้านเป็นบ้านไม้ใต้ถุนยกสูง เสา 16 ต้น  มีเพิงต่อออกจากบ้านทำเป็นห้องครัวและที่ล้างจาน  บนบ้านมีห้อง 1 ห้อง  กลางบ้าน สามารถปูที่นอน 6 ฟุตได้ 2 ที่ มีตู้เสื้อผ้า  โต๊ะเขียนหนังสือ ห้องน้ำในตัว  ถ้าคุณเป็นเจ้าของบ้าน คุณจะคิดค่าเช่าเท่าไหร่คะ  ให้ทายเล่นๆค่ะ ว่าครอบครัวเราเช่าบ้านหลังนี้ในราคากี่บาท 

เราเช่าบ้านหลังนี้ในราคา 400 บาทต่อเดือน  ค่าน้ำ 60 บาท  ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าถ้าใช้ไฟไม่เกินกี่หน่วยนี่แหละ เราจะไม่เสียค่าไฟ เรียกได้ว่ามีเงินเหลือเก็บกันเลยทีเดียวค่ะ  วันแรกที่เราเห็นบ้าน เรารู้สึกอึดอัด ไม่อยากอยู่ที่นี่ แต่ก็เข้าใจว่ายังไงก็ต้องอยู่  

แม่บอกว่าเป็นบ้านของคนรู้จักเลยราคาถูก  แต่ในความรู้สึกเราคือมันถูกไปอ่ะ  คืนแรกที่นอนที่นี่ แม่ให้เราเอาธูปไปจุดเพื่อบอกเจ้าที่เจ้าทางให้ปกปักรักษา  แต่ธูปปักไม่ลง  กดจนก้านหัก  เราเลยเอาดินน้ำมันมาปักแทน  

พอเดินขึ้นบันได  มันมีเสียงคนพูด…. เรากำลังจะขานแต่ก็เอ๊ะตัวเองไว้ ถ้าเป็นแม่เรียกถ้าเราไม่ขานเดี๋ยวเค้าก็เรียกซ้ำเองแหละ และปรากฎว่าแม่ไม่ได้เรียก…  

ตอนนั้นมี เรา แม่ น้องชาย และแฟนแม่ อยู่กัน 4คน  คืนแรกนั้นไม่มีใครหลับตาลงเลย เพราะทุกครั้งที่กำลังเคลิ้มๆ มันจะมีเสียง ปังงงงง!!!!!  ดังมากๆ จนสะดุ้งตัวโยนกันทุกที  เสียงมันเหมือนมีคนโยนก้อนหินก้อนใหญ่ๆขึ้นไปบนหลังคา  มันเป็นแบบนี้ทุกคืน  

ด้วยความที่แฟนแม่เป็นคนปากไม่ดี (เรากับแฟนแม่ไม่ถูกกันเลย  เกลียดมาก) มันพูดขึ้นว่า “เสียง เชี้ยอะไรนักหนาว่ะ”  เท่านั้นแหละ ทุกอย่างเงียบสงัดลง  แม้กระทั่งเสียงจักจั่น หรือแมลงต่างๆนาๆ ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาสักแอะเดียว  

คืนนั้นเป็นคืนแรกที่คนทั้งบ้านได้หลับกัน  แต่หลังจากวันนั้น  คนในบ้านก็ทะเลาะกันเป็นว่าเล่น เรากับน้องทะเลาะกันทุกเรื่อง  แม่กับแฟนก็เหมือนกัน ทุกคนเริ่มป่วย  เริ่มจากแม่เป็นฝีที่กลางหลัง  เริ่มจาก 1เม็ด ลามไปเม็ดที่ 2 3 4 และสุดท้ายก็เต็มหลังไปหมด (ทุกวันนี้ยังมีรอยแผลเป็น เป็นตุ่มๆ อาจจะไม่เยอะเท่าตอนเป็นใหม่ๆ) พาไปหาหมอ ก็ไม่หาย คนนู้นคนนี้ให้สมุนไพรมาทาก็ไม่หาย จนมีคนแนะนำไปให้ตาคนนึงเป่าให้… 

แกชื่อตาบัว ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เราเห็นว่าเรื่องพวกนี้มันมีจริงๆนะ เพราะพอตาบัวเป่าให้ หลังจากนั้น 2 ชม. ฝีที่เป็นเม็ดเต่งๆ มีแต่หนองก็เริ่มแห้งลง  มีแค่ตุ่มที่เป็นเหมือนแผลเป็นคีรอยด์  

คนต่อมาคือเรา เดินเตะโต๊ะ พอกลับบ้านรอยช้ำก็กลายเป็นตุ่มฝี เราเป็นฝีที่ขาเดินไม่ได้เลย หยุดเรียนไปเกือบเดือน ไปหาหมอ หมอเอากรรไกรตัดเนื้อเพื่อให้หนองไหลออกทุกอาทิตย์ แต่ของเราไม่มีหนอง มีแต่เลือดสีดำๆไหลมาเต็มไปหมด  

น้องชายก็ไม่สบาย กลางคืนลุกมาร้องไห้ตัวร้อนเป็นไฟทุกคืน (น้องอยู่ ป.4)  ส่วนแฟนแม่หนักสุด เข้า โรงพยาบาลหมอสรุปไม่ได้ว่าเป็นอะไร  

แม่เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟัง เค้าแนะนำให้เราไปหายายคนนึง ชื่อยายช่วย  แกเป็นประมาณหมอผี แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นมาปราบผีอะไรแบบนี้นะ 

ครอบครัวเรากับยายช่วยรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว มีช่วงนึงตอนที่เรายังอยู่บ้านแฟนแม่ เราไม่สบายเป็นเดือนๆ ตัวร้อนเพ้อตลอดเวลา ยายช่วยบอกว่าเราไปทับทางปอบ  พอแม่ไปหา ยายช่วยก็บอกให้แม่ตั้งศาล  พอถึงวันพระก็ให้เอาของขึ้นศาล มีข้าวกับข้าว ขนม หมากพลูบุหรี่ พวงมาลัย  

ไอ้ที่ว่าตั้งศาลก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่ความพีคคือเค้าบอกว่าเวลากินข้าว ให้เราเคาะชามข้าว แล้วพูดว่า ผีบ้านผีเรือน ปู่ย่าตายาย มากินข้าวกับลูกกับหลานเร๊วววว  แล้วให้ตักข้าวไว้ 1 จาน  เว้นที่ไว้ประหนึ่ง  ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่เราก็ทำตาม ทุกอย่างก็เหมือนจะดีขึ้นนะ เริ่มมีโชคมีลาภ  เราบอกหวย 3 ตัวตรงๆ แต่ไม่ค่อยมีใครซื้อตาม  เราก็ทำแบบนั้นอยู่นานนับปี จนวันนึง แม่กับแฟนเค้าทะเลาะกันอีกแล้ว

แฟนแม่พูดว่า เดี๋ยวกูจะไม่เลี้ยงแล้วศาลเชี้ยนี่  เย็นวันนั้นแฟนแม่เข้าโรงพยาบาลเลยค่ะ อยู่โรงพยาบาลได้ประมาณอาทิตย์นึงก็ตาย  ตอนนั้นเราดีใจมาก คิดในใจว่าไม่ว่าอะไรก็ตาม ที่ทำให้มันตาย ขอบคุณมาก 

คืนงานศพแม่ก็ไป แต่เรากับน้องอยู่บ้าน  อยู่ๆตุ๊กแกมาจากไหนก็ไม่รู้เยอะมากกกกก ตัวใหญ่ๆ ลายเต็มตัว เราร้องไห้เพราะความกลัว  แต่น้องชายเรากลับพูดว่า “ไปไกลๆ หลานกลัว”  ตอนนั้นเราไม่ได้มองว่าเป็นน้องเราเลย เรารู้สึกเหมือนมันเป็นใครก็ไม่รู้ แต่ตุ๊กแกพวกนั้นก็หายไปจริงๆ  ไปอยู่ตามซอกตามหลืบไม่ได้ออกมาเพ่นพ่านให้เห็นอีก 

พอแม่กลับมาจากงานศพ ชีวิตก็ดำเนินต่อไปอย่างปกติ ปีกว่าๆ แม่ก็มีแฟนใหม่อีก เราต่อต้านมาก เกลียดอย่างถึงที่สุด แต่ก็ไม่สำเร็จ จนเค้าผูกข้อไม้ข้อมือกัน แล้วบอกให้แม่ไปอยู่บ้านเค้า  ด้วยความที่ทิฐิเยอะ  เราก็ไม่ไป อีกอย่างรู้สึกว่าตัวเองโตแล้ว  เลยยืนกรานกับแม่ว่าจะอยู่ที่บ้านเช่านี่คนเดียว  

อ่อ ลืมอธิบายบริเวณบ้าน  คือบ้านหลังนี้จะอยู่ติดถนนใหญ่เลย แต่อยู่ต่ำกว่าถนนมาก ถ้ายืนบนถนน  จะมองทะลุหน้าต่าง เห็นทุกอย่างในบบ้านได้หมดเลย ใต้ถุนบ้านเราผูกเปลไว้สองเปล  มองไปขวามือจะมีบ้านที่เหมือนไม่มีคนอยู่  ซ้ายมือจะเป็นเตยกกใหญ่ ถัดจากกกเตยไปเป็นเหมือนบันไดเอาไว้ปีนขึ้นไปบ้านร้านค้า  

พอเราเริ่มอยู่คนเดียว เราจะได้ยินเสียง ผู้ชายแก่ๆ เรียกชื่อบ่อยๆ  แต่ก็เหมือนเค้ามาช่วยอ่ะ แบบกำลังจะไปโรงเรียนสาย หรือเวลาลืมล็อกประตู  

วันดีคืนดีก็เหมือนมีคนมานอนเปล คานลั่นเอี๊ยดอ๊าด  เพื่อนที่ทำงานแม่ไปฟ้องแม่ว่า เห็นเราเอาเพื่อนมาบ้านเต็มไปหมดเลย  แม่ก็นั่งมอไซค์วินมาดู ปรากฏไม่มีใคร 

พี่ที่รู้จักบอกว่าเค้าโดนของ หมอที่แก้ของให้เค้าบอกให้เอากระทงเครื่องเซ่นมาวางไว้ในพงหญ้าตรงทางเข้าบ้านเรา พี่เค้าบอกว่าพอวางปุ้บ มือยังยกไม่พ้นยอดหญ้าเลย พุ่มหญ้านี่สั่นเหมือนมีอะไรมาแย่งกันกินของเซ่น  

เรื่องมันหนาหูขึ้น จนแม่มาเกลี้ยกล่อมให้ไปอยู่ด้วย  เราเลยยื่นข้อแลกเปลี่ยนไปว่า ถ้าแม่ซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ถึงจะยอมไป แม่ก็ยอมซื้อให้ 

ก่อนวันที่จะออกจากบ้าน เราก็เลยไปหาข้อมูลว่าบ้านหลังนี้มันอะไรยังไง  ข้อมูลที่ได้คือ  บ้านหลังนี้เป็นของตายายที่ขายของอยู่ในตลาด แกหวงที่ไม่ยอมขาย ตาตายอยู่บ้าน  ส่วนยายลูกหลานมารับไปอยู่ด้วยแล้ว ใต้ถุนบ้านเป็นทางผีผ่าน  ถนนหน้าบ้านเป็นทางสามแพร่ง และที่ดินเป็นรูปสามเหลี่ยมชายธง  ถึงว่า ที่ติดถนน ถ้าเอามาทำร้านขายของน่าจะขายได้ดี เพราะถนนเส้นนั้นแทบไม่มีร้านค้าเลย ถ้าไม่ใช่ในหมู่บ้าน  บ้านที่ว่าเหมือนไม่มีใครอยู่ เป็นบ้านของคนเล่นของ เสียงปึงปังที่เคยได้ยินน่าจะเป็นเพราะเค้าลองของกัน  

ก่อนหน้าที่เราจะมาเช่า เคยมีคนมาเช่าหลายคนแล้ว แต่อยู่กันได้ไม่เกินสามวัน อย่างเก่งก็อาทิตย์นึง  แต่เราอยู่ที่นั่นตั้งแต่ ม.3 จน ม.5 ข้อมูลที่ได้มา จากยายเจ้าของบ้านบ้าง จากร้านค้าบ้าง เค้าว่าที่ยอมเล่าให้ฟัง เพราะเห็นเราอยู่ได้นาน  

พอเราออกจากบ้านหลังนั้นได้สองวัน เราฝันว่าขี่มอไซค์คันใหม่มาเก็บของที่บ้านเช่า ในฝันน้องลงไปเอาของนานมาก เราเลยตะโกนบอกน้องว่า ถ้ายังไม่มากูกลับบ้านแล้วนะ แล้วก็หันรถไปที่ถนน  พอสตาร์ทรถ ไฟหน้ารถก็สาดไปกระทบกับร่างนางรำคนนึงใส่ชุดสีแดงเลือด หน้าขาว ปากก็แดงมาก แขนข้างนึกกำลังตั้งวง อีกข้างยกขึ้นชี้หน้าเรา แล้วตะโกนว่า “กลับมาเลี้ยงกูเดี๋ยวนี้!!!!” 

ปัจจุบัน  ยายเจ้าของบ้านได้เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนบ้านหลังนั้นหลังจากเราออกมาก็ไม่มีใครไปเช่าอีกเลย โดนทิ้งร้างอย่างน่าเสียดาย  เคยขับรถผ่านไป ครั้งแรก ศาลล้มแล้ว  ไม่รู้ว่าล้มเองหรือยัง ไง  ผ่านไปอีกครั้งหญ้าสูงท่วมหลังคาจนไม่เห็นตัวบ้านแล้ว ถ้าสมัยนั้นเทคโนโลยีเหมือนสมัยนี้คงมีทั้งภาพทั้งเสียงมาฝากกัน เสียดายมากๆค่ะ รูปบ้านหลังนั้นที่ถ่ายได้ตอนนี้คือแทบไม่เห็นตัวบ้านแล้ว เห็นแต่ต้นหญ้า

ปล.บ้านหลังนี้อยู่ติดถนน วังทอง-สากเหล็ก อยู่ระหว่าง ทางจากตลาดวังทองมุ่งหน้าไปยังกกไม้แดง ดินทอง จ.พิษณุโลก แถบนั้นเค้าจะเรียกกันว่าคลองตาคง  ….นี่คือเรื่องที่เราประสบพบเจอกับตัวเองทุกประการ จบ…. 

ขอบคุณที่มาสมาชิกพันทิปหมายเลข 6404384 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here