โรงแรมนี้ไม่ต้องจอง

โรงแรมนี้ไม่ต้องจอง
โรงแรมนี้ไม่ต้องจอง

” โรงแรมนี้ไม่ต้องจอง “…เพราะมีคนอยู่จริงๆ แค่ไม่กี่ห้อง !?…แถวสะพานควาย !!

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพ เมื่อ 9 ปีที่แล้ว เพื่อนของคุณเบ็ญที่อยู่ต่างจังหวัดโทรมาบอกว่าจะมาสอบเข้าราชการ จึงต้องการให้คุณเบ็ญหาห้องพักให้ แต่มีข้อแม้ว่าขอห้องที่ราคาเบาๆ เพราะเพิ่งจบใหม่ๆยังไม่ค่อยมีเงินเท่าไหร่ 

คุณเบ็ญก็ตระเวณหาไปเรื่อยๆ จนมาถึงโรงแรมแห่งนี้ที่ถูกที่สุด ราคาห้องต่อคืนแค่ 300 บาทเท่านั้น คุณเบ็ญเดินเข้าไปบอกพนักงานว่า “จะมาจองห้องครับ” พนักงานก็บอกว่า “ไม่ต้องจองหรอกครับ มีคนอยู่แค่ไม่กี่ห้อง” คุณเบ็ญก็เลยบอกว่า “งั้นเดี๋ยวตอนเย็นๆจะมาอีกทีนะ”

พอเพื่อนคุณเบ็ญมาถึงกรุงเทพ คุณเบ็ญก็ขับรถไปรับเพื่อนที่ขนส่งมายังโรงแรมแห่งนี้ พนักงานก็ถามว่า “ต้องการห้องชั้นไหน” ด้วยความที่คุณเบ็ญเห็นว่าทำเลโรงแรมแห่งนี้อยู่ตรง 3 แยก (ขับจากถนนตรงมาถ้าไม่เลี้ยวคือเข้าโรงแรมเลย) คุณเบ็ญก็เลยบอกว่า “เอาชั้น 4 ละกัน เพราะกลัวจะได้ยินเสียงรถ” พอเลือกชั้นได้แล้ว พนักงานก็ยื่นกุญแจมาให้ โดยที่ไม่ได้พาขึ้นไปส่ง บอกแค่ว่า “ลูกค้าหาห้องเจออยู่แล้ว” 

สองสาวก็ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 4 เดินหาห้องตามป้ายเลขที่ตรงกับเลขบนกุญแจ จนเจอห้อง ลักษณะของห้อง ประตูเป็นประตู 2 บาน มีบานใหญ่ 1 บาน บานเล็ก 1 บานอยู่ติดกัน พอเข้าไปในห้อง มีแอร์ มีเครื่องทำน้ำอุ่นครบ แต่หน้าต่างเปิดไม่ได้ เพื่อนก็บอกว่า “ได้อยู่ แต่สภาพมันน่ากลัวอยู่นะ เธอนอนเป็นเพื่อนชั้นได้มั๊ย นะๆ คืนเดียวเอง” คุณเบ็ญก็ตอบไปว่า “ก็ได้” หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็เก็บข้าวของ และติวข้อสอบกันเล็กน้อย

พอ 2 ทุ่ม ทั้งคู่ก็เริ่มหิว เลยชวนกันไปหาอะไรกิน พอเดินออกมาจากห้อง ทุกคู่รู้สึกได้ป่าวทางเดินมันเงียบแปลกๆ เงียบมาก เหมือนว่าทั้งชั้นนี้ไม่มีคนอยู่เลย คุณเบ็ญเดินไปกดลิฟท์ ยืนรอกันครู่นึงจนลิฟท์ขึ้นมา ทั้งคู่ก็เดินเข้าลิฟท์ พอลิฟท์ปิดเท่านั้นแหละ คุณเบ็ญก็รู้สึกเย็นๆวาปไปทั้งตัว จึงพูดลอยๆว่า “ที่นี่ดีเนาะ มีแอร์ในลิฟท์ด้วย”

เพื่อนก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆแล้วก็สะกิดคุณเบ็ญ คุณเบ็ญก็ถามว่าเป็นอะไร เพื่อนก็บอกว่า “ดูดิๆ” พร้อมกับชี้ไปที่ประตูลิฟท์ คุณเบ็ญมองไปที่ประตูลิฟท์ซึ่งทำจากอลูมิเนียม เห็นเงาสะท้อนเป็นเงาดำ ๆ เข้ม ๆ ยืนอยู่ข้างหลัง

แล้วจู่ ๆ เพื่อนก็ร้องกรี๊ดลงไปนอนอยู่กับพื้น คุณเบ็ญก็ไม่กล้าหันกลับไปดูข้างหลัง แต่เพียงหางตาก็พอมองเห็นว่าเงาๆนั้นมันเริ่มเข้มขึ้นๆ จนเห็นเป็นร่างผู้หญิงใส่ชุดเหมือนชุดโรงพยาบาล

ผู้หญิงคนนั้นก็พูดว่า ” ช่วยด้วยๆ ดูสิเลือดเต็มเลย ช่วยด้วยๆ ” คุณเบ็ญก็ตอบไปว่า “ชั้นไม่ใช่หมอ ชั้นช่วยอะไรไม่ได้” ตอบไปด้วยอาการตกใจ ไม่ทันได้คิดอะไร

ณ ตอนนั้นทั้งคู่รู้สึกว่าเวลาที่ลิฟท์เคลื่อนตัวลงจากชั้น 4 ลงมาชั้น 1 เหมือนมันนานมาก ผู้หญิงคนนั้นยังคงร้องขอให้ช่วยอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ในลิฟท์ คุณเบ็ญกับเพื่อนกอดกันตัวกลมจนกระทั่งประตูลิฟท์เปิดออก ทั้งคู่จึงรีบวิ่งไปหาพนักงานของโรงแรมทันที พนักงานก็ถามว่าเป็นอะไร คุณเบ็ญไม่ได้ตอบอะไรพนักงาน ได้แต่ยืนอึ้งตกใจกับสิ่งที่เจอเมื่อครู่ 

พอทั้งคู่ตั้งสติได้ก็พากันออกไปกินข้าวนั่งสงบสติอารมณ์กัน สักพักนึงก็นั่งคุยกันว่า “เราเจออะไรกันแน่วะ!!”  เพื่อนก็บอกว่า “สงสัยเราเจอผีว่ะ” คุณเบ็ญก็บอกว่า “เราย้ายกันมั๊ย” แต่เพื่อนบอกว่า “ชั้นไม่มีเงินแล้วหวะ เงินชั้นมีจำกัดมาก” เลยคุยกันว่า “งั้นลองไปคุยกับพนักงานโรงแรม ว่าจะยังไงได้บ้าง”

พอเดินกลับมาที่โรงแรม คราวนี้พนักงานกลับยิ้มให้ คุณเบ็ญจึงเอ๋ยปากบอกว่า เราเจอผีนะ แบบนี้ๆๆ พนักงานก็บอกว่า “เจอกันปล่อยครับ คงจะผีจริงๆนั่นแหละ แล้วตั้งแต่มาเนี่ยไหว้ศาลหรือยัง ถ้าไม่ไหว้ศาล ก็โดนกันทุกคนนั่นแหละครับ”

ทั้งคู่ก็งง พักโรงแรมต้องไว้เจ้าที่ด้วยหรอ อีกอย่างตอนที่ขับรถเข้ามาก็เห็นว่าจะมีศาลเลย คุณเบ็ญก็เลยถามไปว่า “แล้วศาลอยู่ตรงไหนล่ะ เราจะได้ไหว้ เพราะคืนนี้เราจะต้องอยู่กันทั้งคืน” พนักงานก็บอกว่า “เอางี้แล้วกัน ไปเซเว่น ไปซื้อธูปมา เอากำใหญ่ๆเลยนะ”

คุณเบ็ญกับเพื่อนก็ไปซื้อตามที่พนักงานบอก พอกลับมาคุณเบ็ญก็ถามว่า “แล้วศาลอยู่ตรงไหนอ่ะ ไม่เห็น!!”

พนักงานก็บอกว่า “ป่ะ เดี๋ยวพาไป ทางขึ้นไปศาลจะอยู่ชั้น 3 ซึ่งเป็นทางเชื่อมที่ไปยังด้านหน้าของโรงแรม แล้วก็ต้องขึ้นไปบนดาดฟ้าต่อ” 

ระหว่างทางที่พนักงานเปิดให้เข้าไปตรงนี้จะเป็นส่วนที่ทางโรงแรมไม่ได้เปิดไม่ให้บริการ ด้วยความสงสัยคุณเบ็ญก็ใช้ไฟฉายส่องๆดูว่า ทำไมเขาถึงปิด

เมื่อคุณเบ็ญมองๆดูรอบ ๆ ก็เห็นว่าทางขวามือ เป็นประตูห้องแต่ละห้อง มีเตียงคนไข้ มีที่นอนพับสีเขียวๆ มีเสาน้ำเกลือ เก้าอี้วิลแชร์สำหรับผู้ป่วย

คุณเบ็ญถามพนักงานว่า “เมื่อก่อนที่นี่มันเป็นอะไรกันแน่” พนักงานก็บอกว่า “เมื่อก่อนที่นี่เป็นโรงพยาบาล แล้วเขาก็มารีโนเวท เป็นโรงแรม” 

พอเดินมาถึงตรงประตูดาดฟ้า พนักงานก็ไขกุญแจแล้วเปิดประตูให้คุณเบ็ญเดินออกไป คุณเบ็ญก็บอกว่า “น้องขึ้นไปด้วยกันสิ”

แต่พนักงานกลับบอกว่า “ไม่อ่ะ ถ้าพี่จะขออะไรก็ขอไปเหอะ ขอได้อยู่แล้ว แต่ถ้าได้เลขอะไรมาบอกผมด้วยนะ” คุณเบ็ญก็ถามพนักงานไปว่า “แล้วน้องไม่ขึ้นไปขอด้วยกันหรอ” พนักงานก็บอกว่า  “ไม่ดีกว่า ผมเจอมาเยอะแล้ว”

คุณเบ็ญถามพนักงานต่อว่า “แล้วต้องจุดธูปเท่าไหร่” พนักงานก็บอก “หมดกำนั่นแหละ แล้วจะขออะไรก็ขอไปเลย”

ณ ตอนนั้น บรรยากาศบนดาดฟ้ามันเย็นมาก แถมยังมืดอีกด้วย มืดแบบมืดสนิทจนมองอะไรแทบจะไม่เห็น คุณเบ็ญนำเพื่อนเดินออกไปนิดเดียว ก็เจอศาลตั้งตง่าอยู่ตรงหน้าเลย ทั้งคู่ก็เลยจุดธูปไหว้ขอขมา พอเสร็จก็กลับลงมาเข้าห้องตัวเอง นั่งทำใจกันอยู่พักใหญ่ สรุปคืนนั้นทั้งคืนก็ไม่เกิดอะไรขึ้นอีกเลย

หลังจากนั้น 1 เดือน เพื่อนคุณเบ็ญก็โทรมาบอกว่า อยากชวนไปโรงแรมนี้อีก คุณเบ็ญก็ถามว่า จะไปทำไมน่ากลัวจะตาย เพื่อนบอกว่า “ชั้นสอบราชการติดว่ะ วันนั้นชั้นขอให้สอบผ่าน” คือมีคนสมัครสอบ 15,000 คน แต่รับแค่ไม่กี่คน ซึ่งเพื่อนคุณเบ็ญนั้นสอบได้ 

ทั้งคู่จึงย้อนกลับไปที่โรงแรมแห่งนั้นอีกครั้ง คราวนี้ไปตอนกลางวัน พอไปถึงก็เจอพนักงานคนเดิม เพื่อนคุณเบ็ญจึงบอกพนักงานว่า “จำพี่ได้ไหม พอดีพี่สอบติดราชการ ว่าจะมาแก้บนซะหน่อย” พนักงานก็บอกว่า “โห พี่ ได้ยังเงี๊ยะ มันต้องมีค่าน้ำร้อนน้ำชาละ” เพื่อนคุณเบ็ญจึงให้น้องพนักงานไป 100 นึง

แล้วพนักงานก็เดินนำขึ้นไป แต่คราวนี้ทั้งคู่ถึงกับตะลึง อึ้ง ตาค้าง ไปเลย เมื่อได้เห็นชัดๆเลยว่าทางเชื่อมที่เดินผ่านในคืนนั้น ในแต่ละห้องมันยังมีเครื่องมือแพทย์อยู่ครบทุกอย่างเลย และเมื่อเปิดประตูชั้นออกไปบนดาดฟ้าของโรงแรม ปรากฏว่าบนดาดฟ้านั้นไม่ได้มีแค่ศาลเดียว แต่…มันมีศาลทั้งหมด 11 ศาลตั้งอยู่บนดาดฟ้า….. !!

เอาละครับ เรื่องจบลงที่ตรงนี้ โรงแรมนี้ผมว่าหลายคนน่าจะนึกออกแล้วล่ะ ว่าโรงแรมอะไร ที่นี่เคยมีคดีโด่งดังมารอบนึงแล้ว คดีสาวโดนแทงดับคาห้อง เลขที่ห้องชั้น 4 ก็โรงแรมนี้แหละครับ ไม่รู้ว่าเรื่องข้างบนที่เจอจะเป็นเธอ คนนี้หรือเปล่านะครับ…

แล้วจำได้มั้ยครับ ดร.ท่านนึงที่ยิงตัวตาย ก็ที่ลานจอดรถของโรงแรมนี้แหละครับ….ประวัติเพียบ ยิ่งถ้าเป็นชั้น 3 น่ะ เค้าบอกเจอประจำ หนักกว่าชั้น 4 อีก !!…..สุดท้ายใช้ วิจารณญานด้วยนะครับ

Previous articleบ้านอาถรรพ์
Next articleยุติการเผยแพร่