ถ้าเป็นห่วงก็อย่าพึ่งกลับ

ถ้าเป็นห่วงก็อย่าพึ่งกลับ
ถ้าเป็นห่วงก็อย่าพึ่งกลับ

เรื่องนี้ย้อนกลับไปสมัยที่พรีมกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.ปลายโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนหญิงล้วนที่มีประวัติเก่าแก่ยาวนาน ตั้งอยู่ จ.หนึ่งในภาคกลาง ซึ่งมีชื่อเสียงยาวนานพอสมควร 

วันแรกที่เข้าเรียนนั้นเป็นเช้าวันจันทร์ซึ่งเป็นวันเปิดภาคเรียนพอดี ก่อนจะมาที่นี่คุณพ่อได้บอกพรีมไว้ว่าจะให้พรีมอยู่ที่นี่เลย จะมารับกลับแค่ตอนปิดเทอมเท่านั้น

ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์พรีมจะไม่ได้กลับบ้านเหมือนคนอื่นๆ เด็กที่อยู่ประจำแบบพรีมก็มีเยอะเหมือนกัน

ข้อดีของที่นี่คือจะให้เด็ก ม.ปลายออกไปข้างนอกได้ แต่จะต้องทำเป็นหนังสือรับรอง และกลับเข้ามาไม่เกิน 3 ทุ่ม

ทุกอย่างดูปกติดีจนเวลาผ่านไป 2 ปี เป็นช่วงที่พรีมต้องขึ้น ม.6 และใกล้ช่วงสอบเทอมสุดท้ายที่จะต้องเอ็นทรานซ์ ช่วงก่อนนอน เด็ก ม.6 จะต้องมานั่งติวหนังสือที่ใต้หอกัน 

แต่เนื่องจากช่วงนั้นมีกิจกรรมเยอะมาก พรีมก็พึ่งจะเสร็จจากกิจกรรมมา เหนื่อยล้าพอสมควร ค่ำวันนั้นพรีมและเพื่อนอีกคนเลยไม่อยากออกไปติวหนังสือ จึงแอบอยู่ในหอนอน 

ลักษณะภายในหอพักจะเป็นหอรวม 50 เตียง มีพัดลมเพดานต่อกันเรียงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตามลักษณะห้อง เวลาขณะนั้นไฟในหอจะปิดหมด เพราะ นร จะลงไปติวหลังสือข้างล่างกัน จะมีแค่ไฟจากทางเดินส่องผ่านบานเกล็ดเข้ามาเท่านั้น ในหอจะมีตู้ประจำเตียงของแต่ละคน

ทั้งคู่ก็ไปแอบอาจารย์เวรที่คอยเดินตรวจตราอยู่ตรงมุมระหว่างตู้ติดผนังที่ตั้งขนาบกับทางเดิน เวลาอาจารย์ส่องไฟฉายมาก็จะไม่สามารถมองเห็นได้ 

พอทั้งสองคนมานั่งหลบพิงอยู่กับตู้ พรีมก็เอาที่อัดเสียงบรรยายของอาจารย์วิชาภาษาอังกฤษออกมานั่งฟังกับเพื่อนโดยการใส่หูฟังคนละข้าง

แต่ว่าอยู่ๆเพื่อนของพรีมก็สะดุ้งขึ้น อาการเหมือนคนตกใจกลัว พรีมกระซิบถามว่า “เป็นอะไร” เพื่อนบอกว่า “มีใครมาเป่าหูชั้นก็ไม่รู้ จู่ๆก็มีลมมาเป่าใส่หูชัดเจนมาก” พรีมก็ตอบไปว่า “แกคิดไปเองแล้วละ” แล้วเรื่องนี้ก็ผ่านไป เพราะเป็นจังหวะที่เพื่อนทยอยกลับเข้ามาพอดี พรีมก็เลยลุกไปที่เตียงนอน เพื่อนๆก็ถามพรีมว่า ไม่เห็นพรีมลงไปติวหนังสือเลย ไม่สบายรึเปล่า พรีมเลยแอบบอกว่า “พรีมโดดติว”

พอวันต่อมาเพื่อนอีก 3 คนก็ไม่ลงไปติวหนังสือ คือโดดติวตามพรีมด้วย ทีนี้ทุกคนก็ไปแอบที่ซอกตู้มุมในสุดของหอพัก เพราะว่าอยู่กันตั้ง 5 คน แค่ตามตู้ข้างๆไม่พอ โซนในสุดที่ไปแอบกันนั้นจะเป็นตู้ขนาดใหญ่เอาไว้เก็บผ้าปูและเบาะที่นอน ตั้งไว้ในสุดของหอเลย

ทุกคนก็ไปแอบอาจารย์เวรเหมือนเดิม หลังจากอาจารย์เดินผ่านไป ทุกคนก็ออกมารจากซอกตู้แล้วมานั่งล้อมวงคุยกัน พรีมนั่งหันหน้าไปด้านในของหอ แต่เพื่อนที่หันหน้าไปทางประตู อยู่ๆก็เห็นนักเรียนคนหนึ่งเดินเข้ามา  

เพื่อนก็เลยบอกว่า “เห้ย เค้าเลิกติวหนังสือกันแล้ว ไปนอนกันเถอะ”  แต่ในช่วงที่กำลังจะลุกขึ้นไฟในห้องก็ยังมืดอยู่ไม่ยอมเปิด โดยปกติแล้วถ้าใครเข้ามาคนแรกจะต้องเปิดสวิทช์ไฟที่หน้าประตูอยู่แล้ว ทุกคนเลยหันมามองหน้ากัน

พรีมก็หันมาบอกเพื่อนว่า “หรือว่ายัยนั่นแอบโดดขึ้นมาเหมือนพวกเรารึเปล่า” ทุกคนก็เลยไม่สนใจว่านักเรียนคนนั้นเป็นใคร แล้วในช่วงที่กำลังจะนั่งลงก็มีนักเรียนอีกคนเดินเข้ามาอีก แต่ก็ยังไม่เปิดไฟ ทุกคนก็ได้แต่อาศัยแสงจากข้างนอกที่ส่องเข้ามาเพ่งมองกัน 

ลักษณะเป็นนักเรียนหญิงกำลังเดินเข้ามา เธอคนนั้นอยู่ในชุดนอนกางเกงขายาวเสื้อแขนยาว ส่วนนักเรียนที่เดินเข้ามาคนแรกนั้นล้มตัวนอนอยู่บนเตียง

นักเรียนที่เดินเข้ามาคนที่ 2 เดินไปที่เตียงเหมือนพยายามดึงหรือปลุกนักเรียนที่มาคนแรกแล้วอยู่ๆ นักเรียนทั้งคู่ก็พากันกระโดดเล่นบนเตียง ลักษณะอาการทั้งหัวเราะทั้งสนุก ทุกคนก็แปลกใจว่าไม่กลัวครูเวรมาดุหรอ เพราะทั้งคู่กระโดดเล่นกัน ทั้งเสียงเตียงเหล็กและเสียงหัวเราะมันดังก้องมาก 

พรีมก็กลัวว่าเดี่ยวเรื่องจะแดงมาถึงพวกตัวเองด้วย ทุกคนเลยตัดสินใจเดินไปเตือนทั้ง 2 คนนั้น

(ยังจำได้ใช่ไหมว่าโซนที่พรีมกับเพื่อนนั่งอยู่คือสุดหอนอน แต่โซนที่ นร ที่กำลังกระโดดเล่นกันอยู่ช่วงหน้าๆ)

แต่ขณะที่ทุกคนกำลังเดินเข้าไปใกล้นั้นเสียงหัวเราะและเสียงกระโดก้ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ จนเพื่อนในกลุ่มคนนึงพูดขึ้นมาว่า  “เสียงดังขนาดนี้โดนแน่ๆเลยพวกแก” 

ทุกคนจึงรีบเดินเพื่อเข้าไปห้าม แต่ขณะที่ทุกคนเดินไปถึงช่วงกลางๆของหอ เพื่อนที่อยู่ด้านหลังคนนึงก็พูดขึ้นมาอีกว่า “พวกแกมองที่ผนังหอสิ!!!” เสียงที่เพื่อนพูดนั้นสั่นมาก

ทุกคนก็หันไปมองตามกัน ภาพที่เห็นคือ เงาของทั้ง 2 คนที่ถูกไฟสะท้อนผ่านทางบานเกล็ดเข้ามาข้างในลักษณะเป็นแค่ลำตัวแต่ส่วนศรีษะของทั้งคู่นั้นหายไป เท่านั้นทุกคนก็กรี๊ดขึ้นมาดังลั่น จนพวกอาจารย์ต้องรีบวิ่งขึ้นมาดูด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัย

หลายคนถึงกับปัสสาวะราด พูดจาไม่รู้เรื่อง ก็เลยถูกอาจารย์เรียกขึ้นมาคุยในตอนเช้าของอีกวันนึงแทน และทุกคนก็โดนทำโทษด้วยการล้างห้องอาบน้ำรวม และงดออกจากโรงเรียนทุกกรณีในช่วงเสาร์-อาทิตย์ และเรื่องที่ทุกคนเจอยิ่งพยายามอธิบายก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องไร้สาระไปเลย….

จนเวลาล่วงเลยผ่านไป เหลืออีก 1 สัปดาห์จะปิดเทอม ม.ปลายแล้ว นักเรียนในหอของเด็ก ม.6 เริ่มบางตากว่าที่เคย จนมาถึงวันสุดท้ายที่ทุกคนจะนอนอยู่ที่หอ กลุ่มของพรีมก็เตรียวตัวเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า จัดของกันจนถึง 5 ทุ่ม ซึ่งเลยเวลานอนมามากแล้ว แต่อาจารย์เวรก็ไม่ว่าอะไรเพราะเห็นว่าเป็นวันสุดท้าย ทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอนเวลาประมาณ ตี 1 กว่าๆ

ตั้งแต่มาเรียนที่นี่พรีมไม่เคยตื่นขึ้นมากลางดึกแบบนี้เลย แต่คืนนั้นเป็นอะไรไม่รู้ตื่นขึ้นมา ตอนที่ตื่นชำเลืองไปเห็น นักเรียน 2 คนนั่งกอดคอกันอยู่บนขอบหน้าต่าง หันหน้าออกไปนอกตึก แล้วก็กระโดดลงไป

พรีมตกใจมาก รีบลุกจากเตียงไปปลุกเพื่อนข้างๆ เพราะตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเพื่อนในหอที่กระโดดลงไป

เพื่อนก็ค่อยๆงัวเงียตื่นมา พรีมเลยรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่างก่อนคนอื่น พอไปถึงรีบหมุนตัวล็อกและชะโงกหน้าลงไปดูข้างล่าง แต่ไม่พบอะไรเลย เพื่อนที่ยังงัวเงียอยู่ก็เดินตามมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ขณะที่พูดยังไม่จบดีก็มีเสียงเล็กๆใสๆเย็นๆ และเอื่ยมากของเด็กผู้หญิงดังแทรกขึ้นมาจากนอกหน้าต่างว่า

“เป็นห่วงเราหรอ เป็นห่วงเราใช่มั้ย ถ้าเป็นห่วงก็อย่าพึ่งกลับบ้านกันสิ”

พรีมกับเพื่อนมองหน้ากันก่อนจะวิ่งไปนอนคลุมโปงสั่นกันจนถึงเช้า แล้วก็มานั่งคิดทีหลังว่าหออยู่ชั้น 3 ไม่น่าจะเป็นเสียงแบบนี้ ถ้าเกิดคนตะโกนขึ้นมาเสียงก็น่าจะใหญ่และก็ก้องมากกว่านี้ และตอนที่ไปถึงหน้าต่าง มุ้งลวดก็ยังปิดอยู่ ถูกล็อกจากด้านใน นักเรียนทั้ง 2 คนนั้นจะทะลุมุ้งลวดลงไปได้อย่างไร

ทุกวันนี้พรีมก็ยังหาคำตอบจากเรื่องเหล่านี้ไม่ได้แม้ว่าจะพยายามถามอาจารย์คนใดก็ไม่มีคำตอบ …เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้…

Previous articleยุติการเผยแพร่
Next articleผีรถเมล์ ประสบการณ์หลอน