ผี….ไทดำ

ผีไทดำ
ผีไทดำ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี​ 2559 ตอนที่ผมไปเป็นครูสอนศิลปะที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งห่างจากบ้านผมประมาณ 11 กม.​ เป็นหมู่บ้านที่มีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกขานกันมาว่า​ หมู่บ้านไทดำ​ โดยน้าเป็นครูที่บรรจุและสอนอยู่​ โรงเรียนแห่งนี้มาก่อนผมแล้วประมาณ 20 ปี​ 

ก่อนจะเปิดเทอม​ 1​ สัปดาห์​ น้าให้ไปช่วยทำงานที่โรงเรียน เป็นงานวาดภาพเพ้นท์สี​ ผมจึงมาที่โรงเรียนกับหลานชาย​ วันแรกไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องมันมาเกิดขึ้นวันที่ 2 ​ครับ

หลานชายอยากเข้าห้องน้ำ ผมเลยให้หลานเดินไปเข้าห้องน้ำเองคนเดียว​ ห้องน้ำเป็นห้องน้ำเก่าๆที่ปรับปรุงแล้ว​ สักพักอยู่ ๆ หลานก็วิ่งตกใจออกมาจากห้องน้ำ แล้วบอกว่าระหว่างที่เข้าห้องน้ำอยู่ได้ยินเสียงคล้ายๆคนเดินอยู่หน้าห้องน้ำ ถือไม้เรียวแล้วเอาปลายไม้ลากไปตามพื้น​ 

ผมปลอบหลานบอกไปว่า หูฝาดไปหรือเปล่า​ เพื่อไม่ให้หลานกลัว​ จนวันต่อมาผมมาทำงานอีกครั้ง​ 

วันนี้ผมมากับเพื่อนอีก 2 คน​ และมีลูกของเพื่อนมาด้วยหนึ่งคน รวมเป็น 4 คน​ ระหว่างที่รอผมทำงาน​ ลูกเพื่อนก็ไปเล่นที่สนามเด็กเล่นใกล้ๆกับที่ผมเขียนรูป​  อยู่ๆลูกเพื่อนก็วิ่งมาบอกเพื่อนและผมว่า “ครูจะตีมีคน ครูถือไม้เรียว”​ ทั้งๆที่ทั้งโรงเรียนมี​ผม​และเพื่อนอีก​ 2 คน แค่นั้น 

จนกระทั่งเปิดเทอมอาทิตย์แรก​ วันนั้นเป็นวันศุกร์​ คาบก่อนเที่ยงประมาณ 11.00 น.ผมได้พานักเรียนชั้น​ ป.5​ ไปขนดินเพื่อเตรียมดินปลูกผักที่แปลงเกษตรใกล้ๆหลังโรงเรียน​ จวนจะเสร็จและกำลังจะพักเที่ยง​ นักเรียนบางคนล้างมือเตรียมกินข้าวเที่ยง​ เหลือผมกับนักเรียนอีก 2 คนที่ยังทำงานต่อ​ 

อยู่ ๆ ผมก็ได้ยินเสียงนักเรียนร้องตะโกนเสียงดังว่า​มี​นักเรียนตกต้นไม้ถัดจากแปลงเกษตรไม่กี่เมตร​ ผมจึงรีบวิ่งไปดูเห็นนักเรียนคนนั้นแขนหักผิดรูป​ แต่สิ่งที่ผมจำติดตาในวันนั้นคือ​… 

ร่างทมึน​สีดำที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้พร้อมส่งเสียงหัวเราะชวนสยองออกมา​ แต่ระหว่างความกลัวและความห่วงลูกศิษย์​ ผมรีบอุ้ม​นักเรียนที่แขนหักมาวางลงบนโต๊ะโรงอาหาร​ หาไม้มาดามขา ตอนที่หาไปไม้​ ผมหันกลับไปดูที่ต้นไม้ต้นนั้นอีกครั้ง ก็ยังเห็นเงาดำนั้นอยู่ที่เดิมพร้อมกับเสียงตะโกนกลับมาว่า​ 

“มึงจะเป็นรายต่อไป…” 

ในที่สุดรถกู้ภัยก็มารับนักเรียนคนที่แขนหัก​ ผมยังจำภาพนั้นได้ติดตา​ไม่เคยลืม​ จนผมอดที่จะอยากรู้ไม่ไหว จึงนำเรื่องที่เห็นไปเล่าให้น้าและแม่ครัวฟัง​ เลยได้ยินความจริงจากปากทั้ง 2 มาว่า​…

สิ่งที่ปกปักรักษาชาวบ้านทั้งหมู่บ้านนั้นอยู่ในต้นไม้ใหญ่หลังโรงเรียนต้นนี้นี่เอง​ ดีนะที่ยังไม่เกิดอะไรกลับตัวผม​ ชาวบ้านบอกว่า ไอ้ดำเค้าจะเอาชีวิตเลยนะ​ แค่ได้ยินผมก็ขนลุกซู่ทั้งตัว 

หลังวันนั้นน้าและแม่ครัวได้ให้​ภารโรงเตรียมสำรับกับข้าวเหล้าไปทำพิธีไปไหว้เจ้าที่เจ้าทางขอขมาบอกกล่าว​ท่านว่าเป็นลูกหลานมาขออาศัย​ ขอให้ปกปักรักษา ไม่ได้มารบหลู่​อะไร​ 

ส่วนตัวผมแล้วก็ไม่ได้เป็นคนที่กลัวอะไรและไม่ได้ลบหลู่อะไร เชื่อในสิ่งตาเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น​

ผมถามน้าภารโรงว่าแกอยู่​โรงเรียนนี้มาตั้งนาน เคยเจอบ้างไหม ไม่กลัวเหรอ​ แกก็บอกว่า​ เจออะเจออยู่ กลัวด้วย​ ในบ้านพักแกมีพระองค์ใหญ่อยู่หัวที่นอนเลย 

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผมก็เจอประจำจนชิน​ คนเดินผ่านทะลุกระจกบ้าง​ เห็นใส่ชุดสีกากียืนอยู่อาคารไม้บ้าง​ น้าเล่าให้ฟังอีกบ้างว่าตรงไหนที่เราไม่ควรอยู่บ้าง​ เพราะชาวบ้านนับถือผีทั้งหมู่บ้าน​ มีพิธีเลี้ยงผี​ พอมีคนตายก็จะไม่เผา​ แต่จะนำร่างไปฝั่งที่ป่าช้าท้ายหมู่บ้าน  ยามเช้าบางวันก็จะมีขบวนแห่ตรงกับช่วงที่ผมพานักเรียนเข้าแถวพอดี จนผมชินไปแล้ว​ 

ส่วนที่ใส่ชุดกากีที่เห็นคือมีครูที่เคยเสียชีวิตในโรงเรียนนี้ ​แกชอบวาดรูปและสอนศิลปะเหมือนผม หลานคนที่เจอวันเเรกจับไข้หัวโกร๋นไปเลย พระครูประจำหมู่บ้านผมต้องมารดน้ำมนต์ให้และบอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้มันคงเอาไปอยู่ด้วยแล้ว​….

ส่วนนักเรียนคนที่ตกต้นไม้แขนหัก​​ ก่อนหน้าที่ผมจะมาสอน เค้าได้เอาไม้ไปทุบแขนพระพุทธรูปที่กำลังก่อสร้างตรงหน้าโรงเรียน​จนหัก สรุปคือทำลายของที่ไม่ควรทำ……

ปล.อยากไปพิสูจน์​ความเป็นวัฒนธรรม​พื้นบ้านโบราณ​ได้นะครับ​ แต่ไม่เเนะนำให้พิสูจน์​เรื่องอื่น​ ที่อยู่​ หมู่บ้านไทดำ​ บ้านนาป่าหนาด​ ต.เขาแก้ว​ อ.เชียงคาน​ จ.เลย……..

เรื่องเล่าโดย…..ครูบ้านโพน

Previous articleยุติการเผยแพร่
Next articleยุติการเผยแพร่