เรื่องของหนู เกิดขึ้นกับลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุรถเก๋งชนท้ายรถตู้บนโทลเวย์เสียชีวิต เป็นข่าวดังตามหน้าหนังสือพิมพ์ในช่วงหนึ่ง ซึ่งพี่ชายของหนูเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตด้วย…
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า หนู เป็นคนที่ไม่มีซิกเซ้นส์และเป็นคนที่กลัวผีมาก แต่พอเรื่องมาเกิดขึ้นกับพี่ชายของตัวเอง หนูก็เริ่มสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง…
วันที่พี่ชายเสียชีวิตคือช่วงใกล้จะสิ้นปีพอดี ปกติทุกๆ ต้นปีของเดือนมกราคม ประมาณวันที่ 9-10 ครอบครัวหนูนัดกันไว้ว่าจะต้องกลับมาเจอกัน ทำบุญบ้านด้วยกัน แต่บังเอิญว่าอุบัติเหตุดันมาเกิดขึ้นช่วงสิ้นปีพอดี สองอาทิตย์ก่อนที่เราจะได้มาเจอกัน
ด้วยความที่ไม่มีลางบอกเหตุอะไรเลยว่าเรื่องจะมาเกิดกับพี่ชายตัวเอง ตอนนั้นหนูเป็นเด็กอายุประมาณ 19 กำลังเรียนอยู่มหาลัยปี 2 อาศัยอยู่กรุงเทพเพียงคนเดียวไม่ได้มีญาติพี่น้องที่ไหน เวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ เกือบจะ 4 ทุ่ม ที่บ้านโทรมาตอนบอกว่า
“พี่ชายตายแล้ว ให้ไปดูศพให้หน่อยที่ สน. นี้นะ”
หนูรู้สึกตกใจมาก แต่สิ่งที่หนูคิดได้ในตอนนั้นคือ “หนูกลัวผี”
เมื่อเรื่องเกิดกับพี่ชายตัวเอง หนูก็จำต้องไป ตอนไปถึง สน. เข้าไปเห็นหน้าพี่ตัวเองถูกห่อด้วยผ้า คือ ใช่เลย ตกใจมาก ทางปอเต็กตึ้งและทางตำรวจนำกระเป๋าตังกับของที่ติดตัวพี่ชายที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุมาให้ ดูร่างพี่ชายเสร็จ คืนนั้นหนูก็กลับมานอนที่ห้อง เพื่อรอไปรับศพพี่ชายที่โรงพยาบาลตำรวจในตอนเช้า…
เช้าวันรุ่งขึ้นหนูต้องไปรับศพพี่ชายที่ รพ.ตำรวจ ก่อนไปหนูแวะไปที่คอนโดของพี่ชายก่อนเพื่อไปเอา เสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัว นำมาแต่งตัวเป็นชุดสุดท้ายให้กับเค้า หนูขึ้นไปถึงคอนโดก็ไปหยิบชุดสูทที่อยู่ในถุง เตรียมของอะไรเรียบร้อย ก็เดินทางไปรับศพพี่ชายพากลับบ้าน
ผ่านไปประมาณ 3 วัน มีอยู่คืนหนึ่ง คนเฒ่าคนแก่ ญาติๆ คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ที่บ้านหนูกำลังนั่งกันอยู่ในห้องรับแขก ไม่ได้เปิดทีวี ไม่ได้เปิดพัดลม นั่งกันอยู่เฉยๆซึมๆ เหมือนปล่อยใจทิ้ง อยู่ๆคุณย่าก็พูดขึ้นมาว่า “เป็ด กลับบ้านเราเถอะลูก”
จำได้ว่าตอนนั้นหนูเอาถุงใส่เสื้อสูท เสื้อผ้า รวมถึงไม้แขวนเสื้อสแตนเลสของพี่ชายที่เอากลับมาจากคอนโดแขวนไว้บนเสากลางบ้าน พอสิ้นเสียงที่ย่าพูด ไม้แขวนเสื้อที่แขวนเสื้อสูทมันก็เริ่มแกว่ง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา เหมือนลูกตุ้มนาฬิกาตอนที่แกว่งไปมา หนูเห็นแล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที พร้อมกับเรียกย่าให้ดู
“ย่าดูสิ ทำไมไม้แขวนเสื้ออยู่ๆถึงแกว่งไปมาเองได้”
ย่าเห็นก็สะดุ้ง ตกใจ ตะโกนเรียกญาติๆที่กำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ข้างนอก ให้เข้ามากันดู พร้อมกับตะโกนบอกว่า
“มาดูสิๆ เป็ดกลับมาบ้านแล้ว มาดูที่ไม้แขวนเสื้อกันเร็ว”
ทุกคนต่างรีบวิ่งมามุงดูตรงเสากลางบ้านที่ไม้แขวนเสื้อกำลังแกว่งไปมาต่อหน้าทุกคน นี่เป็นเหตุการณ์ที่หนูเห็นกับตาตัวเอง หนูคิดว่าพี่ชายคงต้องการสื่อให้ทุกคนรู้ว่า “พี่กลับมาบ้านแล้วนะ…”
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป หนูกลับมาเอาของที่เหลือที่คอนโดพี่ชาย เจอนิติบุคคลที่คอนโดเค้าเล่าให้ฟังว่า “วันสองวันที่พี่เป็ดเสีย คนที่อยู่คอนโดชั้นข้างล่างเห็นไฟห้องพี่เป็ดเปิดและยังมีเสียงเหมือนคนกำลังทำกับข้าวอยู่ข้างบนช่วงประมาณ 3-4 ทุ่ม” ประหนึ่งว่าพี่เป็ดยังใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในห้องนั้น เป็นอย่างนี้อยู่ประมาณ 3-4 วัน
ตามความเชื่อ…คนที่เสียชีวิตไปแล้วมักจะรู้ตัวเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 วัน 7 วัน คนตายจะกลับมาเก็บรอยเท้า หรือบางที 3 วัน 7 วัน อาจจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองตาย เค้าก็เลยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เหมือนอย่างที่คนอื่นๆเห็นอยู่ก็เป็นได้
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นการเสียชีวิตแบบกระทันหัน ถ้าตามภาษาชาวบ้านที่เค้าพูด ๆ กัน เค้าเรียกว่า “ตายโหง” ซึ่งยังไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าตัวเองนั้นเสียชีวิตไปแล้ว เค้าเลยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเดิม
และคนที่เสียชีวิตในลักษณะแบบนี้ก็ยังมีอีกความเชื่อหนึ่งว่า เสียชีวิตก่อนวัยอันควร เกิดจากอุบัติเหตุที่ไม่ได้เสียชีวิตตามธรรมชาติ
สมมุติว่าชะตาชีวิตของเค้าถูกกำหนดมาว่าให้เสียชีวิตตอนอายุ 60 แต่เค้ามาเสียชีวิตตอนอายุ 20 หลังจากนั้นให้นับไปเลยอีก 40 ปีเค้าจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย หรือตายโหงอะไรต่างๆ ต้องทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ อยู่แบบนี้ตามความเชื่อ
ส่วนกระเป๋าเงินที่หนูได้มาตั้งแต่วันแรก หนูเอามาให้ที่บ้าน รื้อดูเอกสาร บัตรอะไรต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง จนกระทั่งไปเจอกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ แผ่นนึง ถูกเขียนด้วยลายมือของพี่เป็ดเอง เหมือนกับว่าพี่เป็ดเคยไปดูดวงมา พี่เป็ดเขียนไว้ในโน้ตนั้นว่า
“พ้นอายุ 34 ไปชีวิตจะรุ่งโรจน์และเจริญมากๆ แบบฉุดไม่อยู่ แต่ห้ามไปงานศพจนกว่าจะพ้นอายุ 34” ซึ่งเมษา ปีหน้าอีกประมาณ 4 เดือนจะถึงวันเกิดของพี่เป็ด เค้าจะจะพ้นอายุ 34 พอดี…
หนูเลยลองไล่ทามไลน์ดู ปรากฏว่าพี่เป็ดเคยไปงานศพมาครั้งนึง ตอนประมาณเดือนเมษา ซึ่งเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายของครอบครัวหนูกับเค้า ตอนนั้นพี่เป็ดถูกบังคับให้มางานศพญาติคนนึง ซึ่งพี่เป็ดก็พยายามที่จะบ่ายเบี่ยงและพยายามปฎิเสธแล้วว่าไม่ว่าง ติดงาน มาไม่ได้… แต่ก็ถูกญาติผู้ใหญ่ทางบ้านบังคับว่า ต้องมาให้ได้ สุดท้ายพี่เป็ดจึงตัดสินใจเดินทางมา และนั่นจึงเป็นการเจอกันครั้งสุด กินข้าวด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย นอกจากคุยโทรศัพท์กัน…
หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ เราได้มานั่งคุยกัน คุณแม่ของพี่เป็ดมาเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่พี่เป็ดจะเกิด แม่พี่เป็ดฝันว่ามีคนเอาลูกแนบแหวนมาให้ และบอกว่า เลี้ยงให้ดีๆนะ แต่ก่อนวันเกิดเหตุแม่พี่เป็ดฝันว่า มีคนมาขอแหวนคืน แม่พี่เป็ดก็ถอดให้ และเค้าก็เอาไปเลย
ทุกวันนี้หนูยังคงฝันเห็นพี่เป็ดอยู่ แต่ทุกครั้งที่ฝันก็จะเป็นภาพในงานศพเค้า เห็นเค้าใส่ชุดสีขาวพร้อมกับยืนยิ้มส่งมาให้ทุกครั้ง… ส่วนคุณย่าก็เล่าให้ฟังว่า “เวลาที่อยู่บ้านคนเดียวเหมือนมีใครมานวดแขนให้ตลอดเลยนะ” เมื่อทุกอย่างจบสิ้นหมดลงแล้วทุกคนในครอบครัวก็ไปร่วมทำบุญให้กับพี่เป็ดในวันสิ้นปี 2562 กัน….
ขอบคุณเรื่องจาก เรื่องเล่าจากครอบครัวผู้ประสบอุบัติเหตุ | อังคารคลุมโปง ถอดความโดย คลังหลอน
***ไม่อนุญาติให้คัดลอกบทความไปเผื่อแพร่ที่อื่น นอกจากการแชร์เท่านั้น หากนำไปดัดแปลงเป็นรูปแบบอื่น กรุณาแปะลิงก์ต้นฉบับไว้ด้วยนะครับ***