กำไลผีนางรำ

กำไลผีนางรำ
กำไลผีนางรำ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณบัวได้รับฟังมาจากพ่อ ซึ่งเรื่องราวได้เกิดขึ้นกับเพื่อนของพ่อคนหนึ่งที่ชื่อว่า…ลุงนัย

… ลุงนัยมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ซึ่งแกจะชื่นชอบการสะสมของโบราณและของเก่าเป็นชีวิตจิตใจ  พอได้ของเก่าหรือของโบราณมา ก็มักจะนำมาเก็บไว้บ้าง นำมาตั้งโชว์บ้างจนมีเต็มบ้านไปหมด แต่ตัวแกนั้นเช่าบ้านอยู่ข้างนอก แถวๆที่ทำงาน เนื่องจากที่ทำงานกับที่บ้านค่อนข้างจะไกลกัน ที่บ้านก็เลยเหลือแค่ลุงนัยอยู่คนเดียว

ช่วงนั้นที่พี่ชายของลุงนัยได้กำไลนี้มา เพราะแกไปทำงานแล้วอยู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งนำกำไลชิ้นนี้มาเสนอขาย ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พี่ชายลุงนัยเห็นว่ากำไลนี้สวยดีก็เลยซื้อ แล้วเอามาเก็บใส่ตู้โชว์ที่บ้านไว้ หลังจากที่เอากำไลใส่ตู้โชว์เสร็จเรียบร้อย พี่ชายลุงนัยก็ปิดล็อคตู้และกลับไปบ้านเช่า คืนนั้นลุงนัยก็เข้านอน ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ…

จนกระทั่งเช้าวันต่อมา ลุงนัยเดินไปตลาดระหว่างทางก็จะต้องเดินผ่านบ้านเพื่อนบ้าน บ้านหลังแรกทักว่า “ที่บ้านมีงานหรอ? ใครจะบวชหรือเปล่า? ป้าได้ยินเสียงปี่พาส…” 

ลุงนัยตอบเพื่อนบ้านหลังแรกว่า “ไม่มีนะ… ผมไม่ได้เปิด” ป้าก็บอกว่า “งั้นสงสัยอาจจะบ้านอื่น…” ลุงนัยไม่ได้คิดอะไร เดินไปตลาดต่อ ซึ่งระหว่างทางเพื่อนบ้านเกือบทุกหลังจะถามแกตลอดทางว่า ที่บ้านมีงานหรอ…? ป้าเห็นนางรำบ้าง ลุงได้ยินเสียงดนตรีไทยบ้าง? ลุงนัยแกก็ตอบเหมือนเดิมว่า “ไม่มีนะ… ไม่ได้เปิด…” วันแรกก็ผ่านไป

จนเข้าวันที่สองเวลาลุงนัยเดินทางไปไหนมาไหนคนก็ทักอีกว่า ป้าได้ยินจริงๆ! เปิดเสียงดนตรีไทยตีสี่ตีห้าเสียงดังลั่นเลย…!! ทุกบ้านที่อยู่ในซอยทักลุงนัยเหมือนกันหมด หลังไหนที่ไม่ทัก ลุงนัยแกก็จะลองไปถามดูว่าได้ยินเสียงอะไรไหม บ้านหลังที่แกถามก็จะตอบว่าได้ยินเสียงดนตรีไทย ตอบเหมือนกันหมดทุกหลัง 

จนกระทั่งวันที่สามคราวนี้ป้าข้างบ้านเดินมาบอกกับลุงนัยว่า “ป้าเห็นนางรำ รำอยู่ตรงห้องรับแขก แต่งตัวสวยเชียว จะมีงานหรือเปล่า? จะแต่งหรือจะบวช??” ลุงนัยตอบป้าข้างบ้านทันทีว่า “ไม่นะ ไม่มีอะไรเลย ผมอยู่บ้านคนเดียว” แต่ลุงนัยก็ยังไม่รู้สึกเอะใจอะไร คิดว่าป้าเค้าอาจจะคิดไปเองหรือว่าแค่ตาฝาด  

ประมาณสองวันต่อมา วันนั้นเป็นวันที่น้องสาวของลุงนัยต้องมานอนค้างที่บ้าน คือ น้องสาวจะอยู่บ้านอีกหลังกับพ่อกับแม่ แล้วพอดีวันนั้นน้องบอกว่าจะมาหา ลุงนัยก็เลยนั่งอ่านหนังสือรอไปเพลินๆ อยู่ๆ น้องสาวมาจากไหนไม่รู้ มาถึงก็กรี๊ดดดด…!! แบบสุดเสียง แล้วก็ตะโกนเรียกให้ลุงนัยออกไปหา แล้วบอกว่า “ขับรถไปส่งหนูที่บ้านหน่อย หนูไม่อยู่แล้ว” 

ลุงนัยได้แต่ตกใจ เมื่อเห็นน้องสาวกำลังโวยวายลั่นบ้านเหมือนคนสติหลุด แกก็เข้าไปปลอบใจและบอกให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดคุยว่าเกิดอะไรขึ้น… 

น้องสาวแกก็บอกว่า “พี่…ไปนอนค้างบ้านพ่อเถอะนะ อย่าอยู่ที่นี่เลย…” ลุงนัยแกก็เข้าไปเอาของในบ้านแล้วขับรถไปส่งน้องสาวที่บ้าน ระหว่างทางน้องสาวของลุงนัยเล่าให้ฟังว่า

ภายในบ้านของลุงนัยนั้น จะมีเก้าอี้โซฟาไม้เก่าๆ ที่มีพนักพิงแคบๆ คนไม่สามารถขึ้นไปนั่งขัดตะหมาด หรือนั่งพับเพียบได้ แต่น้องสาวของลุงนัยบอกว่า เห็นนางรำใส่ชุดไทย ผมยาว เกล้าผมใส่ชฎาขึ้นไปนั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ ลุงนัย…นางรำคนนั้นกำลังจะหันหน้ามาทางน้องสาว แต่ตอนนั้นน้องสาวรู้สึกกลัวมาก เลยร้องกรี๊ดลั่นบ้านแล้วฟุบหน้าลงเสียก่อน จึงไม่ทันได้เห็นชัดๆ

น้องสาวขอร้องลุงนัยว่า วันนี้ค้างที่บ้านพ่อด้วยกันนะ ไม่ต้องกลับมาที่บ้านหรอก ลุงนัยบอกว่า “นอนค้างไม่ได้หรอก เพราะมีงานต้องทำ มีงานต้องเคลีย” แต่น้องสาวก็ยังพยายามยื้อให้ลุงนัยนอนค้างที่บ้านพ่อให้ได้ เพราะรู็สึกเป็นห่วงและกลัวว่าพี่ชายจะเป็นอะไรขึ้นมา แต่ลุงนัยก็ยังยืนกรานว่าไม่ค้าง หลังจากที่ส่งน้องสาวเสร็จแล้วก็เดินทางกลับทันที

พอลุงนัยมาถึงบ้าน จังหวะที่กำลังจะเปิดประตูบ้าน อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดนตรีไทยดังเบาๆ มาจากในบ้าน แกคิดในใจว่าตัวเองอาจจะคิดมากไปเองหรือป่าว เพราะตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา ได้ยินคนโน้นคนนี้พูดถึงแต่เรื่องนางรำ เรื่องเสียงดนตรีไทยที่ดังมาจากบ้านแกตลอด แกเลยเอามาคิดมากจึงรีบไขประตูเข้าไป ปรากฏว่า ทุกอย่างเงียบบบบ…….. ในบ้านไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย 

ลุงนัยเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมแล้วมองไปที่ตู้โชว์ของเก่า ในใจก็ได้แต่คิดว่า นางรำหรอ?? เกี่ยวกับกำไลหรือเปล่า?? ระหว่างที่แกกำลังนั่งคิดเรื่องนี้อยู่นั้น เสียงดนตรีไทยก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับได้กลิ่นคล้ายๆ น้ำอบน้ำหอมลอยโชยมา และเสียงพูดขึ้นมาเบาๆว่า “กลับบ้าน… กลับบ้าน…” ช้าๆ 

เสียงนั้นทำให้ลุงนัยขนลุกและเริ่มรู้สึกกลัวๆ ขึ้นมา… จึงเข้าไปสวดมนต์ที่ห้องพระ ตอนนั้นในใจลุงนัยเริ่มคิดแล้วว่า ต้องเป็นเพราะกำไลวงนั้นแน่ๆ อยู่มาตั้งนานของเก่าของโบราณที่มีเก็บไว้เต็มตู้ เพื่อนบ้านบางคนก็เคยเตือนเอาไว้ว่า เก็บแต่ของเก่าระวังจะมีผีมาอยู่นะ แต่ลุงนัยก็ยังไม่เคยพบเจออะไร จนกระทั่งได้กำไลวงนี้มา ก็เริ่มมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ… 

หลังจากที่ลุงนัยสวดมนต์เสร็จ กำลังจะเดินกลับเข้าห้องนอน บังเอิญว่าหางตาของลุงนัยดันเหลือบไปเห็นเหมือนคนนั่งห้อยขาลงมาอยู่บนหลังตู้ แต่เห็นแค่ช่วงขา ใส่ผ้าถุง แกบอกว่าแกเห็นแค่นั้นก็ไม่กล้ามองต่อแล้ว รีบเดินเข้าห้องทันที ตอนเช้าแกก็เลยโทรไปหาพี่ขายแกบอกว่า ให้กลับมาที่บ้านหน่อย รู้สึกเหมือนต้องมีอะไรที่ไม่ค่อยดีเกิดขึ้น สาเหตุน่าจะมาจากกำไลอันนี้นี่แหละ… 

หลังจากที่แกโทรบอกพี่ชายเสร็จ วันรุ่งขึ้นพี่ชายแกก็กลับมาที่บ้าน หยิบกำไลนี้ขึ้นมาดู แล้วนั่งคุยกันสองคนพี่น้องว่ามันเกิดอะไรขึ้น ได้ถามประวัติคนขายมามั้ยว่าได้กำไลนี้มาจากไหน เป็นของนางรำหรือเปล่า เพราะจากที่น้องสาวเล่า จากที่ใครๆเห็น มันน่าจะเกี่ยวกับนางรำ 

พี่ชายแกก็บอกว่า ไม่รู้ ไม่ได้ถาม เห็นว่ามันสวยดีก็เลยซื้อมา ลุงนัยก็เลยบอกว่า กำไลนี้กับราคาที่ซื้อมาในสมัยเกือบ 40 ปีที่แล้วพันกว่าบาทเนี่ย มันก็ไม่ค่อยสมราคานะ มันไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น ทำไมต้องซื้อมาด้วย? พี่ชายแกก็บอกว่า “ไม่รู้เหมือนกัน เห็นแล้วชอบมากก็เลยซื้อเลย”

ซึ่งจังหวะที่กำลังจับๆ กำไลกันอยู่นั้น พี่ชายลุงนัยก็พูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก…มันก็น่าจะของเก่าธรรมดานี่แหละ คนขายมันคงจะร้อนเงิน” สักพักอยู่ๆ กำไรมันก็ร้อนขึ้นมาเฉยๆ พี่ชายแกตกใจก็โยนกำไลทิ้ง จนมันกลิ้งไปอยู่ด้านหลังลำโพง พอกำไรหยุดกลิ้ง อยู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงกรี๊ดออกมาจากในลำโพง พร้อมกับเสียงดนตรีไทย 

ตอนนั้นสองพี่น้องคิดในใจว่าอยู่ไม่ได้แล้ว พากันลุกขึ้นวิ่งออกจากบ้าน ลุงนัยขับรถพาพี่ชายมาหาพ่อของบัวเพราะว่าพ่อของบัวจะเป็นพวกมีเซ้นส์ ชอบนั่งสมาธิเข้าวัดเข้าวา รู้จักกับพระเยอะ ก็เลยพากันมาปรึกษาและขอร้องให้พ่อบัวไปดูกำไลวงนั้นให้หน่อย…

แต่พอพ่อบัวไปถึงปรากฏว่า กำไลมันกลับถูกวางไว้บนลำโพงเฉยเลย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครไปจับ เพราะก่อนออกมาจากบ้าน ลุงนัยได้ล๊อคบ้านไว้แล้ว และที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่ ซึ่งตอนที่พ่อบัวไปจับกำไลมันเย็นมากจนขนลุก 

พ่อบัวคิดว่ามันน่าจะมีอะไรแน่ๆ จึงบอกกับลุงนัยว่า “เดี๋ยวกูจะเอากำไลนี้ไปให้หลวงตาที่วัดแถวบ้านดู กูจะคุยกับหลวงตาท่านให้” แต่ก่อนที่พ่อบัวจะเอากำไลนี้ออกจากบ้านมา พ่อได้พูดกับกำไลว่า “มาดีนะ จะมาช่วย มีอะไรหรือเปล่า? ถ้ามาแบบนี้ก็น่าจะต้องมีอะไรแน่ๆ” 

พอมาถึงวัด พ่อบัวก็ยื่นกำไลให้หลวงตาท่านดู พอหลวงตารับกำไลมา ท่านก็พูดว่า “อยู่ที่นี่ด้วยกันนะ เดี๋ยวเค้าก็มารับแล้ว” พ่อบัวก็เลยถามหลวงตาว่า “กำไลนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ?” หลวงตาก็บอกว่า “เอาน่า เดี๋ยวอีกสองสามวันก็รู้…เองแหละ”

สองสามวันถัดมา พี่ชายของลุงนัยก็กลับไปอยู่ที่บ้านเช่า แต่กลับไปอยู่บ้านได้ไม่เกินอาทิตย์ พี่ชายของลุงนัยก็กลับมาหาหลวงตาที่วัดพร้อมพาคนที่มาจากต่างจังหวัดสองสามคนเพื่อมาขอรับกำไลคืน มาถึงก็บอกว่า “คนที่เอากำไลวงนี้มาขาย มันไปขโมยเค้ามา กำไลวงนี้เป็นของโบราณประจำตระกูลของบ้านเค้า ตกทอดกันมาหลายรุ่นแล้ว แล้วคนที่ขโมยก็เป็นคนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันอีกด้วย 

ซึ่งของที่ขโมยมาไม่ได้มีแค่กำไลวงนี้ชิ้นเดียวเท่านั้น แต่ยังมีของอีกหลายอย่างที่มันขโมยมาด้วย หลังจากตำรวจจับคนขโมยได้ก็สืบหามาเรื่อยๆว่าคนร้ายนำกไลไปขายให้ใคร 

จนกระทั่งตำรวจสาวมาถึงพี่ชายของลุงนัย ลุงนัยก็เลยพามาหาหลวงตาที่วัด หลวงตาเลยบอกว่า “ เค้ารออยู่นานแล้ว เค้าอยากกลับบ้าน สาเหตุที่เค้าส่งเสียง ที่เค้าแสดงตัวให้คนอื่นรู้ให้คนอื่นเห็น เพราะเค้าต้องการสื่อว่าเค้าอยากจะกลับบ้าน” แต่ลุงนัยไม่รู้เพราะไม่ได้มีเซ้นส์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ 

สรุป นางรำพยายามจะสื่อสารกับทุกคน แต่ไม่มีใครรู้เรื่อง จนนางเสื่อแรงขึ้นๆ เรื่อยๆ เพราะต้องให้คนอื่นรับรู้ แต่กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจได้ก็นานอยู่พอสมควร ผลสุดท้ายกำไลนี้ก็กลับไปคืนสู่เจ้าของที่แท้จริง…และเรื่องก็จบลงแต่เพียงเท่านี้

ขอบบคุณเรื่อง กำไลนางรำ [TheGhostRadioOfficial] ถอดความโดย คลังหลอน 

***ไม่อนุญาติให้คัดลอกบทความไปเผื่อแพร่ที่อื่น นอกจากการแชร์เท่านั้น หากนำไปดัดแปลงเป็นรูปแบบอื่น กรุณาแปะลิงก์ไว้ให้ด้วยนะครับ***

Previous articleเรื่องเล่า “ผี” ที่วังท่าพระ
Next articleเมื่อเพื่อนร่วมทางไม่ใช่คน “รถ บขส.หลอน”