เมื่อเพื่อนร่วมทางไม่ใช่คน “รถ บขส.หลอน”

รถ บขส.หลอน
รถ บขส.หลอน

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้วบนรถทัวร์สาย ร้อยเอ็ด-กรุงเทพ หลังจากหมดช่วงเทศกาลวันหยุดยาว วันนั้นเราเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพ โดยจองตั๋วรถผ่านหน้าจอคอมเห็นว่ามีที่นั่งว่างติดกันอยู่ 2 ที่ เราเลยจองที่นั่งติดหน้าต่าง เท่ากับว่าที่นั่งข้างๆเรานั้นจะว่างไม่มีคนนั่ง รถคันนี้เป็นรถทัวร์ VIP 32 ที่นั่ง แต่ละฝั่งจะมี 2 ที่นั่ง ตรงกลางเป็นทางเดิน 

รถทัวร์ VIP คันนี้ จะไม่จอดรับผู้โดยสารตามทาง คือรถจะออกจากสถานีร้อยเอ็ด แวะพักที่มหาสารคาม และโคราชเป็นจุดสุดท้าย หลังจากนั้นก็จะยิงยาวถึงหมอชิตเลย 

ระหว่างที่รถเคลื่อนตัวออกจากร้อยเอ็ดมาได้สักพัก เราไม่รู้ว่าเบาะข้างๆเรานั้นมีคนจองไว้หรือเปล่า เราจึงยังไม่กล้าหลับ พอรถขับมาจนถึงจุดพักรถที่มหาสารคาม ปรากฏว่าเบาะข้างๆ ก็ยังไม่มีใครมานั่ง เท่ากับว่าเบาะนั้นคงจะว่างจริงๆ แล้วล่ะ…

พอรถเคลื่อนตัวออกเลยมหาสารคามมา เราก็เริ่มจะง่วง ได้ยินเสียงพี่ผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคุยโทรศัพท์อยู่ เราตะแคงซ้ายเอาหัวพิงหน้าต่างจนเคลิ้มหลับไป พอเราเริ่มรู้สึกเมื่อย จึงพลิกตะแคงหัวมาด้านขวา 

เราถึงกับสะดุ้ง ตกใจ!!! เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมานั่งอยู่ข้างเรา เป็นผู้ชายรูปร่างท้วม สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว ใส่กางเกงยีนส์ มีด้ายสายสิญจน์สีขาวผูกอยู่ที่ข้อมือเต็มไปหมด เขานั่งนิ่งๆ และหลับตาอยู่ 

เรารีบตะแคงหัวกลับไปทางหน้าต่างเหมือนเดิม ตอนนั้นเราเกิดความสงสัยว่า เขามานั่งตอนไหน?  ทำไมเราไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ผู้ชายคนนี้มาจากไหน?? เพราะปกติเวลาที่มีคนมานั่งเบาะข้าง ๆ อย่างน้อยที่นั่งมันก็ต้องโยก ยวบ หรือขยับบ้าง แต่นี่เรากลับไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และเผลอหลับไปอีกรอบ 

เรามารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ได้ยินเสียงพนักงานรถประกาศว่า ตอนนี้รถเมล์ถึงนครราชสีมาแล้ว ให้ทุกคนลงไปเข้าห้องน้ำซื้อของฝากได้ 15 – 20 นาที เราลืมตาหันมามองด้านขวา ปรากฎว่าผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว…

เราเลยหันไปถามพี่ผู้หญิงที่นั่งอยู่แถวตรงข้ามว่า “พี่คะๆ เห็นผู้ชายที่มานั่งข้างๆ หนูไหมคะ?” พี่ผู้หญิงเขาก็บอกว่า “ไม่มีใครมานั่งนี่คะ” เราคิดในใจว่า พี่เขาอาจจะไม่ทันได้สังเกต อาจจะเป็นพนักงานรถมานั่งหรือเปล่า 

เราเริ่มรู้สึกเอะใจแต่ไม่ได้คิดอะไรรีบเดินลงไปซื้อของฝาก ที่ร้านขายของฝาก เราซื้อของมาเยอะมาก แล้วก็เอาขึ้นมาวางไว้ที่นั่งข้างๆ เราจนเต็ม เพื่อกันไม่ให้ใครมานั่งอีก ซึ่งเรารู้สึกหลับต่อไม่ลงอยู่ดี ใจสั่นตลอด ในใจเราอยากจะรู้ให้ได้ว่าใครกันที่มานั่งอยู่ข้างเรา จนรถออกเดินทางมุ่งหน้าสู่กรุงเทพต่อ 

พอรถเทียบท่าถึงสถานีหมอชิต เราปล่อยให้คนอื่นๆ ลงจากรถให้หมดก่อน จนเหลือเราเป็นคนสุดท้าย แล้วค่อยขนของลงจากรถ 

เมื่อขนของลงมาข้างล่างจนหมด เราเห็นน้องพนักงานผู้ชายและผู้หญิงยืนคุยกันอยู่พอดี เราก็เลยรวบรวมความสงสัยต่างๆนานา แล้วเดินเข้าไปถามน้องเขาว่า 

“น้องคะ พี่ถามอะไรนิดนึงสิ รถคันนี้มีที่ว่างอยู่ที่นึงใช่ไหม?” 

“ใช่ค่ะ” 

“แล้วระหว่างทางเราได้รับใครขึ้นมาอีกไหม?” เราถาม 

“ไม่มีนะคะ พี่” น้องพนักงานตอบเรา

“แล้วพวกน้องได้นอนพักกันบ้างไหม” เราถามด้วยความสงสัย 

“พวกหนูมากัน 3 คน มีหนู มีน้อง และคนขับรถแค่นี้ พวกหนูนั่งอยู่ด้านหน้ากันหมดเลยคะ ทำไมหรอคะพี่”

เราก็เล่าให้น้องพนักงานฟังว่า “มีผู้ชายใส่เสื้อสีขาวมานั่งข้างๆพี่ คืออะไร?”

น้องเขาอึ้งไป แล้วหันมองหน้ากัน 2 คน พร้อมกับบอกว่า 

“ เอาจริงๆนะพี่ รถคันนี้เป็นรถมือสอง แต่ถูกนำมารีโนเวทใหม่” 

“แล้วมีคนเคยเจออะไรแบบพี่ไหม?” เราถามน้องเขา

“ไม่มีคนเคยเจอนะ แต่ว่ามีคนเคยได้ยินเสียง…”

ตอนนั้นเราเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเราโดนผีหลอกแน่ ๆ และเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง 

ด้วยความที่เราซื้อของฝากมาเยอะ แถมยังมีสัมภาระกระเป๋าเสื้อผ้าอีก เราจึงใช้บริการคุณตาที่รับจ้างเข็นของไปส่งยังจุดที่จอดแท็กซี่  หลังจากที่เราขนของขึ้นรถเข็นของคุณตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว จังหวะที่เรากำลังเดินอยู่ข้างๆ คุณตา คุณตาก็ทักเราขึ้นมาว่า 

“อ้าว…แฟนเราไม่มาด้วยหรอ” 

เท่านั้นแหละ เราเย็นวาปไปทั้งตัว ขนนี่ลุกซู่ขึ้นมาทันทีเลย และอุทานเสียดังออกไปว่า “เฮ้ย!!” ดังลั่นหมอชิต

พอเราตั้งสติได้ จึงรีบบอกกับคุณตาว่า “หนูมาคนเดียว คะ อะไรของคุณตาเนี่ย??” คุณตาบอกอีกว่า “ก็แฟนหนูที่ยืนอยู่ข้างๆ หนูไง?” 

เท่านั้นแหละ… เรากระโดดเกาะแขนคุณตาเลย ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เราถามคุณตาว่าเขาใส่เสื้อสีอะไร คุณตาก็บอกว่า ใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว ตอนนั้นเรารู้สึกช็อคมากๆ

หลังจากนั้นเราขึ้นแท็กซี่กลับมาถึงบ้านพักที่กรุงเทพฯ คืนนั้นเราไม่กล้านอนหลับ กะว่าจะรอไปใส่บาตรกับแฟนในตอนเช้า  ประจวบเหมาะพอดีว่าช่วงตอนตี 5 มีพระเดินมาพอดี พระท่านก็ถามขึ้นมาเหมือนจะรู้ 

“เจอดีมาใช่ไหมโยม…” แล้วท่านก็บอกให้เราระลึกถึงคนที่เราเจอมาบนรถทัวร์คันนั้น และอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้เขาด้วย ….นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ขอบคุณเรื่อง เมื่อเพื่อนร่วมทางไม่ใช่คน [EFM อังคารคลุมโปง] ถอดความโดย คลังหลอน 

บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำหรือเล่าลงพอดแคสต์ หรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด

Previous articleกำไลผีนางรำ
Next articleประสบการณ์ “โดนของ”