หงส์ร่อน มังกรรํา เล่ห์คุณไสย

หงส์ร่อน มังกรรํา
หงส์ร่อน มังกรรํา

เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของพี่สาวที่รู้จักคนนึง พี่แกชื่อพี่ตุ๊กตา  ปกติผมจะเรียกแกว่าพี่ตา พี่ตามีรูปร่างหน้าตาที่ดีและมีสามีที่หล่อเหลา ชื่อ พี่พล ทั้งสองทำงานเป็นพนักงานต้อนรับในโรงแรมที่จังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออก การงานที่ดี สามีที่ดีเป็นอะไรที่มันช่างดีสำหรับผู้หญิงคนนึงซะเหลือเกินถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ดวงชะตาของพี่ตาพลิกผันเกือบกู่ไม่กลับ 

วันหนึงที่พี่ตาเดินทางไปทำงานด้วยรถส่วนตัว พี่พลป่วยจึงลาอยู่ที่บ้าน ระยะทางที่ห่างจากที่ทำงาน 10 กม. ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พี่ตาประสบอุบัติเหตุรถสิบล้อตัดหน้าจนต้องหักรถลงข้างทางชนเสาไฟฟ้า พี่ตานอนรักษาอาการอยู่เป็นอาทิตย์จึงออกจากโรงพยาบาล จากนั้นก็ลาพักฟื้นอีกเป็นเดือน จึงกลับไปทำงาน 

แต่ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วเพราะการที่รถชนหัวกระแทกทำให้ประสาทบางส่วนของที่ตาเสียหาย บางครั้งก็มีอาการปวดหัว และเป็นอาการที่ไม่พึงประสงค์ของพี่ตาเลย ไม่ใช่มันทรมานแต่ ทุกครั้งที่ปวดหัวพี่ตาจะได้ยิน เห็น หรือรับรู้อะไรบางอย่างแบบควบคุมไม่ได้ อะไรพวกนั้นมันไม่น่าอภิรมย์เลย หมอให้เหตุผลว่าเป็นภาพหลอนเท่านั้น พี่ตาก็เข้ารับการบำบัดและรับยา แต่มันก็ไม่ดีขึ้น ถึงกระนั้นพี่ตาก็ไม่ให้มันเป็นอุปสรรคในการทำงานของเธอเลย 

เหตุการณ์ดำเนินอย่างนี้เรื่อยมา นานเข้าพี่ตาก็เข้าวัดนั่งสมาธิ ตามที่หมอบอกว่าจะช่วยได้อีกทางนึงเพราะเป็นการสงบจิตใจ ทำให้อาการปวดหัวเริ่มหายไปบวกกับยาของหมอด้วย แต่การรับรู้สิ่งต่างมันกลับชัดขึ้นไม่ใช่วูบวาบอีกต่อไป  

มาถึงตอนนี้พี่ตารู้แล้วว่าสิ่งที่พี่แกเห็นคือ วิญญาณ แต่ผีพวกนั้นก็ไม่ได้ทำอันตรายอะไรพี่ตาเลย คงเป็นโชคดีที่พี่ตาเจอแต่วิญญาณที่ไม่ได้ร้ายกาจ ถึงจะกลัวและกลัวมากบางครั้ง เพราะวิญญาณบางตนก็ไม่ปกติเอาซะเลย  แต่ถ้าพี่แกเห็นแกก็จะไปทำบุญให้ และสิ่งที่แปลกคือวิญญาณทุกตนที่เห็นก็มาให้เห็นแค่ตนละครั้งเท่านั้น ทำบุญให้ก็ไม่มาอีกเลย  

2 ปีผ่านไปที่เป็นคนเห็นผี พี่พลเข้าใจว่าเมียว่าแกเข้าวัดทำบุญนั่งสมาธิ เพราะการบำบัดร่วมตามหมอบอก และแกบอกพี่พลว่าเป็นการสร้างบุญด้วยเพราะเกิดอุบัติเหตุจึงกลัว คงเป็นความเคยชินนานเข้าความกลัวก็ลดลง และวิญญาณก็ไม่ได้มาทุกวันซะหน่อย ชีวิตอันมีความสุขกลับมาอีกครั้งพร้อมกับญาณทิพย์ที่ไม่รู้ว่าใครประทานมาให้ 

จนมีเรื่องที่ต้องใช้ผลบุญที่สั่งสมมาในที่สุด โรงแรมที่พี่ตาและพี่พลทำงานอยู่มีพนักงานเข้ามาใหม่หลายคน เรื่องมันเริ่มจากตรงนี้ ความหล่อของที่พลที่แม้แต่ผมยังหันมอง พวกสาวๆก็หมายปองเช่นกัน  เมื่อมีพนักงานใหม่เข้ามาพี่พลก็เป็นที่จัดตามองของพนักงานพวกนั้นด้วย 

จนวันหนึ่งพี่พลไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่บาร์ในเมืองจนเช้าพี่แกถึงกลับ เพราะเป็นวันหยุด เมื่อพี่พลเดินสวนกับพี่ตา เพราะพี่ตาจะไปทำงาน พี่พลกลับมาพอดี พี่ตาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะบอกไว้แล้วแต่สิ่งที่ผิดปกติคือกลิ่น กลิ่นสาบรุนแรงที่โชยเข้ามาให้พี่ตาได้กลิ่น แต่พริบตาเดียวกลิ่นนั่นก็หายไปแล้ว 

พี่พลบอกว่าไปนอนก่อนนะขับรถดีๆละ และเดินขึ้นบ้านไป แต่ความฉงนของพี่ตาพึ่งจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อหางตาได้เห็นกลุ่มควันสีดำลอยตามพี่พลไป แต่ก็เช่นเคยแค่พริบตาเดียวก็หายไป คงตาผาดแล้วล่ะพี่ตาคิดเพราะถ้าเป็นผี ก็คงชัดกว่านี้เพราะตลอดเวลาที่เห็นผีก็ คมชัด 4K ตลอด 

พี่พลในระยะเวลาหลังก็มีบางอย่างเปลี่ยนไป ปกติพี่ทั้งสองจะเอารถไปคนละคัน เพราะเวลาเข้ากะไม่ตรงกัน แต่หลังๆ พี่พลก็เอารถไปเองทุกวัน พี่ตากลับพี่พลไม่ค่อยได้กินข้าวด้วยกันเลยช่วงนี้  จนทุกคนในโรงแรมถามพี่ตาว่าทะเลาะกันหรือ พี่ตาก็งงว่าพี่พลเป็นอะไร 

อาการมันเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ที่เคยเย็นก็ร้อนขึ้นเมื่ออยู่กับที่ตา พี่ตาเข้าใกล้พี่พลไม่ได้เลยพี่พลจะหงุดหงิดตลอดจนสังเกตได้ จนกระทั่งพี่ตาเห็นอะไรบางอย่างที่ชัดเจนขึ้น เมื่อมีอะไรบางอย่างลอยวนรอบๆพี่พลตลอดเวลา กลิ่นสาบก็ชัดจนเข้าใกล้ไม่ได้ แต่พี่ตาก็ทำเป็นไม่เห็น แน่ชัดแล้วว่าไม่ปกติ เพียงแต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร เพราะถึงเธอเป็นคนเห็นผีแต่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ 

วันต่อเพื่อนที่ทำงานบอกว่าเห็นพี่พลคุยกับแม่บ้านสาวคนนึงที่หลังโรงแรม แม่บ้านคนนั้นชื่อ สวย เป็นคนแถวอีสานใต้ ใบหน้าคมขำสวยในระดับหนึ่งเลยทีเดียว พี่ตาก็คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ก็คนทำงานด้วยกัน ปกติพี่พลไม่เคยเจ้าชู้ คบกันมา 10 ปี แต่งงานกัน 5 ปี ก็ไม่เคยนอกใจไม่มีเหตุผลที่ต้องสงสัย 

ญาณทิพย์ของพี่ตามีความพิเศษอีกอย่างคือ เสียงกระซิบบอกอะไรบางอย่างเช่น อันตราย เหตุการณ์ล่วงหน้า ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ช่วงนี้ก็ได้ยินแต่มัน ซ่าเหมือนวิทยุไม่มีสัญญาณเลย ฟังไม่รู้เรื่อง แต่พี่ตาก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดี ช่วงนี้พี่พลไม่กลับบ้านบ่อยมาก ไปรอที่ทำงานก็มีเรื่องให้ทะเลาะกันจนเพื่อนที่ทำงานรู้หมดว่าตอนนี้ทั้งสองมีปัญหา 

ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองตอนนี้พี่ตาพอจะรู้แล้วว่าพี่พลโดนเสน่ห์แน่ๆ เพราะใบหน้าที่หมอง กลุ่มควันและกลิ่นสาบที่ได้กลิ่นนั้นมันชัดเจนแล้ว เธอไปหาพระที่วัดที่พี่แกไปบ่อยๆ พระที่นั่นบอกว่า ที่พี่ตาพึ่งจะเห็นทั้งที่เป็นคนมีจิตสัมผัสเพราะว่า ของมันแรงมาก มันบังตาไว้ไม่ให้พวกมีวิชาด้วยกันรู้ พี่ตาไม่มีวิชาจึงยิ่งยากที่จะเห็นและรับรู้ แต่ตอนนี้ที่เห็นเพราะว่า คนที่ทำของนั้นกำลังเล่งเป้ามาที่พี่ตาด้วยเหมือนกัน พี่ตาคือเสี้ยนหนามของคนๆนั้น แต่เขายังไม่รู้ว่าพี่ตามาญาณทิพย์ ตอนนี้พอจะแก้ไขได้ต้องรีบ  แต่พระท่านก็ไม่รู้ว่าจะขัดกรรมได้ทันหรือไม่ ต้องพาพี่พลมาที่วัดให้เร็วที่สุด 

การพาพี่พลไปวัดครั้งนี้พี่ตาได้ชวนนกกับพี่ชัยไปเป็นเพื่อนด้วย ทั้งคู่เป็นผัวเมียกันและเป็นเพื่อนที่ทำงาน นั่นทำให้ทั้งคู่จึงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่พล และรู้ว่าพี่ตาเห็นวิญญาณ  พี่ตาและเพื่อนจึงต้องพาพี่พลมาหาหลวงลุงที่วัดให้ได้ แต่ไม่ทันจะได้คิดอะไรเมื่อถึงที่บ้าน พี่ตาก็ปวดท้องแทบจะตายลงตรงนั้น…

พี่ตาปวดท้องจนยืนไม่ไหว พออ้าปากร้องพี่ตาก็เห็นกลุ่มควันสีดำพุ่งเข้ามาหาแล้วเข้าไปในปากอย่างไม่ทันตั้งตัว พี่ตาล้มลง ท้องมันปวดแสบเหมือนไส้จะขาดให้ได้ สติของพี่ตากำลังจะหลุดลอย ก็พลันเห็นกลุ่มควันสีขาวรูปร่างคล้ายคนนับสิบยืนรอบตัวเธอ มือนับสิบคู่นั้นยื่นมาวางบนท้องพี่ตาแล้วกดลงไปที่ท้อง ก่อนที่กลุ่มควันสีดำนั้นจะพุ่งออกมาจากปากพี่ตา แกสะดุ้งตัวขึ้นแล้วอาเจียนลิ่มเลือดออกจากปาก ก่อนที่จะหมดสติไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นว่าแกนอนอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีเพื่อนทั้งสองคอยดูแลอยู่ 

พี่นกบอกว่า พอดีลืมของไว้ในรถพี่ตาจึงให้พี่ชัยพากลับไปเอา พอไปถึงก็เห็นพี่ตานอนสลบอยู่ที่หน้าบ้าน พี่ตาเล่าเรื่องให้พี่นกกับพี่ชัยฟัง พี่ตาบอกว่าจะต้องออกจากโรงพยาบาลตอนนี้ เพราะมีเรื่องต้องทำด่วน เมื่อออกจากโรงพยาบาลทั้งสามก็รีบไปที่โรงแรมไปหาแม่บ้านที่ชื่อ สวย เพื่อไปตามหาพี่พล เมื่อไปถึงพี่ตาก็พุ่งเข้าหา แม่บ้านคนนั้นทันที แกต้องการเจอสามีเพราะพี่พลไม่กลับบ้านมา 2 วันแล้ว 

สวยเอาแต่ร้องไห้ สวยบอกว่าสวยไม่รู้ แล้วสวยก็เล่าเรื่องให้ทั้งสามฟัง  วันนั้นสวยไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทำงานอยู่ต่างที่ เพื่อนก็พาเพื่อนเขามาด้วย เธอคนนั้นชื่อ นาง นางเป็นคนจังหวัดเดียวกันกับสวย นางสวยใช้ได้ทีเดียว และพวกเธอก็เห็นพวกพี่พล นางก็ดูสนใจพี่พลพอสมควร สวยก็บอกนางแล้วว่า พี่พลมีเมียแล้ว นางก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่นางได้เอาแก้วเหล้าไปชวนที่พลดื่ม แล้วคืนนั้นก็ผ่านไป 

วันถัดมาพี่พลมาบอกสวยว่า อยากเจอนาง สวยบอกว่าสวยไม่รู้ พี่พลดูน่ากลัวมากๆ สวยรู้สึกว่าพี่พลผิดปกติแน่ๆ สวยคิดว่าจะบอกพี่ตาแต่พี่ตาก็ไม่มาทำงานจนวันนี้  สวยบอกว่า “วันนี้พี่พลมาทำงานนะ” พี่ตาจึงรีบไปหาพี่พล แต่สิ่งที่พี่ตาเห็นคือ พี่พลนั่งอยู่กับผู้หญิงคนนึง แต่พี่ตาชะงักไม่เข้าไปหา พี่นกถามว่าทำไมไม่เข้าไป พี่ตาบอกว่าทำใจไม่ได้ที่เห็นสามีอยู่กับผู้หญิงอื่น พี่นกก็บอกว่า “ผู้หญิงที่ไหน ก็เห็นมันนั่งอยู่คนเดียว” 

คำพูดของพี่นกทำให้พี่ตารู้ได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร พี่ตาเดินออกมาโดยไม่เข้าไปหาพี่พล เพราะจะวางแผนพาพี่พลไปหาพระที่วัด พี่ตารีบขับรถกลับบ้านไปเอาสายสิญจน์ที่ใช้ห่อบาตรตอนที่พี่พลบวชรวมถึงของมงคลที่ใช้ตอนแต่งงานพี่พลเก็บไว้ โดยมีพี่นกไปเป็นเพื่อนด้วย แล้วรีบกลับมาที่ทำงาน โดยให้พี่ชัยเฝ้าพี่พลไว้ห่างๆ สิ่งที่กำลังทำพี่ตาก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลไหม แต่ในจิตบอกว่าให้ทำแบบนี้ดู 

สักพักมีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาหาพี่ตา เป็นเสียงของเด็กวัดพูดว่า หลวงลุงบอกว่า จะทำอะไรให้รีบทำ เพราะตอนนี้คนที่ทำของกำลังอ่อนแรง ผลบุญที่เราทำช่วยเราไว้จากคุณไสย วิญญาณที่เราช่วยส่วนนึงเขาไปอยู่ในภูมิดี มีอำนาจที่ช่วยเราได้ แต่บุญกรรมของใครของมันเขาช่วยอีกคนไม่ได้ 

พอพี่ตามาถึงโรงแรมก็ใช้สายสิญจน์ที่พันเป็นบ่วงคล้องคอพี่พล พี่ตาได้ยินเสียงกรีดร้องของใครบางคน เสียงร้องที่ทรมาน ไม่นานพี่พลก็เป็นลมสลบลง พี่ชัยก็หิ้วปีกพี่พลขึ้นรถไป ทุกคนก็เดินทางไปที่วัด  หลวงลุงบอกพี่ตาว่า อำนาจพุทธคุณและความสัมพันธ์ของใจที่อยู่ในตัวของโยมผู้ชายทำให้ สายสิญจน์นี้มีพลังดุจอาวุธทิพย์ที่ทรงพลัง แต่ก็แค่ทำให้หลุดจากภวังค์เท่านั้นของยังไม่ถูกถอน ต่อไปนี้ต้องอาศัยอำนาจพุทธานุภาพและบุญวาสนาของโยมทั้งสองช่วยกันแล้ว 

หลวงลุงบอกว่าท่านเคยเป็นคนเล่นของแต่ก็เป็นไสยขาว แต่พอรู้ว่าของดำที่อยู่ตัวนี้แรงนัก คนทำต้องการได้เขาจนไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นจะตายอย่างไร ทำให้โยมทั้งสองเข้าไกล้กันไม่ได้ด้วยมนต์ดำ พรุ่งนี้จะเป็นวันพระใหญ่ ขึ้น 15 ค่ำ หลวงลุงจะทำพิธีให้

ในวันนั้นทางวัดจัดแจงให้พี่พลนอนในโบสถ์ โดยมีพี่ชัยอยู่เป็นเพื่อน หลวงลุงสั่งปิดประตูหน้าต่างเพื่อไม่ให้พี่พลหนี เพราะเมื่อพี่พลรู้สึกตัวก็เรียกหาแต่ คนชื่อนาง ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าคนชื่อ นาง  เป็นต้นเรื่องทั้งหมด หลวงลุงได้ให้เด็กวัดสองคนเฝ้าหน้าประตูโบสถ์ไว้ เพื่อรอใครบางคนที่จะมาช่วยพี่ตาในครั้งนี้หลวงลุงช่วยได้แค่นี้ส่วนคนที่จะมาช่วยนั้นเป็นพี่ชายของหลวงลุง ซึ่งทางหลวงลุงได้ติดต่อไปหาแล้ว และเขากำลังรีบมา 

อรุณรุ่งมาเยือน วันทำพิธีก็มาถึง มีชีประขาวท่านนึงก้าวลงจากรถกระบะสี่ประตู แล้วเดินเข้ามาในศาลาการเปรียญ ที่ตอนนี้ได้เสร็จสิ้นจากการทำกิจวัตรประจำวันของวัดป่าเห่งนี้แล้ว ขณะนี้ในศาลามี พี่ตา พี่นก พี่ชัย และสวยที่ต้องติดสอยห้อยมาด้วยเพราะกลัว 

พี่ตายังเห็นกลุ่มควันลอยตามสวยตลอดเวลา ชีปะขาวได้นั่งลงกราบหลวงลุงแล้วหันมาทางพี่ตา และสวย ก่อนที่จะเอ่ยคำออกไปว่า “แม่หนูนี่(พี่ตา) แม่หนูนี่มีทิพยญาณวิเศษได้มาจากบุญเก่า อีกทั้งแก่กล้าจากบุญใหม่ มันผู้นั้นอยากฆ่าให้ตายก็ไม่ตายรอดมาได้ด้วยบารมีและวิญญาณดีเหล่านั้น แต่แม่หนูอีกคนถ้าช้ากว่านี้ได้ไปปรโลกแน่ เขาจะปิดปากไม่ให้ได้พูดอีก” สิ้นคำพูดดของชีปะขาว สวยก็ร้องไห้โฮออกมาทันที 

ชีปะขาวพูดต่อว่า “พ่อจะทำพีธีไล่ของพวกนี้ แต่มันจะต้องมีค่าครูสักหน่อยนะ” พี่ชัยได้ยินดังนั้นก็เริ่มโวยวายตามประสาคนใจร้อน พี่นกจึงร้องห้าม ชีปะขาวจึงพูดขึ้นว่า “แค่สลึงเดียวพวกเอ็งไม่มีกันเลยรึไง พี่ชัยถึงกับชะงักแล้วกล่าวขอโทษชีปะขาวและหลวงลุงที่ทำกิริยาไม่สุภาพใส่  

พิธีเริ่มขึ้น ตอนนี้พี่พลนอนหลับไม่ได้สติ พิธีนี้ทำกันที่ศาลาการเปรียญแห่งนี้นี่เอง  ชีปะขาวใช้สายสิญจน์ทำเป็นมงคลคล้ายเวลาแต่งงานรัดหัวพี่พลและพี่ตาไว้ ก่อนจะพูดว่า “ของต่ำนี้แรงนักมันเอาประจำเดือนให้กินทั้งผูกจิตให้หลงใหลมัวเมา ด้วยเหงื่อใต้ขาหนีบ เคยได้ยินวิชาหงส์ร่อนมั้ย หลายขนานเชียวนะนี่” 

ชีปะขาวทำพิธีต่อ ขณะที่ท่านสวดคาถา พี่ตาก็เห็นผู้หญิงคนนึงมายืนอยู่หน้าศาลา แต่คนอื่นไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนั้นเลย เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังก้อง  “มึงเห็นหนูสินะ มึงคงมีตาจิตวิเศษ มิน่าคุณไสยของกูจึงทำอะไรเมิงไม่ได้  นังเมียหลวง” เสียงนั้นก้องประสาท ก่อนที่ชีปะขาวจะพูดว่า “เอ็งมาแล้วรึนางแม่มด” ทุกคนจึงมองตามไป 

สวยสะดึงสุดตัว แล้วบอกว่า “นาง ใช่นางจริงๆด้วย” ก่อนที่นางจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “นังสวยคนต่อไปคือมึง อยู่ดีไม่ว่าดี เป็นคนดีมากก็เตรียมตัวตายได้เลย”  ชีปะขาวนำขันน้ำมนต์มาแล้วตักตรอกปากของพี่พล จน นาง กรีดร้องไฟลุกขึ้นตามตัว พี่ตาเห็นอะไรบางอย่าง วิญญาณที่พยายามที่จะยึดติดกับร่างพี่พล แต่ไม่ทันไร วิญญาณนั้นก็ถูกแสงสีทองมัดแล้วดึงออกไปแล้วแตกสลายไปกับตา สิ่งนี้คงมีแต่หลวงลุง ชีปะขาวและพี่ตาเท่านั้นที่เห็นมัน 

นาง ร้องอย่าเจ็บปวด ถึง นาง จะเก่งกาจแต่กับผู้มีวิชาชั้นครูนางก็แค่เด็กอนุบาล กลุ่มควันสีดำล่องลอยพันร่างกันโปร่งแสงของ นาง แล้วดึงกระชากหายไปในอากาศที่หมุนวนราวกับวังน้ำวน  ทุกอย่างสงบลง ชีปะขาวแนะนำให้พี่ตาพาพี่พลกลับบ้านไปหาพ่อแม่ แล้วนำน้ำล้างเท้าของทั้งสองให้พี่พลดื่มเพื่อล้างของให้สิ้นอย่าให้เหลือซาก 

หลังจากเหตุการณ์นั้นทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ สวยบอกว่า นาง ตายแล้ว เพื่อนเข้าไปเห็นนางอาเจียนเป็นเลือดนอนตายจมกองเลือดในห้องพักของเธอนั้นล่ะ และยังเห็นพวกโต๊ะบูชาอะไรไม่รู้น่ากลัวๆเต็มไปหมด 

พี่ตายังคงเห็นผีดั่งเดิมแค่ตอนนี้พี่พลรู้แล้วว่าทำไมพี่ตาจึงทำบุญบ่อยๆ พี่พลก็เริ่มเข้าวัดทำบุญถือศีล และเลิกเหล้าถาวร ตอนนี้พี่ตามีลูกสาวน่ารักเพิ่งลืมตาดูโลกไม่นาน  ชีวิตของคนเห็นผีก็ยังคงดำเนินไปอย่างดีเยี่ยมด้วยแรงบุญที่ช่วยกันสร้าง……

ที่มาจากผู้ใช้พันทิปนามว่า เสียงนกแสก  

Previous articleคืนกลับบ้าน
Next articleยุติการเผยแพร่