Home กฎแห่งกรรม ตามมาจากสี่แยก

ตามมาจากสี่แยก

ตามมาจากสี่แยก
ตามมาจากสี่แยก

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 22 ปีก่อน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ยังไม่มีสติรับรู้เพราะตอนนั้นผมอายุเพียง 1 เดือนเท่านั้น คุณพ่อคุณแม่มาเล่าให้ฟังครับ เรื่องมีอยู่ว่า ตัวผมเองนั้นเป็นคนจังหวัดตาก ซึ่งพ่อเป็นพนักงานของกรมป่าไม้ในเขตตัวเมืองตาก ส่วนแม่มีหน้าที่เลี้ยงผมกับพี่สาวที่มีอายุมากกว่ากว่าผมประมาณ 7 ปี 

วันที่เกิดเหตุวันนั้นตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2532 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 เดือนของผมพอดี วันนั้นคุณพ่อไปทำงานปกติ ซึ่งที่ทำงานพ่อจะอยู่ไกลจากบ้านพอสมควร 

คือถ้าออกจากบ้านต้องขับรถไปตามถนนในหมู่บ้านออกมาประมาณ 3-4 กิโล พอเจอถนนใหญ่ก็เจอสี่แยกที่เป็นที่ตั้งของศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน แล้วเลี้ยวขวาขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำปิงไปอีกเป็นโลครับ แต่วันนั้นมีข่าวร้าย คือคุณพ่อนั้นถูกให้ออกจากงานที่ทำ เพราะว่าเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว

ประมาณเวลา 2 ทุ่มกว่าๆพ่อผมก็ขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านพร้อมกับความเครียดเรื่องงาน จนมาถึงบริเวณสี่แยกที่มีศาล 

คุณพ่อจอดรถติดไฟแดงอยู่ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับแซงขึ้นไป และฝ่าไฟแดง เวลานั้นเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีรถแล้วครับ เป็นผู้ชายซ้อนมาก 2 คน พูดคุยหัวเราะกันดังมาก ผ่านหน้าพ่อผมไป ด้วยอารมณ์ของพ่อเลยพูดว่า 

“มันจะอารมณ์ดีอะไรกันนักหนาว่ะ กูยิ่งเครียดอยู่ รอให้แม่มตายก่อนแล้วกันเถอะจะหัวเราะไม่ออก” 

พอสิ้นคำพ่อพูดปุ๊บก็มีรถ 6 ล้อมาอีกทาง ชนมอเตอร์ไซค์คันนั้นเข้าเต็มๆ กลางสี่แยก พ่อตกใจลงจากรถ
ไปดู ปรากฏว่าคนขับเสียชีวิตทันที ส่วนคนซ้อนไปเสียที่โรงพยาบาล 

หลังจากเสร็จเรื่องราวแล้วพ่อก็ขับรถกลับบ้านโดยไม่คิดอะไร มาถึงบ้านก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับงานให้คุณแม่ฟังและก็ปลอบใจกัน

จนคุยกันไปสักพักแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าพรุ่งนี้เช้าจะต้องโกนผมไฟให้ผม พ่อก็เลยจัดแจงเดินไปที่คลองหน้าบ้านเพื่อจะไปตัดใบบัวเพื่อมารองเก็บผมไฟวันพรุ่งนี้ 

ในจังหวะที่พ่อเดินลงไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนตรงถนนทางเข้าบ้านแล้วก็พูดว่า “ที่นี่แหละ” แต่พ่อก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็ไปตัดใบบัวมาแล้วก็กลับเข้าบ้าน 

พอพ่อกลับเข้าบ้านปุ๊บ ผมที่กำลังหลับอยู่ก็สะดุ้งตัวตื่น (ตามคำบอกของแม่นะครับ) แล้วตื่นพร้อมกับร้อง
ไม่ยอมหยุด ร้องนาน 2-3 ชั่วโมง อาการเริ่มเปลี่ยนไป จากเสียงเด็กอ่อนปกติ เปลี่ยนเป็นเสียงใหญ่ขึ้นคล้ายเสียงผู้ชาย แล้วก็มีเสียงหลุดออกมาเหมือนบ่นอะไรสักอย่างจับใจความไม่ได้ จนน้าชายของผมทนไม่ไหวออกมาจากห้องนอนแล้วก็หยิบตะกรุดจากหิ้งพระมาใส่ให้ พอใส่ตะกรุดเท่านั้นแหละครับ ผมก็กลับไปหลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

พอตอนเช้าพ่อกับแม่ก็พาไปที่วัดเยื้องๆกับบ้าน เพื่อจะไปให้พระโกนผมไฟให้ พอไปถึงกุฏิหลวงพ่อ ก่อนเข้าไปหลวงพ่อบอกว่า
“โยมที่กดหัวเด็กอยู่น่ะ ปล่อยมือออกจากหัวเด็กก่อน” ซึ่งตอนนั้นมีแต่พ่อที่ถือพานธูปเทียนกับแม่พี่อุ้มผมอยู่ ไม่มีใครจับหัวผมเลยสักคน พ่อแม่มองหน้ากันแบบงงๆแล้วก็เดินไปหาหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ถามว่า “โยมไปทำอะไรเขาถึงตามโยมมา” พ่อก็บอกว่า “เปล่านี่ครับ ไม่ได้ไปทำอะไรเลย” หลวงพ่อก็เลยบอกว่า “ตอนที่เขาตายเขาหัวเราะไม่ออกตามที่โยมบอกให้เขาเป็นแล้วนะ” 

พ่อได้ยินก็ตกใจแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วก็ร้องไห้ หลวงพ่อก็เลยถามว่า “โยมคนนั้นที่ตามเขามาน่ะ อยากได้อะไรจากเค้าหรอ” แล้วก็หันมาบอกพ่อว่า “เขายังไม่ถึงที่ตาย เขารอจนกว่าจะมีคนให้เขาเกิด”

พ่อไม่เข้าใจครับ ก็เลยถามว่าหมายถึงอะไร หลวงพ่อก็อธิบาย “ว่าถ้าลูกของโยมคนนี้ยังอยู่ที่นี่ ต้องมีสักวันที่เขาต้องเอาลูกของโยมไปเป็นตัวตายตัวแทนในที่ที่เขาตาย เพื่อเขาจะได้ไปเกิด โยมพาลูกของโยมไปอยู่ที่อื่นเถิด ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บริเวณนี้ ห้ามพาเขาผ่านที่เกิดเหตุ ถ้าโยมทำได้ลูกโยมก็จะปลอดภัย แต่ไม่ได้จบแค่นั้นนะ ลูกโยมปลอดภัยก็แสดงว่าเขาจะต้องอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม ไม่ได้เกิด เขาก็ยังจะต้องรอจนกว่าลูกของโยมจะมีที่ให้เขาเกิดนั่นแหละ นั่นคือต้องรอจนกว่าโยมจะมีลูกอีกคน ” 

หลังจากคุยกันก็โกนผมไฟจนเสร็จแล้วก็กลับบ้าน พ่อผมยังไม่ได้เชื่อสนิทใจเลยพาผมกับแม่ไปหาปู่ที่มีวงปี่พาทย์แถวๆบ้านครับ
เขาบอกว่าเขามีองค์ ปู่คนนี้ก็พูดเหมือนกับหลวงพ่อองค์นั้นเปี๊ยบเลยครับ พ่อแม่เลยตัดสินใจเขียนจดหมายไปเล่าให้พี่สาวแม่ที่อยู่กรุงเทพฟัง

หลังจากนั้นประมาณอาทิตย์นึงก็ได้รับจดหมายตอบกลับ เขาตอบกลับมาว่าให้พาลูกมาอยู่ที่นี่กันเลย มาให้เร็วที่สุด 

วันรุ่งขึ้นเรา 4 คนพ่อแม่ลูกก็ได้เดินทางไปที่กรุงเทพฯกันเลยครับ แล้วก็อยู่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ไม่เคยกลับไปอีกเลย เรื่องนี้พ่อเล่าให้ผมฟังตั้งแต่ผมเริ่มจำความได้แล้ว คอยบอกให้ผมทำบุญให้คนคนนั้นเสมอ

จนทุกวันนี้ก็ผมยังทำอยู่ครับ แต่มันมีเรื่องแปลกอยู่อย่างครับ คือพอครบรอบวันเกิดผมทีไรผมจะฝันเห็นผู้ชายคนนึงที่ผมไม่รู้จักทุกครั้งเลยครับ แล้วก็เป็นคนเดิมทุกปี แต่เขาไม่ได้ทำอะไรผมนะครับ 

จนมาวันเกิดปีนี้ผมก็ฝันเห็นเขาอีกครั้ง แล้วเขาก็บอกว่า “ขอบคุณ” ผมก็ไม่รู้ว่าขอบคุณเรื่องอะไรนะครับ แต่หลังจากนั้น วันที่ 29 มกราคมผมก็เพิ่งรู้ครับว่าแฟนของผมกำลังตั้งท้อง 

ถ้าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ตอนนี้เขาคงมาเกิดเป็นลูกผมแล้วครับ ต้นเดือนหน้าก็มีกำหนดจะกลับบ้านที่ต่างกันครั้งแรกหลังจากไม่ได้กลับมาเลย 22 ปี เรื่องทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้แหละครับ…

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here