สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา หลังจากตัดสินใจอยู่นานว่าจะเล่าดีมั้ย เรื่องที่เราจะเล่าเป็นเหตุการณ์จริงที่เราและเพื่อนเจอด้วยกันโดยตรง ไม่มีการแต่งเพิ่มแต่อย่างใด เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ว่ากันนะคะ ..
เรามีกัน 6 คน เป็น ทอม3 (เจ,เอม,เอฟ) ดี้2 (ซี,จี) หญิง1(พี คือเราเอง) พวกเราตัดสินใจไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่ง เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน เราเป็นคนหาที่พักเอง เพราะเคยไปพักมาก่อนแล้ว
ตัวที่พักอยู่ใกล้หาดที่มีร้านอาหารยื่นออกไป ที่พักเป็นแบบหลังสำหรับพัก 2 คน เราเลยจองไป 3 ห้องซึ่งอยู่ติดกัน ตัวห้องพักจะติดกันทุกห้องเป็นระเบียงข้างหน้า ประตูเป็นแบบบานเลื่อนกระจกใสมองเห็นข้างนอก
เอมกับจีเป็นแฟนกัน เช่นเดียวกับเอฟและซี ส่วนเรากับเจเป็นเพื่อนกันไม่มีคู่เลยอยู่ด้วยกัน เอฟกับซีมีปัญหากันตั้งแต่ก่อนมาแล้ว..ซึ่งนี่แหละคือประเด็นสำคัญของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว..ช่วงกลางวันเราก็ไปเล่นน้ำกัน แต่ซีจะนิ่งไม่ค่อยมาเล่นด้วย เพราะโกรธกับเอฟอยู่ เราพยายามชวนมาเล่นด้วยกันแต่ซีก็ปฏิเสธตลอด
พอกลางคืนพวกเราก็ซื้อของมากินที่ห้อง รวมถึงแอลกอฮอล์ด้วย เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นปกติ ซักประมาณ 5 ทุ่ม เอมกับเอฟแยกไปดื่มกันต่อที่ร้าน ส่วนซีเมาเลยกลับไปนอนที่ห้องก่อน เราที่เหลือ 3 คนเลยนั่งเล่นกันต่อที่หน้าห้อง พอเที่ยงคืนกว่าเอมกับเอฟก็กลับมา ทุกคนเลยแยกย้ายกันเข้าห้องนอน.. เจเข้าไปอาบน้ำ ส่วนเรานั่งเล่นอยู่ ซักพักเอฟมาเคาะประตู บอกว่า ทะเลาะกับซีขอมาอยู่ด้วยนะ พอเอฟเข้ามาก็ปิดผ้าม่านเพื่อไม่ให้ซีเห็นว่าอยู่ที่นี่.
ไม่ถึง 10 นาที เราเห็นเงาซีเดินมาที่หน้าห้องแล้วเคาะประตูหนักมาก เรา 3 คนหันมามองหน้ากันว่าจะเปิดดีมั้ย แต่เอฟบอกว่า ยังไม่อยากเจอเพราะยิ่งคุยจะยิ่งทะเลาะกัน ขอพักก่อน ก่อนที่จะแย่ไปกว่าเดิม เรากับเจเลยตกลงตามนั้น
ซักแปปซีก็เดินไปทางห้องของเอมกับจี เราลุกไปแง้มผ้าม่านมองเพราะอยากรู้ว่าซีจะไปไหน ปรากฎว่าซีเดินไปทางระเบียงริมหาด (คือที่พักเราจะมีระเบียงยื่นไปชมวิว) เราก็หันไปบอกเอฟกับเจแล้วถามว่า ไปห้องเอมกับจีดีมั้ย? เผื่อเอฟอยากระบาย ทุกคนก็โอเค เราเลยไปห้อง 2 คนนั้นกัน พอเข้าไปเอฟก็เล่าเรื่องที่ทะเลาะให้ฟัง ส่วนเราคอยแง้มม่านดูซีตลอดว่ากลับมาหรือยัง ตอนนั้นเพิ่งตี 1 ต้นๆ จู่ๆก็มีเสียงหมาหอนกันระงม
เราก็เริ่มใจคอไม่ดีเพราะซียังไม่กลับมาเลย ต้องบอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนมีเซ้นส์ด้านนี้มากๆ ถ้าอะไรผิดปกติเราจะรู้สึกได้ทันที เราก็หันไปบอกคนอื่นว่า “พวกเมิง ซียังไม่กลับมาเลย ออกไปตามกันมั้ย” แต่เหมือนคนอื่นมัวแต่คุยกันเลยไม่ได้ยินเรา หมาก็หอนกันไม่หยุดและเหมือนมันดังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เราแง้มม่านดู ปรากฎว่าหมาหลายสิบตัวพร้อมใจกันมายืนอยู่แถวหน้าห้องพักเราเฉย ทั้งๆที่ตอนกลางวันแทบไม่เห็นหมาเลย เราก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี จนลุกขึ้นแล้วบอกคนอื่นด้วยเสียงที่ดังขึ้นว่า “กุออกไปตามซีก่อนนะ มันนานเกินไปแล้ว” คนอื่นก็หันมาโอเค แต่ไม่มีใครลุกมากับเราเลย ..
เราเลื่อนประตูออกไปใส่รองเท้าที่ระเบียง แล้วภาพที่เห็นคือหมาเยอะมากๆ แต่ที่น่าแปลกคือ ทำไมหมาถึงมาอยู่หน้าห้องที่พวกเราอยู่ห้องเดียว? แต่ตอนนั้นเราไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีหมาเยอะขนาดไหน เพราะเราเป็นห่วงซีมาก เรารีบเดินไปแต่พอเราก้าวเท้าลงจากระเบียงปุ้ป..เรารู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังจ้องตรงมาที่เราทันที มันเป็นความอึดอัดและรู้สึกว่าสายตานั้นมันจ้องเรารุนแรงมากๆ เราเริ่มรู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีแล้ว เราไม่กล้าก้าวเท้าเดินต่อ เรารีบหันหลังวิ่งเข้าห้องทันที ….
หลังจากที่เราวิ่งเข้าห้อง เราก็ยืนนิ่งๆ ทุกคนหันมามองหน้าเรา จนเจถามว่า “เป็นอะไรวะ แล้วซีล่ะ”
เราบอกว่า “เมิง หมาเต็มหน้าห้องเราเลย แล้วกูรู้สึกว่ามีใครจ้องกูอยู่ กูว่ามีเรื่องแล้วแน่ๆ รีบออกไปหาซีกัน” เอมก็พูดว่า “หมาอะไรของเมิงวะ” เราไม่พูดอะไรแต่หันไปกระชากผ้าม่านให้เปิดออก ทุกคนก็ตกใจเพราะหมามันเยอะมากจริงๆ สีหน้าเอมเปลี่ยนทันที เราก็บอก “รีบออกไปหาซีเหอะ” แต่พอออกไปไม่มีใครกล้านำเพราะกลัวหมา หมาทุกตัวหันมาจ้องพวกเรา เราเลยอาสาเป็นคนเดินนำเอง (พอดีเราห้อยสร้อยหลวงพ่อโตไว้)
เราเดินท่องคาถาป้องกันสิ่งไม่ดีของหลวงพ่อจรัญ(วัดอัมพวัน) ทุกคนเดินเกาะกันอยู่ข้างหลัง พอเราเดินไป หมาทุกตัวแหวกทางแล้วมองหน้าเราด้วยสีหน้าหวาดๆ ที่แรกที่พวกเรารีบเดินไปคือ ระเบียงริมหาด แต่กลับไม่เจอซีเลย ตอนนั้นมืดมาก มีแค่แสงไฟสีส้มสลัวๆข้างทาง
เราเปิดไฟฉายมือถือส่องหาซีกัน หายังไงก็หาไม่เจอ เราเลยพูดว่า “ซีอาจจะไปที่ห้องแล้วป่าว ลองไปดูที่ห้องกัน” ทุกคนก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้อง เอฟไขกุญแจเข้าไปที่ห้องแต่กลับไม่เจอซี เราเลยบอก “ลองไปหาแถวๆริมหาดมั้ย มันอาจจะไปนั่งอยู่แถวนั้น” (คือตรงนั้นจะมีหาดอยู่ เป็นหาดเล็กๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่โทรหาซี เอฟโทรหาตลอด แต่ซีไม่รับสายเลย)
พอไปถึงหาด หาดมืดสนิท ไม่มีแสงไฟเลย ทุกอย่างเงียบไม่มีแม้แต่ผู้คน เราก็คิดว่าคงดึกแหละเลยไม่มีใครออกมา ทุกคนแยกกันหาที่หาด เราเดินไปหาซีส่องไฟหาจนทั่วก็ไม่มี เราไปยืนหน้าต้นไม้ต้นนึงที่ริมหาด ตรงนั้นมีขวดเบียร์ที่คนทิ้งไว้ เราก็ส่องไฟหา ยังไงก็ไม่เจอ จึงวิ่งกลับมารวมตัวกัน
ตอนนั้นเครียดมาก เพราะจะตี 2 แล้ว (เออใช่ เอมเป็นคนมีครู มันเลยมีเซ้นส์เหมือนกัน แล้วเวลาของขึ้นมันจะมีลักษณะคำรามคล้ายเสือ) เอมพูดว่า “พวกเมิงรู้ใช่มั้ย ถ้าตี3 เรายังไม่เจอซี อะไรจะเกิดขึ้น” จีเลยเสนอว่า “ขี่มอไซค์เข้าไปหาในเมืองมั้ย” ทุกคนเลยวิ่งกลับไปที่ที่พักเพื่อเอามอไซ แต่เราคิดในใจว่า ซีมันจะไปทำอะไรในเมือง แล้วมันก็ไม่น่าไปไหนไกล ความรู้สึกของเราตอนนั้นคือ เรารู้สึกว่าซีอยู่ที่หาด แต่ในเมื่อหาไม่เจอ ก็ลองไปหาที่อื่นดูก่อนละกัน เอฟกับเจไปด้วยกัน เรา จีแล้วก็เอมไปกันอีกคัน (เรากับจีขี่มอไซค์ไม่เป็น)
พวกเราวนหากันจนทั่ว เลยไปแวะจอดเพื่อคุยกัน เราบอกว่า “กุว่าซีมันไม่น่าเดินมาขนาดนี้หรอก มันต้องยังอยู่แถวที่พักเว้ย!” ทุกคนก็รีบขับกลับไปที่ที่พัก
ระหว่างทางที่นั่งมอไซค์ ไปและกลับไม่เจอผู้คนเลย แล้วพอเราขับมาถึงตรงหาดก่อนถึงที่พัก คือตรงนั้นทางมันเป็นทราย แต่ยังขี่มอไซผ่านไปได้ แต่อยู่ดีๆมีหมาดำวิ่งมาจากไหนไม่รู้ วิ่งไล่มอไซค์พวกเรา เห่าไล่น่ากลัวมาก แล้วคือตรงทรายมันขี่เร็วไม่ได้ไง หมาตัวนั้นก็วิ่งมาเกือบจะกัดเจได้แล้ว แต่พอขี่มาถึงแถวช่วงกลางหาด มันหยุดชะงักแล้ววิ่งหายไปไหนก็ไม่รู้
แล้วจู่ๆมอไซค์ที่เรานั่งก็หยุด เอมที่เป็นคนขับทรุดลงไป เอมบอกว่า “ของกุจะขึ้น กุไม่ไหวแล้ว” จีรีบพยุงตัวเอมมานั่งที่ทรายก่อน เอมตัวสั่นมากๆ เรารีบตะโกนเรียกเอฟกับเจ ให้วนกลับมา ตอนนั้นเอมเริ่มมีเสียงขู่ในลำคอ มือจิกลงไปกับทราย แต่เอมยังมีสติบอกให้ เจกับจีช่วยกดหัวเอมลงให้ต่ำที่สุด เพื่อของจะได้ไม่ขึ้น
ตอนนั้นพวกเราเสียงดังกันมาก แล้วเราก็เหลือบไปเห็นว่า มีคนนั่งอยู่ริมกองไฟ แต่เขากลับไม่ได้มองหรือสนใจอะไรพวกเราเลย เหมือนเขาไม่เห็นพวกเรา เหมือนเราอยู่กันคนละโลกเลยตอนนั้น แล้วจู่ๆก็มีเสียงหอนดังมาจากตรงที่พัก เราหันไปหาเพื่อนเพื่อจะหาคนวิ่งไปดูด้วย แต่ตอนนั้น เอมของจะขึ้น จีกับเจช่วยกันกดหัว ส่วนเอฟพยายามโทรหาซี เราเลยหันไปบอก จีว่า “เดี๋ยวเค้ามานะ ขอวิ่งไปดูตรงที่พักก่อน”
เรารีบวิ่งไป แต่พอวิ่งไปเรื่อยๆเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันแปลกๆ เราโดนจ้องอีกแล้ว เราเริ่มหยุดวิ่ง แล้วหมาประมาณ 3-4 ตัว ก็เดินมาหาเรา เรารีบกำสร้อยหลวงพ่อโตไว้แน่น แล้วเริ่มสวดคาถาอีก เราเลือกวิ่งกลับไปหาคนอื่น แล้วบอกเอฟว่า ช่วยขี่มอไซค์ไปที่ที่พักหน่อย ซีอาจจะอยู่ที่นั่น จีหันมาบอกว่า “ไปกันก่อนเลย เดี๋ยวเอมดีขึ้นจะรีบตามไป” เรากับเอฟเลยรีบไปกันก่อน
เราได้ยินเสียงหมาหอนดังมาจากป่ารกๆข้างที่พัก เราบอกให้เอฟลองขับเข้าไป เราพยายามส่องไฟหา ตะโกนเรียกหาซีกันดังลั่น แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ เราเลยบอกให้กลับไปตรงที่พักก่อน เอฟไปจอดมอไซค์ แล้ว เอม จี เจ ก็กลับมาถึงพอดี เราเข้าไปดูที่ห้องพักกันอีกรอบ แต่ซีก็ยังไม่กลับมา …
พวกเราเลยเดินไปอยู่แถวๆระเบียงริมหาด ตรงนั้นมีโต๊ะหินอยู่ พวกเราเลยนั่งพักเอาแรงก่อน เวลาตอนนั้นมันเหมือนยาวนานมากๆ เหมือนคืนนั้นมีแค่พวกเรา เพราะคนที่พักอยู่ก็ไม่มีใครออกมาเลย ทั้งๆที่พวกเราก็เสียงดังอยู่ในระดับหนึ่ง
เอฟยังพยายามโทรหา ไลน์หา เฟสหา จีคอยดูแลเอมที่เหนื่อยมากๆจากของที่เกือบขึ้นเมื่อกี้ เจนั่งอยู่ข้างๆเรา เราทุกคนเหนื่อยกันหมด เอมก็พูดด้วยเสียงหอบๆว่า “มันจะ ตี3 แล้วนะ ถ้าเขาเอาซีไปซ่อนจริงๆ ซีจะไม่มีทางกลับมาได้แล้ว” เราช่วยไลน์หาซี แต่ซีก็ไม่ตอบ …
เราไลน์หาซี ซีก็ไม่ตอบ ตอนนั้นเราก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ลองเข้าไปดูที่ร้านอาหาร พวกเราเลยเดินลงบันไดเข้าไปที่ร้าน (เป็นร้านอาหารริมทะเล แบบกลางแจ้ง เลยไม่มีประตู เดินเข้าไปได้เลยค่ะ) พวกเราแยกกันหา ทั้งส่องไฟ ทั้งตะโกนเรียกก็ไม่เจอ เลยจะกลับไปที่โต๊ะหินตามเดิม พวกรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับไป เอฟนำขึ้นบันไดไป เราวิ่งตามขึ้นไป แต่จังหวะที่วิ่งขึ้นบันได เรารู้สึกว่าตรงนั้นมันเย็นยะเยือกมาก..
พอเรากลับไปนั่งกันที่โต๊ะหิน ..
เอมก็พูดว่า “อีพี เมื่อกี้เมิงไม่เห็นเหรอ”
เราก็งง ถามว่า “เห็นอะไรวะ”
เอมพูดกลับมาว่า “ก็เมื่อกี้ตอนเมิงวิ่งขึ้นบันได กุเห็นเขายืนอยู่ข้างๆบันไดเลย”
เราก็ตกใจ “เห้ย กุไม่เห็น แต่ตอนวิ่งผ่านกุรู้สึกว่าตรงนั้นมันเย็นวาบมาก”
แล้วอยู่ดีๆเอฟก็พูดขึ้นมาว่า “เห้ย ซีตอบเฟสกุมาแล้ว”
ทุกคนก็รีบไปหันไปสนใจเอฟ เอฟก็พูดข้อความที่ซีส่งมา
“ซีรักเอฟมากๆเลยนะ ขอโทษที่ทำแบบนี้ ดูแลตัวเองดีๆนะ ..”
เอฟก็รีบส่งข้อความไปหาซี แล้วจู่ๆโทศัพท์เราก็เด้งเตือนแชทไลน์
ซีส่งมาว่า “เรารักพีมากๆนะ ดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกัน ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอโทษนะ”
เรารีบพิมพ์ตอบกลับไปว่า “ซีอยู่ที่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้”
ซีบอกว่า “อยู่ที่หาด” แล้วส่งรูปภาพมา …
ภาพที่เราเห็นคือ ภาพที่สว่างเพราะแฟลช เป็นพื้นทรายที่มี “ขวดเบียร์ทิ้งแล้ว” อยู่ด้วย (คุ้นๆมั้ยทุกคน)
เราก็ร้องขึ้นมาเลย “เห้ยย! นี่มันตรงหาดตรงนั้นที่กุยืนหาซีนิ มันอยู่ตรงนั้น รีบไปเอาตัวมันมา”
ตอนนั้นอีกประมาณ 10 นาทีจะ ตี 3 แล้ว …..เอมยังแย่จากการที่ของขึ้น เหมือนพอของขึ้นแรงมันก็หมดฮวบไปเลย เอมเลยบอกว่า “กุขอไม่ไปนะ กุไม่ไหวจริงๆ” จีกับเจก็กลัว คือมันกลัวกันมาก เลยไม่ไป แต่ที่สำคัญคือมันต้องคอยอยู่ดูเอมด้วย เผื่อเอมของขึ้นอีก ส่วนเราตอนแรกก็จะไม่ไป เพราะรู้สึกจะหมดแรงแล้วเหมือนกัน เอฟเลยลุกขึ้นแล้ววิ่งไปทางหาดเลย เอมก็พูดว่า “เมิง มันต้องไปมีคนไปกับเอฟ ไม่งั้นเขาจะเอาเอฟไปด้วย!!” เราเลยรวบรวมแรงที่ยังเหลือลุกขึ้น แล้วบอกว่า “กุตามมันไปเอง”
คือตอนนั้นเอฟวิ่งหายไปแล้ว เราก็รีบตามไป จังหวะที่วิ่งเรากำสร้อยหลวงพ่อโตไว้ และเริ่มสวดบทพาหุง เราวิ่งไปสวดไป สวดออกเสียงนะ พอใกล้ถึงหาด เราได้ยินเสียงคนวิ่งตามมา เอม,จี,เจ วิ่งตามมา แต่ตอนนั้นเรานำอยู่ เราสวดไปมองหาซีไป ภาพข้างหน้ามืดไปหมด ไม่มีแสงไฟเลย ….
แล้วจู่ๆอะไรไม่รู้บันดาลให้เราเห็น .. “ซียืนอยู่กลางทะเล” ..
เราตะโกนลั่นสุดเสียง “เห้ยยย ซีอยู่ตรงนั้น!!” พูดจบเราวิ่งแบบไม่คิดชีวิต ต้องพูดเลยว่าไม่เคยวิ่งเร็วอะไรขนาดนั้นมาก่อน ตอนที่เราวิ่ง เราได้ยินเสียง พวก 3 คนนั้นพูดประมาณว่า “ไหนวะ ไม่เห็นเลย” แต่เราก็ยังวิ่งไป .. เราวิ่งลงไปที่ทะเลเลย ตอนนั้นตัวซีอยู่ในน้ำเกือบครึ่งตัวแล้ว แต่ตอนนั้นเราไม่ได้คิดถึงชีวิตเราเลย เราลงไปในทะเล แล้วไปกระชากตัวซี แต่ซีขัดขืน เราเลยกระชากมันขึ้นมาสุดแรง จังหวะนั้นเราเห็นเงาทะมึนสีดำอยู่ข้างหน้าซี เรารีบลากซีขึ้นมาที่ฝั่ง พอถึงฝั่ง เราจ้องหน้าซี ซีหน้าเหม่อลอยมาก เหมือนคนไม่มีสติ ..
เราตะโกนใส่หน้าซี “ทำแบบนี้ทำไม!!” แล้วพยายามเขย่าตัวซี ตอนนั้น เอม,จี,เจ วิ่งมาถึง เอมวิ่งมาตบหน้าซีทันที เพื่อให้ซีได้สติ ตอนนั้นเจเริ่มสังเกตเห็นอะไรผิดปกติ “เอฟหายไปไหน?” เอมก็พูดว่า “รีบหาเอฟให้เจอ ไม่งั้นเอฟจะโดนเอาตัวไป” เจก็รีบโทรหาเอฟ ตอนนั้นพวกเราก็รีบวิ่งขึ้นจากหาดไปที่หน้าที่พัก แล้วเอฟก็วิ่งออกมาจากร้านอาหารพอดี เราก็บอกว่า “ซีอยู่นี่ เจอซีแล้ว” เอฟรีบพุ่งเข้าไปหาซี แต่ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่า มันมีอะไรจ้องมาที่พวกเราอีกแล้ว แล้วพอมองนาฬิกา … อีก 2 นาที ตี 3 แล้ว …
พอเห็นว่าจะตี 3 เอมเลยบอกให้รีบเข้าห้อง ไม่งั้นแย่แน่ๆ พวกเรารีบวิ่งกลับไปที่ห้องพัก ระหว่างที่วิ่ง หมาก็เริ่มหอนไล่กันมาจากทางชายหาด รอบนี้หอนหนักกว่าตอนแรกที่เจอ เรารู้สึกได้เลยว่า เขาตามมา ทุกคนเข้าไปอยู่รวมกันที่ห้องของเรา แล้วเอมก็ขอสร้อยของเอฟมาเพื่อเอาไปห้อยไว้ที่หน้าประตู แล้วก็ปิดผ้าม่าน ตอนนั้นทุกคนตัวสั่นกันหมด แต่ซียืนอยู่นิ่งๆ หน้าเหม่อลอย จีบอกให้ซีนั่งลงก่อน จู่ๆซีก็ร้องไห้โฮ..เอฟก็เข้าไปปลอบ
เอมพูดว่า “หยุดร้อง เพราะเนี้ยเมิงจิตตก เขาเลยจะมาเอาเมิงไป” …
เราคอยมองเวลาตลอด ตอนนั้นตี 3 กว่าๆ (ไม่เกิน ตี3.10) .. หมาก็ยังหอนกันไม่หยุด แบบหอนกันระงมมากๆ เราก็รู้สึกถึงแรงกดดันมาจากหน้าห้อง เรากับเอมหันมามองหน้ากันทันที เพราะ รู้สึกพร้อมกัน .. เราพูดว่า “พวกเมิง..เขามาอยู่หน้าห้องเราแล้ว แต่เขาเข้ามาไม่ได้” ทุกคนก็ยิ่งจิตตก ลนลานกันมาก เราเลยบอกว่า “คนที่ยังไหว มานั่งสวดมนต์กับกุหน่อย”
เราไปนั่งพนมมือที่หน้าประตูห้อง (แต่ปิดม่านไว้นะ) แล้วเอมกับจีก็มานั่งข้างๆเรา ส่วนเอฟกับเจนั่งปลอบซี เราบอกให้ จีกับเอม สวดบูชาพระรัตนตรัย พาหุง บทแผ่เมตตา เราช่วยกันสวดแต่เรารู้สึกว่า ยิ่งสวดเหมือนเขายิ่งต้าน เขาไม่รับเลย เขาต้านเราหนักมากๆ เหมือนกับเขาอาฆาตแค้น …
เราสวดไปเรื่อยๆจนเราเริ่มเหนื่อยหอบ มือสั่นไปหมด เหมือนจะหมดแรง เอมเป็นเหมือนเราแต่เอมหมดแรงก่อน เอมบอกว่า “กุฝากสวดต่อด้วยนะ กุต้านไม่ไหวแล้ว” จีเลยหยุดสวดแล้วหันไปดูแลเอม เอมนั่งหอบเหงื่อแตกตัวสั่นไปหมด เราหันมาสวดต่อให้จบ แต่เหมือนเขายิ่งต้านกลับมาเรื่อยๆ … เราเลยเริ่มสวด “บทชินบัญชร ของหลวงพ่อโต”
พอเริ่มสวดแรงต้านก็ยิ่งเริ่มหนักขึ้นเหมือนเขาโมโห เราพยายามฝืนแรงต้านสวดจนจบ พอสวดจบเราทรุดไปกับพื้นเลย..มันเหนื่อยมากๆ แต่เขาก็หยุดต้าน..และแรงกดดันที่รู้สึกมันก็หายไป เราหันไปมองหน้าเอม..เขาหยุดแล้ว
เราเลยลุกไปหาซีกัน .. ทุกคนไปนั่งรวมกันอยู่บนเตียงหมด ซีนั่งจ้องหน้าเรานิ่งๆ เราเลยพูดว่า “อย่าจ้องงี้ดิซี กลัวนะเว้ย” ..คือหน้าซีตอนนั้นที่เรามองอ้ะ มันไม่เหมือนซีมันเหมือนใครก็ไม่รู้ เราก็คิดในใจเขาเข้ามาไม่ได้สิ พระก็ห้อยอยู่ หลวงพ่อโตก็มี ..
เรารู้สึกแปลกๆเราเลยถามว่า “เอฟพระที่เอาไปห้อยไว้ที่ประตูพระอะไร”
เอฟบอกว่า “ซีเป็นคนให้พระนี้มา”
เราถามซีว่า “นั่นพระจริงหรือพระปลอม”
ซีก็พูดเสียงแผ่วๆว่า “ไม่รู้ ตอนนั้นซื้อสร้อยมาแล้วเขาแถมพระให้”
เราก็พูดว่า “ห๊ะ ซื้อที่วัดหรือยังไง เขาปลุกเสกหรือยัง”
ซีก็บอกว่า “ไม่รู้เหมือนกัน” … ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
เราเลยบอกว่า “ไม่เป็นไร ยังมีหลวงพ่อโตอยู่ พวกอย่างนั้นกลัวหลวงพ่อโตกันอยู่แล้ว มันไม่กล้าหรอก”
แล้วจู่ๆ.. ตี 3:33 เสียงหมาหอนกันดังกระหึ่มขึ้นมาอีก รอบนี้หนักกว่าทุกรอบที่ผ่านมา .. (มีความเชื่อที่ว่า ช่วงตี3 สิ่งนั้นพลังเขาจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ละยิ่งช่วง ตี 3:30 ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่พีคที่สุด)
เรามองหน้าเอมแล้วพูดว่า “มันกลับมา” … เอมก็เครียด ทุกคนก็มานั่งเกาะกันเอาไว้ เราเริ่มสวดบทชินบัญชรอีก และ เปิดรูปหลวงพ่อโตเอาไว้ด้วย เราพยายามสวดต้าน แต่รอบนี้แรงต้านเขากลับหนักขึ้นๆๆๆ เรากำสร้อยพระเราไว้แน่น ขอร้องให้หลวงพ่อช่วยคุ้มครองพวกเรา…
พอ ตี 3:45 หมาก็หอนกันระงมอีกรอบ แรงกดดันก็ยังมีอยู่ไม่หยุด เขายังไม่ยอมไปไหน เหมือนเขาจะมาเอาซีไปเป็นตัวตายตัวแทนของเขาให้ได้ เราก็ได้แต่สวดๆๆๆ ขอร้องให้ผ่านพ้นไปซักที .. จนประมาณ ตี 3:55 แรงกดดันหายไปแบบหายไปเลย ความรู้สึกที่มันแน่นอยู่ในอกก็หายไป “เรากับเอมถอนหายใจออกมาพร้อมกัน” .. เราพูดว่า “มันจบแล้ว เขาไปแล้ว” …
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้านอนหลับ มาหลับกันได้ตอน 6 โมงเช้าที่ฟ้าสว่างแล้ว … เราตื่นกันมาประมาณบ่ายโมง เราไปคุยกับซีเรื่องเมื่อคืนว่าทำไมเมื่อคืนถึงไปอยู่ตรงนั้น ซีเล่าให้ฟังว่า …
หลังจากทะเลาะกันกับเอฟ ซีก็ร้องไห้อยู่ในห้อง แล้วพอเอฟออกไป ซีเลยออกไปเดินหาเอฟ แต่หาไม่เจอ เลยจะเดินไปทางหาดเพื่อไปหา แต่ยังไม่ทันจะเดินไป ก็มีลุงคนนึงเดินมาหาแล้วบอกว่า “หนูอย่าเดินไปเลย มันดึกมากแล้ว มันอันตราย” แล้วลุงก็เดินจากไป .. ซีเลยจะเดินกลับห้องแต่จู่ๆมันก็รู้สึกแย่ แย่ไปหมด เศร้ามากๆ เหมือนโลกนี้จะหายไป ..แล้วซีเลยเดินไปนั่งที่ชายหาดใต้ต้นไม้นั้น
เราก็แปลกใจถามซีไปว่า “นั่งอยู่ตรงนั้นตลอดเลยเหรอ?”
ซีบอกว่า “ใช่ นั่งอยู่ตลอด ตอนพวกพีมาที่ชายหาด เราก็เห็น แล้วตอนนั้นพีก็มายืนข้างหน้าเรา พียังส่องไฟฉายมาที่เราเลย”
เราก็บอก “บ้า ตอนนั้นมันไม่มีใครเลยนะ เราไม่เห็นซีเลย.. แล้วทำไมไม่เรียกพวกเรา”
ซีบอกว่า “เราก็งง ว่าทำไมพีไม่เห็นเรา เราพยายามเรียกแล้ว แต่เราไม่มีเสียง”
เราก็ถามว่า “แล้วทำไมถึงไม่กลับห้อง ทำไมไปนั่งอยู่แบบนั้น”
ซีบอก “มันอยากนั่งอยู่ตรงนั้น ไม่อยากไปไหน ไม่อยากทำอะไร”
ซีเล่าต่อว่า ตอนที่พวกเราขี่มอไซค์กลับมาแล้วเอมของขึ้น ซีก็เห็นทั้งหมด ซีบอกว่าแสงไฟจากหน้ามอไซยังฉายมาที่ซีเลย แต่เหมือนไม่มีใครเห็นซี … เราก็บอกแล้วทำไมอยู่ดีๆจะลงทะเลไป คิดอะไรอยู่ตอนนั้น ซีบอกว่า ตอนนั้นเหมือนไม่รู้สึกตัว จำไม่ได้ว่าทำไมถึงเดินลงไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พีมากระชากตัวขึ้นไปที่ฝั่ง ..
ตอนนั้นคนอื่นก็เริ่มมานั่งฟังด้วย แล้วเอมก็เลยพูดขึ้นมาว่า..
“เออ อีพี ตอนนั้นที่เมิงบอกว่า ซีอยู่ตรงนั้น แล้วเมิงวิ่งไป กูไม่เห็นซีเลยนะ กูเห็นเมิงวิ่งไปที่ทะเลโล่งๆ แต่พอเมิงจับตัวซีขึ้นมาที่ฝั่ง กูถึงเพิ่งเห็นซี”
เราก็งง มันจะไม่เห็นได้ไง ตอนนั้นเราเห็นซีเต็มสองตา เราเลยถาม จีกับเจที่อยู่กับเอมว่า “แล้วพวกเมิงเห็นซีมั้ย” มันสองคนบอกเหมือนกันว่า ไม่เห็น เห็นอีกทีก็ตอนที่เราลากซีขึ้นมาที่ฝั่งแล้ว … เราเลยคิดว่าเป็นเพราะเราห้อยหลวงพ่อโตเอาไว้หรือป่าว เราเลยเห็นซี แล้วไปช่วยซีออกมาได้ เพราะตอนนั้นเราก็เห็นว่าเขาอยู่กับซีที่กลางทะเล แต่เขาคงทำอะไรเราไม่ได้ เพราะเรามีหลวงพ่อโตอยู่ … แต่สิ่งที่ทุกคนแปลกใจก็คือ แล้วลุงคนที่เดินมาเตือนซีคือใคร เอมเลยเดาว่า อาจจะเป็นเจ้าที่ที่คุ้มครองที่นี่ก็ได้ เพราะคนแก่ที่ไหนจะมาเดินตอนดึกขนาดนั้น …
หลังจากกลับจากเกาะนั้นแล้ว..เราก็ไปทำบุญ ถวายสังฆทานไปให้เขา ไม่รู้หรอกว่าเขาจะรับบุญนั้นมั้ย แต่เราก็อยากอุทิศบุญกุศลไปให้..
นี่เลยเป็นเหตุการณ์ที่ติดอยู่ในใจเรามาตลอด เราไม่รู้ว่าถ้าเกิดเราช่วยซีกันไม่ทัน มันจะเป็นยังไง .. เราเลยอยากฝากทุกคนไว้เป็นอุทาหรณ์ว่า ถ้าไปเที่ยวกันต่างที่ อย่าปล่อยใครคนใดคนหนึ่งเดินไปไหนคนเดียวดึกๆแบบนี้ ..เพราะอาจจะไม่โชคดีเหมือนกับพวกเรา ..
***เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะที่พักนั้นไม่ดีนะคะ แต่เป็นเพราะ ซีอยู่ในช่วงที่จิตตกมากๆ เขาเลยมาครอบงำซีไปได้ง่ายๆ ..