คืนวันหนึ่ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึก ผมมองดูหน้าจอมือถือ เห็นชื่อขึ้นว่า ปู่ ก็ทำให้ผมรู้ทันทีว่า ปู่ผมโทรมา “มีอะไรครับปู่ โทรมาดึกเลย” พอรับสาย ปู่ ก็ทำให้ผมต้องรีบเดินทางตั้งแต่ไก่โห นั่งรถไป หูก็ยังแว่วได้ยินเสียงที่ปู่บอก เหมือนพึ่งวางสายไปเมื่อกี้ “เอ็ง มาช่วยปู่หน่อยเถอะวะ”
ชายวัยชรา หงำเหงือก เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง พูดแบบขอร้องจริงจัง ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงแกจริงๆ ยากนักที่ปู่จะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือกับใคร
ผมเอง ช่วงวัยเด็ก ถ้าถึงเวลาปิดเทอม พ่อมักจะพาผมไปหาปู่ แล้วก็ฝากผมไว้ให้ปู่ช่วยเลี้ยง จนกว่าจะเปิดเทอม พ่อถึงจะมารับกลับ
ช่วงที่อยู่กับปู่ ผมก็สร้างวีระกรรมไว้เยอะพอสมควร ทั้งดื้อทั้งซน จนปู่แทบจะเอาไม้ไล่ตีก้น บางทีแอบเล่นซุกซน เอาไก่ตีที่ปู่หวงนักหวงหนา ไปเล่น ตอนนั้นนึกได้ไงไม่รู้ เอาสีน้ำที่ปู่ซื้อให้ ไปทาที่ปีไก่ ให้เป็นสีเขียว จากไก่ที่มีขนแดงแซมขาว กลายเป็นไก่ ขนแดงแซมเขียว ปู่มาเห็น แกก็ถึงกับ จะเป็นลมเลย โตมา หลังๆ มีโอกาสไปเยี่ยมปู่บ้าง แต่ไม่ค่อยได้อยู่กับปู่นานๆเหมือนเมื่อก่อน
เดินทางมาได้สักพักใหญ่ๆคิดอะไรเล่นเพลินๆ จนเกือบบ่ายสี่โมงเย็น รถก็มาถึงขนส่ง ผมโทรหาปู่
ปู่บอกให้ไปหาแกที่วัดเลย พอเดินทางไปถึงวัด เห็นปู่กวักมือเรียกให้ผมรีบๆไปหาแก พอเดินเข้าไป ผมก็เริ่มสังเกตมองเห็น บรรยากาศรอบๆข้าง มีคนไม่กี่คน สวมชุดดำยืนไว้อาลัยให้กับโลงทึบๆสีดำๆ ไม่ทันได้ถามอะไร ปู่ก็ใช้ผมไปทำโน่นยกนี่ ตามที่แก่สั่ง
ศพที่ผมเจอคนยืนไวอาลัยอยู่ เป็นศพที่ปู่ผม จัดแจงพิธีกรรมเสร็จแล้ว แล้วญาติจะยกศพไปทำพิธีต่อตามความเชื่อ ใช่แล้ว ปู่ผมแกเป็น สัปเหร่อ อยู่ที่นี่ ผมเคยมาช่วยปู่บ้าง ช่วงที่ ว่างๆ เพราะอยากรู้ว่า เขาทำกันยังไง และปู่เองก็สอนอะไรหลายๆอย่างให้ผม จนแทบจะเรียกได้ว่า ทำทุกอย่างแทนปู่ได้เลย
ปู่พาผมเดินเข้าไปข้างใน ยังมี ศพรอทำพิธีอยู่อีก สามศพ สีหน้าปู่ ซีดๆ เหมือนคนยังไม่ได้หลับไม่ได้นอน และดูปู่จะรีบสั่งให้ผมไปช่วยจัดศพ ที่เหลือ เตรียมของต่างๆ ก่อนที่ผมจะเอ่ยปากถามเสียอีก
ศพแรกถูกยกใส่โลงศพแล้ว ยังเหลืออีก สองศพที่ คนใส่ชุดดำ สองสามคนตรงนั้น พากันบรรจุร่างลงใส่โลงอยู่
วินาทีนั้น ผมได้แต่สังเกตดูที่ศพมากกว่า ที่จะถามว่าเสียชีวิตเพราะอะไร แต่ละศพหน้าขาวซีด แต่งชุดดำอย่างหรู นอนสงบนิ่ง คนที่มากับศพ ดูรีบๆร้อนๆ มีศพที่ กำลังเอาเข้าโลง ผมเข้าไปช่วยพยุง จัดแจง เอามือสอดเข้าไปจับที่ไหลศพ พอจัดแจงได้ที่ ผมก็หันกลับไปเตรียมของมาบรรจุตามพิธีกรรม แต่พอจะเอื่อมมือไป หยิบของ ก็สังเกตเห็น ที่ปลายนิ้วชี้ มีเลือดติดอยู่ ดีนะที่ใส่ถุงมือ
เอ๊ะ เลือดอะไร มาติดที่ถุงมือ ผมก็เลยหันไปมองที่ศพนั้น นอนนิ่งหน้าขาวซีด อยากบอกนะ ว่าเลือดซึมออกมาจากไหลเขา ผมได้แต่คิดอยู่ในใจ
พอถยอยเลื่อนศพไปเข้าพิธี กับปู่ จนถึง ศพที่สาม อยู่ๆก็มีรถตู้สีดำ สามคัน วิ่งเข้ามาตรงลานจอด แถวๆใกล้ๆกับที่ผมจัดเตรียมการ แล้วก็มีชายร่างสูงใหญ่ พากันลงมาจากรถ แล้วก็เปิดท้ายรถตู้ ดึงโลงสีดำออกมา
เฮ้ย.. มีอีกหรือ ชายร่างใหญ่หลายคน ยกอะไรบางอย่างที่มีผ้าคลุมปิดอยู่ ออกมาจากรถ แล้วก็มีคนที่อยู่อีกคัน ยกโลงศพตามมา ผมได้แต่ยืนดูแบบ งง นับสิ่งที่เขาขนมา ในผ้าคลุมนั้นได้ 5 ศพ และโลงอีก 3 โลง
ช่วงที่กำลังขนอยู่ ก็มีรถมาจอดอีก แล้วก็ขนโลงลงมาอีก 2 ผมรีบเดินไปหา ปู่ ที่กำลังทำพิธีอยู่ “ปู่ มีมาอีกแล้ว 5 ศพ” ปู่หันมามองหน้าผม เหมือนตกใจเล็กน้อย นี่ปู่ยังไม่ได้พักเลยตั้งแต่เมื่อคืน ผมก็ตกใจเเลย
“จริงหรือปู่ มันเยอะขนาดนั้นเลยหรือ”
ปู่ทำหน้าแบบ งงๆ ไม่รู้จะตอบผมยังไง แล้วปู่ก็ให้ผมไปช่วยจัดแจง เตรียมของ เตรียมบรรจุศพก่อน
ผมรีบกลับเข้าไปด้านหลัง จัดแจง ตามที่ปู่บอก ให้ไวที่สุด
ชายที่อยู่ก่อนหน้าที่ผมจะมา เขาบรรจุศพคล่องขึ้น ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นชายที่นอนอยู่ในโลงนั้นหน้าขาวซีด แต่ที่หูมีรอยเย็บ เหมือนหูฉีกขาด แล้วพอดูศพต่อไป ผมก็ชะงักเลย ตรงแถวๆกลางหน้าผาก มันเหมือนมีลอยอะไรปริบๆ ถูกปิดด้วย แป้งแต่งหน้าศพ คลายๆรอยกระสูนเลยครับ เฮ้ย.. อยากบอกนะว่า ศพพวกนี้ถูกยิงมา
แล้ววันนั้นทั้งวัน มีศพสภาพแบบนี้ ถยอยมากันเป็นระลอก ขนมา 2 ศพบ้าง 3 ศพบ้าง จนผมล้าไปหมด
ปู่เองก็เกือบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ในใจผม อยากจะถามพวกนั้นจริงๆว่า ไปขนมาจากไหนกัน แต่ต้องควบคุมอารมณ์ไว้
ช่วงบ่าย รู้สึกจะทิ้งช่วงไประยะหนึ่ง พอมีเวลาให้ผมกับปู่ได้นั่งพักบ้าง
“ปู่นี่มันอะไรครับ ศพพวกนั้นมาจากไหนครับ”
ปู่ ได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็บอกว่าไม่รู้ บอกแต่ว่า กลางดึก มีคนมาปลุกปู่ให้ไปจัดแจงศพพวกนั้น แล้วศพก็ถูกขนกันมา นาทีต่อนาทีเลย มันเยอะจริงๆ เยอะมากๆ จนปู่ก็ไม่กล้าถาม โห ผมฟังปู่เล่าแล้ว ยังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ประหลาดพวกนี้เลย
ผมนั่งคุยกับปู่ไปสักพัก ก็มีถยอยมาอีกศพ แล้วก็ทิ้งห่าง เงียบไป จนเกือบๆ บ่ายสี่โมงเย็น รู้สึก จะไม่มีศพมาเพิ่มอีกแล้ว พวกนั้นเงียบหายไป ผมกับปู่ก็เลยกลับไปที่บ้าน พักผ่อน
พอถึงบ้าน ให้ปู่นอนพัก ผมก็เลยเอารถมอไซค์เข้าไปในเมือง จะไปซื้อของกินในตลาดมาให้ปู่ พอเข้าไปในเมือง ระยะทางก็ไกลพอสมควร เย็นมากเลย และกว่าจะซื้อของกินเสร็จก็มืดพอดี ช่วงกำลังขี่มอไซค์กลับ ตอนนั้นกำลังจะถึงแยก แยกหนึ่งในเมือง อยู่ๆก็ได้ยินเสียง เอี๊ยดอาด เอี๊ยดอาด เสียงดังออกมาจากทางข้างหน้า แล้วอยู่ๆก็มีรถแวนคันหนึ่งพุ่งพรวดออกมาจากในซอย ตัดหน้าผมกระทันหัน ผมเบรครถอย่างไว จนล้อหลังยกขึ้นหน้าผมทิ่มลงไปด้านหน้า แล้วก็มีรถอีกคันโผล่มาในซอย ชนเข้าที่ท้ายรถผม
ผมตกใจมาก ร้องเสียงดังออกมา ร่างผมกระเด็นไปพร้อมรถมอไซค์ กระแทกเข้ากับหลังรถแวนที่โผล่มาคันแรก กระจกหลังแตก ร่างผมตกลงไปนอนอยู่ข้างหลังรถแวน มอไซค์ร่วงตกลงไป
ผมตกใจมาก พยายามจะลุก แต่ร่างผมก็เหวียงไปเหวียงมากตามแรง เร่งคันเร่งของรถ แล้วเสียงดัง ปัง ดัง เปรี้ยง ก็ระงมอยู่รอบๆตัวผม จนผมต้องรีบหมอบ เอามือปิดหัวไว้ ใจผมเต้นระทึกมาก นี่มันเรื่องอะไรวะ
รู้สึกเหมือนรถคันนี้จะถูกใครไล่ยิงตามหลังมา ผมพยายามหาที่ยึด แล้วก็ หาที่หลบ ทำตัวให้เงียบที่สุด เพราะกลัวคนในรถจะยิงผม แต่เสียงรถที่เร่งสปีดเต็มพิกัด ก็ทำให้ผมแทบจะหัวใจวายตาย เสียงยิงสวนกันไปมา จากรถคันที่ผมอยู่ กับรถคนที่ไล่ตามหลังมา ดังขึ้นเป็นระยะ ระยะ รถขับซ่ายไปมา อย่างแรง
สักพักใหญ่ ก็ได้ยินเสียงดังปังจากรถที่ผมอยู่ ทิ้งช่วงไปสักพัก ก็ได้ยินเสียง โครม ดังมาจากข้างหลังรถที่ผมอยู่ ผมลืมตามมองไป เห็นแต่แสงไฟอะไรแดงๆวาบขึ้นมา แล้วหลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้ยินเสียงรถตามมาแล้วครับ ทำให้ชายคนที่ขับรถอยู่ ชะลอความเร็วลง
ขับมาได้สักพักใหญ่ รถมาจอดนิ่ง อยู่ที่ที่หนึ่ง คนขับเดินมาเปิดท้าย มองดูผม ผมรีบหลับตา ขอร้องว่าอย่ายิง อย่ายิง เขาบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว ผมเลยค่อยๆลืมตา มองเขา เห็นเป็นชายคนหนึ่งใส่สูทดำ มือข้างที่ถือปืนอยู่ กำลังจับต้นแขนอีกข้างอยู่ เหมือนเขาจะถูกยิงที่แขนครับ เขาควักมือ บอกให้ผมลงจากรถ
พอลงมาจากรถ มองรอบๆตัว มันเป็นที่เปลี่ยวๆ มืดๆ ข้างหน้าเหมือนมี โกดังอะไรสักอย่าง เขาบอกให้ผมเดินเข้าไปในโกดัง นั้น
ผมรู้สึกกลัวมาก ได้แต่ทำตามที่เขาสั่ง แล้วก็เข้าไปในโกดัง ด้วยการมุดเข้าไปตรงกำแพงไม้ที่มันผุ พอเข้าไปข้างใน เขาก็เปิดประตูด้านหน้าโกดัง แล้วก็พูดกับผมประมาณว่า เขาต้องการให้ผมช่วยทำแผลให้เขาหน่อย ผมได้แต่ ยืนนิ่งแล้วก็พยักหน้า
แล้วเขาก็เดินไปขับรถ เข้ามาในโกดัง แล้วก็ปิดประตูโกดัง ข้างในมันมืดมากไม่มีไฟฟ้า เขาเอาไฟฉายลงมาจากรถ พร้อมกับหยิบขวดเหล้ามาด้วย ให้ผมช่วยถือไฟฉายไว้ แล้วเขาก็ถอดเสื้อออก จนผมเห็นแผลเป็นรอยกรีดยาวตรงต้นแขน กระสูนน่าจะถากเนื้อเขาไป เลือดไหลออกมาไม่ยอมหยุด
เขาให้ผมฉีกเสื้อเชิ้ตเขาตรงแขน ให้เป็นเศษผ้ายาวๆ เอาชุบเหล้าแล้วก็เช็ดเลือดออก แล้วก็ฉีกมาอีก มัดรอบแผลไว้ ผมบอกเขาว่า แผลใหญ่มากนะ ต้องเย็บ เขาก็บอกว่า เดี๋ยวรุ่งเช้าเขาก็จะไปต่อแล้ว
ผมเห็นเขานั่งหายใจดูอิดโรย เลยนึกขึ้นได้
อ้อ ผมมีของกินนะ พอดีพึ่งไปตลาดมา ก่อนจะเจอรถชน ผมทำท่าจะลุกขึ้นไปที่รถ เขามองหน้าแล้วก็พยักหน้า ผมก็รีบไปตรงหลังรถ แล้วก็มองหาถุงกับข้าว ถุงขนมที่ซื้อมา ที่หล่นอยู่ในรถ แล้วก็รีบถือมานั่งลงข้างๆเขา ค่อยๆแกะถุงออกมา ส่งให้เขาเลือก แล้วผมกับเขาก็นั่งกิน อาหารด้วยกัน
วินาทีนั้น ความอยากรู้ผมก็ผุดขึ้นมาเลย ทำไมเขาถึงมาไล่ล่าคุณ เขาก็บอกว่า พวกมันคงโกรธที่ลูกพี่มันโดนยิงตายมั้ง ผมก็รีบถามต่อ พวกมันมากันกี่คน เขาก็บอกว่า ไม่รู้สิ แต่ที่แน่ๆ พวกมันตายไปแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบ
หา..! วินาทีนั้น ภาพศพที่ผมเห็น แว๊บขึ้นมาเลย ศพพวกนั้น คุณเป็นคนฆ่าเขาเองหรือ เขาหันมามองผมแบบ งงๆ ผมก็เลยบอกเขาไปว่า “พอดีปู่ผมเป็นสัปเหร่อที่ที่คนตายพวกนั้นถูกส่งไป” เขาหันไปถอนหายใจ “ใช่ เป็นฝีมือของเขาเอง” เขาพูดแบบยอมรับ
วินาทีนั้น ทุกอย่างเงียบลง เพราะผมไม่อยากจะถามอะไรต่อ แล้วเขาก็ พูดขึ้นว่า “มันเป็นการยากที่เราจะอยู่อย่างคนธรรมดา ว่าไหม”
ผมหันไปพยักหน้า ให้เขา แบบเข้าใจ แล้วสักพักก็ถามเขาไป “แล้วทำไมคุณถึงไปยิงลูกพี่มันหละ”
ชายคนนั้น หันหน้าขึ้นไปมองบนเพดาน ก่อนจะหันมาหาผม แล้วตอบว่า “มันฆ่าหมาของฉัน” !!!