Home กระทู้ผีพันทิป 103 ห้องไกด์หลอน

103 ห้องไกด์หลอน

103 ห้องไกด์หลอน
103 ห้องไกด์หลอน

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้จริงๆแล้วเกิดขึ้นมาเมื่อเดือนกุมพาพันธ์ ปี 2560 ต้องเกริ่นก่อนว่าผมมีแม่เป็นคนไทยแต่มีพ่อเป็นคนไต้หวัน เมื่อ 30 ปีที่แล้วสมัยที่ทัวร์ไต้หวันกำลังบูม  พ่อผมและเพื่อนกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาทำงานเป็นมัคคุเทศก์(ผิดกฎหมาย) และลงทุนในเมืองไทย ปัจจุบันพ่อผมนั้นล้มละลายจากเหตุการณ์วิกฤตทางเศรษกิจฟองสบู่แตกและย้ายกลับไปอยู่ที่ไต้หวัน แต่ยังคงมีเพื่อนๆในวงการอยู่มากมายหลายคน ทำให้ผมได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในวงการนี้โดยมีเพื่อนๆของพ่อผมเป็นคนสนับสนุนและคอยส่งงาน สอนงาน สอนภาษา ทำให้ผมเป็นงานเร็วยิ่งขึ้น

เริ่มเรื่องเลยนะครับ เมื่อเดือนกุมพาผมได้รับงานมาเป็นทัวร์จีนหกวันห้าคืน ใช้ไกด์สองคนคือผมและอาแปะ (อาแปะก็คือเพื่อนของพ่อผมนะครับ) มีโปรแกรมพานักท่องเที่ยวไปพัทยาสองคืน (เรื่องที่ กทม. ผมขอข้ามไปเลยนะครับเพราะเหตุเกิดที่พัทยา) ซึ่งวันที่สามนี้เองผมต้องพานักท่องเที่ยวไปที่พัทยา กว่าพวกเราจะทานข้าวเที่ยงเสร็จก็เกือบบ่ายโมง ออกเดินทางไปยังชลบุรีและเดินโปรแกรมตามที่ได้รับมา 

จนกระทั่งประมาณสามทุ่มกว่าคณะทัวร์เราก็มาถึงโรมแรม โรงแรมนี้ตั้งอยู่ในซอยบนถนนใหญ่ประมาณ 6-8 เลน มีป้ายชื่อโรงแรมเห็นได้ชัดที่ปากซอย ภายในโรงแรมจะแบ่งเป็นสองตึกเป็นตึกใหม่ตั้งอยู่ก่อนและตึกเก่าตั้งอยู่ถัดไป Lobby ของโรงแรมนี้จะตั้งอยู่ที่ตึกใหม่ ทำเป็นบันไดขึ้นมา (ถ้านับเป็นชั้นเทียบกับตึกเก่าแล้วจะอยู่ที่ชั้น 4)

รอบนี้ผมได้ห้องพักเป็นตึกเก่าทั้งหมด หลังจากที่ผมเช็คอินเสร็จผมก็แจกกุญแจห้องให้กับนักท่องเที่ยว ถ้าจำไม่ผิดครั้งนี้ นักท่องเที่ยวจะพักอยู่ที่ชั้น 3 ชั้น 4 และชั้น 5 ส่วนตัวผมเองได้ชั้น 1 ห้อง103. 

หลังจากที่นักท่องเที่ยวแยกย้ายกันกลับห้องไปหมดแล้ว ผมและอาแปะก็นั่งอยู่ที่ล็อบบี้กันประมาณ 10 นาที เพื่อรอเวลาตามขึ้นไปเช็คห้องของนักท่องเที่ยวว่าภายในห้องโอเคไหม ขาดเหลืออะไรไหม เราแยกย้ายกันไปเช็คความเรียบร้อยคนละชั้นแล้วค่อยกลับมาเจอกันที่ห้อง และก็เป็นผมที่กลับมาถึงห้องก่อน

ต้องอธิบายก่อนว่าภายในห้องเปิดประตูเข้าไปทางขวามือจะเป็นกำแพง ถัดไปกลางห้องจะเป็นชั้นวางของและโทรทัศน์ ถัดไปอีกจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนทางซ้ายจะเป็นห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า และเตียงขนาดหนึ่งคนนอนสองเตียง มีโต๊ะวางโคมไฟตั้งอยู่คั่นกลางระหว่างเตียง ถัดออกไปเป็นก็เก้าอี้โซฟา และสุดท้ายของห้องคือระเบียงซึ่งเป็นกระจกบานเลื่อน น่าแปลกที่ประตูห้องน้ำของที่นี่จะไม่ได้เปิดไปแล้วเจออยู่ด้านซ้ายหรือด้านขวาเลย แต่ประตูจะตรงกับด้านข้างของเตียง ซึ่งถ้าเรานอนอยู่บนเตียงฝั่งที่ติดห้องน้ำและหันมาทางขวาจะเจอประตู แต่จะมีตู้เสื้อผ้าวางชิดผนังฝั่งเดียวกับหัวเตียงคั่นไว้ คือถ้าจะเปิดตู้เสื้อผ้าก็จะบังทางเข้าห้องน้ำ

หลังจากที่ผมกลับมาถึงห้อง ผมก็ได้เลือกนอนเตียงแรกที่ติดฝั่งห้องน้ำและตรงเข้าไปอาบน้ำก่อน เข้าไปในห้องน้ำทางขวามือจะเป็นอ่างล้างหน้าแบบที่ก่อขึ้นมา (ประมาณเคาเตอร์แล้วมีอ่างล้างหน้า) ทางซ้ายจะเป็นอ่างอาบน้ำ และตรงกลางคือชักโครก ผมก็อาบน้ำตามปกติโดยแง้มประตูไว้เพราะอาแปะผมยังไม่มา 

อาบน้ำเสร็จออกมาก็พบอาแปะและแกก็เข้าไปอาบน้ำต่อจากผม หลังจากนั้นผมก็เริ่มเตรียมเสื้อผ้า ของใช้ที่จะต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ แต่ระหว่างจัดของนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ปัง! ปัง! ปัง! 

ผมสะดุ้งเฮือก เพราะเสียงที่เคาะมันดังมาก ผมลุกขึ้นเดินไปส่องที่ตาแมวแต่ก็ไม่พบใคร มันน่าแปลกใจผมเลยเปิดประตูออกไปชะโงกซ้ายชะโงกขวาก็พบแต่ความว่างเปล่า ผมก็พยายามไม่คิดอะไร คิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นข้างห้องเคาะแล้วคงเข้าไปแล้ว ผมก็กลับเข้ามาจัดของต่อแล้วนอนเล่นโทรศัพท์

หลังจากที่การกระทำทุกอย่างจบลง ไฟทุกดวงก็ได้ถูกปิดเหลือแต่เพียงแสงไฟห้องน้ำที่สาดส่องออกมาผ่านช่องประตูเล็กๆที่ปิดไม่สนิทพอที่จะเอื้อมแขนเข้าไปได้ ในระหว่างที่ผมนอนคลุมโปงเล่นโทรศัพท์อยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงชักโครกดังขึ้นพร้อมกับเสียงน้ำไหลมาจากในห้องน้ำ ผมแอบตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเสียว่าคงเป็นเสียงน้ำไหลผ่านท่อระบายน้ำเหมือนตามหอพัก คอนโด ซึ่งผมก็เคยได้ยินมาแล้ว แล้วผมก็ชาร์จแบตโทรศัพท์ทิ้งไว้พร้อมกับผลอยหลับไป

ตึก ตึก ตึก! เสียงนี้ทำผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกแต่ก็ยังไม่ได้สนใจอะไร ทิ้งไว้เวลาไว้สักไม่เกิน 5 นาทีเสียงนี้ก็ยังไม่หยุด ด้วยความรู้สึกรำคาญผมจึงหันไปเพื่อหาต้นตอและที่มาของเสียง ภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าผ่านช่องประตูที่ปิดไม่สนิท ประกอบกับแสงไฟจากในห้องน้ำที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ทำให้ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งได้อย่างชัดเจน เธอนั่งอยู่บนเคาเตอร์อ่างล้างหน้า หันหน้าไปทางอ่างอาบน้ำพร้อมกับเตะขาสลับไปมาเหมือนกับเตะขาตอนอยู่ในน้ำ 

ผมรู้ได้เลยว่าเสียง ตึก ตึก ตึก! ที่ได้ยินนั้นมันมาจากการที่ส้นเท้าของเธอไปกระแทกกับด้านล่างของเคาเตอร์ ช่วงเวลาไม่ถึงสิบวินาทีที่ผมมองเธอด้วยความช็อคและทำอะไรไม่ถูก เธอก็หยุดการกระทำทุกสิ่งและเหมือนจะรู้ว่าผมมองเธออยู่ เธอ…

เธอค่อยๆหันหน้ามาจนทำมุม 90 องศาได้เหมือนคนคอหัก  ตัวเธออยู่กับที่มีแค่ศีรษะเท่านั้นที่หันมา   ดวงตาที่ผมพอมองเห็นมีแต่สีขาวไร้ซึ่งตาดำ แล้วเธอก็ค่อยๆแสยะยิ้มออกมา ปากเธอเริ่มฉีกกว้างขึ้นๆ  ทันใดนั้นผมก็พอรู้ตัวแล้วว่าควรหันหลังกลับไปอีกฝั่ง แต่วันนั้นผมเข้าใจเลยคำว่าตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกมันเป็นยังไง

ผมพยายามจะพลิกตัวเองแต่มันเป็นความรู้สึกที่ว่าทำไมตัวเรามันหนักๆชาๆ แบบไม่ถึงกับขยับไม่ได้แต่เราขยับไปได้ทีละนิดๆ 

ผมหลับตาปี๋พร้อมกับพยายามพลิกตัวกลับ จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะของผู้หญิงเสียงเล็กๆแหลมๆดังขึ้นมาที่ข้างหู ผมอ้าปากตะโกนเรียกอาแปะ แต่เสียงมันแหบแห้งจนแทบจะมีแต่ลมออกมา เรียกอยู่ 3-4 ครั้งไม่ได้ยินผมเลยหยุดความพยายามไว้แล้วข่มตานอน สุดท้ายเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตีห้า เสียงอาแปะเรียกผมบอกให้ไปอาบน้ำก่อนแล้วแกก็เปิดไฟห้อง (สวิทซ์อยู่ตรงโต๊ะคั่นระหว่างเตียง) ผมถึงลุกไปเปิดประตูห้องน้ำไว้ให้สุดล้างหน้าแปรงฟันตรงที่อ่างล้างหน้านั้นและไม่ได้อาบน้ำเพราะไม่กล้าปิดประตู 

ผมรีบแต่งตัวลงไปที่ล็อบบี้รอแขกและยังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้อาแปะฟังจนเสร็จงานถึงได้เล่าให้แกฟัง แกก็บอกว่าแกทำงานมาเป็น 20 ปียังไม่เคยเจอเลยแล้วบอกว่าผมสงสัยต้องไปทำบุญบ้างแล้ว….เหตุการณ์ก็มีประมาณนี้แหละครับ

ขอบคุณเรื่องจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 912092 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here