บังเอิญเจอ

บังเอิญเจอ
บังเอิญเจอ

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อช่วงสงกรานต์ปี 2546 เมื่อก่อนคุณแดนทำงานอยู่ที่ฟิลิปปินส์แล้วชอบเที่ยวทะเลมาก จึงชวนเพื่อนที่ทำงานด้วยกันบินมาเที่ยวที่ภูเก็ต เพราะจะมาดูกิจการด้วยจึงให้ลูกน้องจองโรงแรมให้ 

ช่วงนั้นเป็นช่วงเทศกาลจึงทำให้โรงแรมเต็มหมด แต่ด้วยความที่คุณแดนได้ซื้อตั๋วมาแล้วจึงบินมาที่ดอนเมืองก่อน พอมาถึงลูกน้องก็โทรมาบอกว่ามีโรงแรมนึงว่างพอดี คุณแดนจึงบินไปภูเก็ต น้องลูกก็เตรียมรถไว้ให้ พอมาถึงคุณแดนก็ขับรถไปที่โรงแรม 

ปกติแล้วทางโรงแรมจะมีลานจอดรถอยู่ด้านหน้าของโรงแรท แต่พอดีวันนั้นมันมีเทปยาวๆสีเหลืองดำกั้นไว้อยู่ แล้วพื้นเปียกไปหมด คุณแดนจึงเลี้ยวอ้อมไปจอดด้านหลังและก็เข้าเช็คอิน โรงแรมนี้มีทั้งหมด 13 ชั้น คุณแดนและเพื่อนได้พักที่ชั้น 10 ห้อง 1010 

พอถึงห้องด้วยความเหนื่อยคุณแดนก็อาบน้ำ นอน ส่วนเพื่อนคุณแดนก็ขึ้นไปว่ายน้ำชั้นบนสุด จนประมาณชั่วโมงกว่าก็ลงมา ก็เลยพากันออกไปทานข้าวและเที่ยวต่อจนถึงเวลา ตี 2 กว่าๆ

พอขากลับก็ยังเห็นเทปสีเหลืองดำ และพื้นก็ยังเปียกอยู่ คุณแดนก็สงสัยว่าทำไมพื้นมันยังไม่แห้งซักที พอคุณแดนจอดรถเสร็จก็เดินเข้าไปในโรงแรม ก็รู้สึกแปลกๆเพราะไฟในโรงแรมก็ไม่ได้เปิดสักดวงเดียว

ระหว่างทางคุณแดนก็มองเห็นชายหญิงคู่นึงยืนอยู่ทางขึ้นบันไดใกล้ๆกับลิฟต์ ผู้ชายจะมีลักษณะตัวสูงมากประมาณเกือบ 180 ซม. ตัวผอมมาก ไว้ผมทรงรากไทรยาวๆ ใส่เสื้อแล็คสีขาว กางเกงสีดำ รองเท้าหนัง ส่วนผู้หญิงจะตัวเล็กๆ ผิวคล้ำๆ ผอมๆ ใส่ชุดพีชสีแดงและมีกระโปรงสั้นๆ ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นคนที่หากินแถวนั้น 

จากนั้นชายหญิงคู่นั้นก็เดินหันหลังให้และเดินดิ่งไปที่ลิฟต์ (ลิฟต์จะเป็นลิฟต์คู่) ระยะห่างระหว่างคุณแดนกับชายหญิงคู่นั้นห่างกันประมาณ 10 เมตร พอลิฟต์เปิดชายหญิงคู่นั้นก็หันมามองและเข้าไปในลิฟต์ทันที 

แม้จะมีแค่ไฟสลัวๆแต่ยังพอมองเห็นว่าตัวผู้ชายจะยืนติดกับผนังลิฟต์ส่วนผู้หญิงจะยืนก้มหน้ากดปุ่มลิฟต์พยายามกดไม่ให้คุณแดนและเพื่อนเข้าไปด้วย คุณแดนจึงบอกว่า “พี่ครับๆรบกวนเปิดหน่อยครับ รอด้วยครับ” ผู้หญิงก็พยายามก้มและหันมาดูคุณแดนแล้วหัวเราะเป็นเสียง ฮิฮิฮิฮิ ฮิฮิฮิฮิ เสียงมันอยู่ไกลแต่คูรแดนรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ๆหูมากๆ จนรู้สึกขนลุกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร แค่คิดในใจว่าทำไมไม่มีน้ำใจเลย 

เพื่อนคุณแดนเองก็บ่นออกมาเป็นคำหยาบคาย คุณแดนจึงบอกเพื่อนว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวรอไปลิฟต์อีกตัวก็ได้ ระหว่างรอลิฟต์ลงก็เห็นลิฟต์อีกตัวที่ขึ้นไปนั้นกำลังขึ้นไปที่ชั้น 11 12 และ 13 และพอลิฟต์ลงมาคุณแดนกับเพื่อนก็เข้าไปในลิฟต์ และยังพูดคุยกันว่าทำไม 2 คนนั้นมันไม่มีน้ำใจกันเลย และถามกันว่า “ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นหัวเราะมั้ย ทำไมหัวเราะตั้งไกลแต่มันได้ยินติดหูเรา” เพื่อนก็บอกว่า “ได้ยินเหมือนกัน”

พอลิฟต์ตัวที่คุณแดนขึ้นมาถึงชั้น 10 ปรากฎว่าเสียงลิฟต์มันดังขึ้นพร้อมกัน 2 ตัว  พอคุณแดนกับเพื่อนออกมาจากลิฟต์ ชายหญิงคู่นั้นก็ออกมาพร้อมกับพวกคุณแดน แต่ท่าทางการเดินของผู้หญิงนั้นดูแปลกๆคือกึ่งเดินกึ่งกระโดด ส่วนผู้ชายจะเดินช้ามาก แต่สิ่งที่คุณแดนสังเกตุคือ ผู้หญิงจะถือกุญแจห้อง แล้วกระโดดสลับฝั่งไปมาเพื่อไขห้อง (ห้องของโรงแรมนั้นจะมี 2 ฝั่ง) ซึ่งน่าแปลกที่ผู้หญิงคนนี้กระโดดไปไวมากแค่ก้าวเดียวก็ถึงห้องอีกฝั่งแล้ว 

ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังไขห้อง เธอก้มหน้าไขกุญแจพร้อมกระโดดไปด้วย ผมยาวปิดหน้า ทำหลังโค้งๆและหัวเราะเป็นเสียง ฮิฮิ ฮิฮิ.. ไปด้วย คุณแดนก็แปลกใจว่าเค้าจำห้องตัวเองไม่ได้รึป่าว ทำไมไม่เกรงใจห้องอื่นเลย ดูไม่มีมารยาทตั้งแต่ปิดลิฟต์หนีเเล้ว 

ส่วนผู้ชายนั้นเดินช้ามาก และมือทั้ง 2 ข้างนั้นจะหงิกๆคล้ายคนเป็นโรคพาร์กินสัน แขนก็จะบิดๆเบี้ยวๆ แล้วก็เดินไปช้าๆ คุณแดนจึงคิดว่าเค้าคงไม่สบาย  เพื่อนจึงบอกว่าให้เดินแซงไปเลยเพราะว่าเหนื่อยอยากกลับห้องไวๆ 

ทั้ง 2 คนจึงพากันเดินแซงหน้าผู้ชายคนนั้นไป แล้วคุณแดนกับเพื่อนก็หันไปมองผู้ชายคนนั้น และสิ่งที่คุณแดนเห็นคือลักษณะหน้าของผู้ชายคนนี้ผิดรูปมากๆ เป็นคนหน้ายาวๆ ผมรากไทร แต่ปากกับคางนั้นเฉียงไปทางซ้ายมือมากเกินกว่าคนปกติทั่วไป แล้วคางก็เหมือนจะตกลงมา  ลูกกะตาข้างซ้ายหล่นลงมาอยู่ที่โหนกเเก้ม ส่วนตาข้างขวาก็เหมือนจะเลยขึ้นไปถึงหัว คุณเเดนจึงคิดว่าพิการรึป่าว 

ในขณะที่คุณแดนกำลังมองผู้ชายคนนั้นอยู่ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะฮิฮิ ฮิฮิ ทั้ง 2 คนเริ่มกลัวแต่ไม่มีใครพูดอะไร รีบตรงไปที่ห้อง พอถึงห้องก็พากันกระโดดไปอยู่รวมอยู่บนเตียงเดียวกัน  นั่งนิ่งๆกันอยู่พักนึง 

ผ่านไปซัก 5 นาที ช่วงนั้นเป็นเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ เพื่อนก็ถามว่า “เห็นอย่างที่กูเห็นมั้ย” คุณแดนก็บอกว่า “สึด! อย่าทักดีกว่ามั้ย” เพื่อนก็บอกว่า “ก็มันคาใจ” ทั้งคู่เลยคุยกันถึงลักษณะของผู้หญิงคนนั้น ก็บอกตรงกันเกือบทั้งหมด เพิ่มมาอย่างนึงคือผู้หญิงนั้นหัวเปียกๆ  ส่วนตัวผู้ชายนั้นเห็นไม่ตรงกัน เพื่อนเห็นว่าตาข้างขวาโบ๋ลงไป หน้าผากยุบ แล้วที่คางก็ฟันล่างมันห้อยลงมา

แล้วคุณแดนก็ถามเพื่อนว่าล๊อคห้องรึยัง ด้วยความที่รีบเพราะกลัว เพื่อนคุณแดนก็บอกว่า กุญแจเสียบคาไว้ที่หน้าประตู ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ ทั้งคุณแดนและเพื่อนก็นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง สักพักก็มีเสียงไขกุญแจดังกึกๆๆ อยู่หน้าห้องเหมือนพยายามจะไขเข้ามา คุณแดนจึงดึงผ้าห่มคลุมตัว แล้วเสียงนั้นก็เงียบไป ผ่านไปพักนึงก็เปลี่ยนมาเป็นเสียงเคาะประตู เคาะแบบรัวๆเพื่อจะเข้ามาในห้องให้ได้ (ซึ่งห้องปิดแต่ไม่ได้ล๊อค กุญแจก็เสียบคาไว้ที่หน้าห้อง) แล้วก็มีเสียงไขกุญแจดังกึกๆๆอีก คราวนี้มีกลิ่นคาวเลือดลอยมาอีก 

จนคุณแดนรู้สึกว่าไม่ไหวละ แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั่งกอดเขาตัวสั่นอยู่บนเตียง รอจนกระทั่งเสียงเงียบจึงลุกไปกดโทรศัพท์เพื่อโทรไปที่ล๊อบบี้ พอปลายสายรับกลับเป็นเสียงหัวเราะฮิฮิ.. ฮิฮิ.. ของผู้หญิงคนนั้น คุณแดนตกใจมาก แล้วจู่ๆก็มีเสียงอะไรบ้างอย่างหล่นมาใส่คอมเพรสเซอร์แอร์ดังตึง เป็นแบบนี้ทั้งคืนสลับกันไป คุณแดนก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงคุมโปรงสวดมนต์กับเพื่อนทั้งคืน

จนประมาณ ตี 5 เกือบๆ 6 โมงเช้า เสียงนั้นก็เริ่มเงียบหายไป คุณแดนจึงโทรศัพท์ไปที่ล๊อบบี้อีกรอบ แต่ครั้งนี้เปิดโฟน ปลายสายรับก็เป็นเสียงพนักงาน คุณแดนจึงบอกว่า “ช่วยพี่ด้วย ขอเบลบอยขึ้นมาที่ห้องคนนึง” พนักงานก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแดนไม่พูดอะไรมากแต่ย้ำไปว่าขอเบลบอยขึ้นมาคนนึง 

สักพักก็มีเสียงไขกุญแจที่หน้าห้อง ก็ปรากฎว่าเป็นเบลบอยขึ้นมา แต่ด้วยความระแวงคุณแดนก็บอกว่าอย่าพึ่งเข้ามาและขอให้เบลบอยคนนั้นสวดมนต์ก่อน เบลบอยก็ทำหน้างงแต่ก็ยอมสวด แต่สวดแบบผิดๆถูกๆ คุณแดนก็เลยให้เข้าห้องและบอกว่าช่วยเก็บของในห้องลงกระเป๋าให้หมด โดยที่ไม่ต้องสนใจอะไร 

พอออกมาจากห้องทั้งคุณแดนและเพื่อนก็เดินจับชายเสื้อของเบลบอยคนละข้างจนยับไปหมด พอมาถึงหน้าลิฟต์คุณแดนก็บอกว่าไม่เข้าลิฟต์ขวามือเด็ดขาด ต้องเป็นลิฟต์ตัวซ้ายเท่านั้น เพราะตัวขวาเป็นตัวที่ 2 คนนั้นใช้ขึ้นมา พอเข้าไปในลิฟต์ด้วยความกลัวและระแวงทั้งคุณแดนและเพื่อนก็ยังคงยืนเบียดกับเบลบอยตลอด

พอลงมาถึงล๊อบบี้คุณแดนก็เเจ้งเช็คเอ้าท์ทันที พอพนักงานดูสเตตัสจึงถามว่าจองไว้ทั้งหมด 3 คืน ทำไมเช็คเอ้าท์เร็วจังครับ แถมจ่ายเงินมาแล้วด้วย คุณแดนก็บอกว่าให้เช็คเอ้าท์เลย ไม่เสียดายเงิน และถามต่อว่า “ทำไมชั้น 10 ที่พี่อยู่มันเหมือนไม่มีคนอยู่เลย แล้วช่วงนี้เป็นเทศกาลแล้วคนก็เยอะ ทำไมถึงมีห้องว่างให้พี่ได้ พนักงานก็บอกว่าตนไม่รู้ ตนมาจากกำแพงเพชรมาทำงานวันนี้วันแรก 

ด้วยความที่คุณแดนยังอยากรู้และคาใจกับเหตุการณ์ที่เจอ พอตอนเช้าจะมีไลน์บัฟเฟ่ ก็เห็นป้าคุณนึงกำลังลวกก๋วยเตี๋ยวอยู่ ก็เลยไปเล่าให้ป้าฟัง ป้าก็บอกว่า ขนลุก!! พอคุณแดนถามว่ามีอะไรที่โรงแรมนี้รึป่าว ป้าแกก็บอกว่าไม่มี ตั้งแต่อยู่มาป้ายังไม่เคยเจออะไรเลย คุณแดนก็สงสัยในท่าทีของป้าว่ามันแปลกๆ เพื่อนคุณแดนจึงยื่นแบงค์พันไปแล้วบอกว่า “ถ้าป้าเล่า ป้าเอาไปเลย ป้าแกจึงบอกว่าให้ตามมาทางนี้

ป้าแกก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานนี้ตอนสายๆ ลูกชายนายหัวเจ้าของโรงแรมเค้าหิ้วผู้หญิงกลับมาที่โรงแรม ผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดสีแดง แล้วไม่รู้มีเรื่องอะไรกัน ลูกชายนายหัวก็กระโดดลงมาจากชั้น 13 ตกลงมากระแทกพื้นบริเวณลานจอดรถด้วนหน้าโรงแรม หน้าเละเทะ สมองไหล ลูกตากระเด็น หัวเบะ กระดูกแทงออกมาจากข้อศอก มีแขกของโรงแรมหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ ต่างพากันตกใจกัน พนักงานก็รีบโทรแจ้งกู้ภัย 

พอทางหน่วยกู้ภัยมาถึงก็รีบเก็บศพของลูกชายนายหัว ใช้เวลาเก็บไวมาก เก็บใส่ห่อเรียบร้อย และใช้สายน้ำดับเพลิงมาฉีดเลือดเพราะเลือดนั้นไหลไปไกลมาก แต่กลิ่นคาวเลือดก็ยังฟุ้งอยู่จนต้องใช้เแปรงขัด 

ป้าแกก็เล่าต่อว่ามันมีจดหมายฉบับนึงถูกเขียนทิ้งไว้ สรุปใจความได้ว่าลูกนายหัวได้ไปหิ้วผู้หญิงคนนี้มา หลังจากมีอะไรกันเสร็จผู้หญิงคนนี้ก็บอกว่าตนติดเชื่อ HIV ติดมานานแล้ว เลยบอกให้ลูกชายหัวนายลองไปตรวจเลือดดู เพราะลูกชายนายหัวนั้นไม่เคยให้ถุงยางอนามัยเลย แล้วก็เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน ผู้หญิงก็ถูกบีบคอแล้วกดน้ำอยู่บนชั้นดาดฟ้าที่เพื่อนคุณแดนไปว่ายน้ำ แล้วลูกชายนายหัวก็เขียนจดหมายบอกครอบครัวไว้ก่อนจะกระโดดลงมา

พอป้าบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นตายบนดาดฟ้า เพื่อนคุณถึงกับสะดุ้ง ขนลุกซู่ไปทั้งตัวเลย ย้อนกลับไปตอนที่เพื่อนคุณแดนไปว่ายน้ำนั้น แล้วเพื่อนคุณแดนเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ว่า ดีมากเลยสระน้ำไม่มีใครเลย ไม่มีเจ้าหน้าที่ เพื่อนจึงปิดล๊อคแล้วลงว่ายคนเดียว พอว่ายไปเรื่อยๆก็รู้สึกเริ่มเป็นตะคริวและมีอยู่ครั้งนึงว่ายๆอยู่ก็เหมือนไปเตะหัวใครเข้า เเล้วขาก็เริ่มเป็นตะคริวเรื่อยๆจึงขึ้นจากสระ

หลังจากเก็บศพลูกชายนายหัวเสร็จ หน่วยกู้ภัยก็ขึ้นไปเก็บศพผู้หญิงคนนี้ที่ชั้นดาดฟ้า ในการเคลื่อนย้ายศพลงมานั้นทาง ผจก.โรงแรมไม่อนุญาตให้ใช้ลิฟต์ ทางกู้ภัยจึงต้องใช้เชือกผูกกับศพแล้วโรยลงมาจากชั้นบน แต่ตอนที่โรยลงมานั้นศพหลุดออกจากผ้าแล้วหัวดันทิ่มลงไปติดที่คอมเพรสเซอร์แอร์ชั้น 10 ห้องที่คุณแดนได้เข้าไปพักนั่นเอง กู้ภัยจึงต้องใช้เวลาในการเคลื่อนย้ายศพลงมาช้าไปอีก 

ป้าบอกอีกว่า ตอนนี้เค้ากำลังแต่งศพอยู่ คืนพรุ่งนี้น่าจะรดน้ำ ลองไปดูที่วัดสิ จะได้รู้ว่าใช่มั้ย แต่คุณแดนกับเพื่อนไม่ไปเพราะยังกลัวไม่หาย 

คุณแทนและเพื่อนฟังป้าเล่าไป ตัวสั่นไป ป้ายังบอกอีกว่าให้ไปถวายสังฆทานให้เค้า เพราะเค้าน่าจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายแล้ว คุณแดนกับเพื่อนก็พากันไปวัด ด้วยความที่เป็นช่วงเทศกาลคนก็เยอะคุณแดนกับเพื่อนจึงคิดว่าจะกลับก่อน แล้วค่อยไปถวายสังฆทานที่หลัง แต่บังเอิญเห็นพระรูปนึงท่านปักกลดอยู่พอดี จึงจะขอถวายสังฆทาน หลวงพ่อท่านก็ทักทั้งๆที่ยังไม่ได้เอ่ยปากเล่าอะไรว่า “เอ้อ ดีเหมือนกัน เพราะเค้าก็รออยู่” คุณแดนก็สงสัยว่าคืออะไร หลวงพ่อก็บอกว่า “โยมชุดขาวกับชุดแดงใช่มั้ย” คุณแดนกับเพื่อนก็รีบเข้าหาหลวงพ่อทันทีแล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อก็บอกว่า “เค้ายังไม่รู้ตัว แต่โยมทำดีแล้ว โยมมีบุญนะ ถ้าไม่มีบุญโยมก็คงไม่เจอเค้าหรอก”… สุดท้ายคุณแดนได้ทิ้งท้ายไว้ว่าโรงแรมนี้มี 2 พยางค์

ขอบคุณสมาชิกพันทิปหมายเลข 2105837  เรื่อง บังเอิญเจอกัน | คุณแดน

Previous articleยุติการเผยแพร่
Next articleยุติการเผยแพร่