ถ้าลูกเริ่มเห็นผู้หญิงคนนั้นในบ้าน ลูกต้องทำเป็นไม่สนใจเธอนะ
มันเป็นช่วงเดือนธันวาคมปี 1999 ที่ “เธอ” ปรากฏตัวขี้นในชีวิตพวกเรา วันนั้นพ่อเรียกผมจากชั้นล่างและตอนนั้นผมคิดว่าคงแค่เรียกไปทานข้าวเย็น พ่อยืนอยู่ตรงตีนบันไดและชูมือขี้นเหมือนจะห้ามไม่ให้ผมเดินลงมา
นัยตาคู่นั้นของพ่อเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ผมรู้ว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
“พ่ออยากให้ลูกตั้งใจฟังพ่อดีๆนะ” พ่อผมพูด
หัวใจของผมเริ่มเต้นเร็วขึ้นในขณะเดียวกันพ่อก็พูดต่อ “เรื่องนี้มันสำคัญมาก ต่อไปนี้ลูกต้องมองมาที่พ่ออย่างเดียวเท่านั้น เอ่อ … ลูกกำลังจะเห็น … ผู้หญิงคนนึงในบ้านเรา แต่ลูกต้องทำเป็นไม่เห็นเธอ ไม่สนใจเธอเท่าที่จะทำได้”
ผมเกือบจะหลุดขำหลังจากที่ฟังจบ สมองวัย 12 ปีของผมกำลังทำความเข้าใจกับสิ่งที่พ่อพูดหรือนี่อาจจะเป็นมุกตลกอะไรซักอย่างของพ่อ ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรพ่อก็พูดขึ้นมาอีก
“เธอจะพยายามกระซิบหาลูก ตามลูก หรือทำอะไรเพื่อเรียกร้องความสนใจจากลูก พ่อเข้าใจว่ามันอาจจะดูยากลูกรัก แต่ลูกต้องห้ามมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเธอแม้แต่นิดเดียว พ่อสัญญาวันนึงเธอจะหายไปแต่ลูกต้องทำเป็นไม่เห็นเธอและไม่คิดเรื่องเธอ โอเค้ ?”
มันมีหลายเรื่องที่ผมอยากจะถามต่อ แต่ผมกลัวและสับสน จึงตัดสินใจตอบไปแค่ “ได้ครับพ่อ”
“ดีมาก ลงมาได้แล้วลูก ได้เวลามื้อเย็นแล้ว บอกไว้ก่อนว่าเธอจะแข็งแกร่งขึ้นเพราะพ่อบอกเรื่องนี้กับลูก แต่พ่อต้องบอก พ่อไม่อยากให้ลูกเผลอมองเธอ เชื่อที่พ่อพูดนะ ตั้งสติไว้!”
ผมทำตามที่พ่อบอก ค่อยๆลงมาจากชั้นบน สายตาจ้องเขม็งไปที่พ่อในขณะที่ตามเขาไปที่ครัว พอถึงชั้นล่างผมก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกบางอย่าง พร้อมทั้งได้กลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียนที่มันทำให้นึกถึงตอนที่แรคคูนตัวหนึ่งตายในบ้านและกลิ่นของมันก็คละคลุ้งไปทั่ว
ผมและพ่อนั่งที่เก้าอี้ของโต๊ะอาหาร น้องสาวผมนั่งตรงข้ามผม เธอกำลังก้มหน้าจ้องมองถ้วยชามที่ว่างเปล่าตรงหน้าเธอ แม่ผมดึงหม้อออกมาจากเตา ตาของแม่ดูบวมและใบหน้าก็มีคราบน้ำตา
ผมจดจ่อไปกับครอบครัวผม แต่ที่หางตาผมก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเธอหยิกและมีสีดำเข้มพร้อมด้วยผิวสีเทาที่ดูซีดๆ พวกเราเงียบราวกับไม่มีชีวิต ความอบอุ่นและเสียงหัวเราะบนโต๊ะอาหารได้หายไป น้องสาวจับเข่าผมใต้โต๊ะแล้วกระซิบถามว่า “พี่ก็เห็นเธอใช่มั้ย” ผมพยักหน้าตอบ
“เงียบๆหน่อย” พ่อผมพูด
เธอคนนั้นเดินตัวเปียกๆออกมาจากมุมมืด เสียงเดินเธอดังก่อกแกร่ก เธอตรงมาที่โต๊ะอาหารและหยุดอยู่ตรงหลังน้องผมห่างกันไม่กี่นิ้ว เธอเอามือเหี่ยวๆของคู่นั้นเธอจับที่ไหล่น้องผม น้องสาวของผมสะดุ้งด้วยความกลัวและจ้องมาที่ผม ผมจึงรีบหลบสายตาก้มลงมองจานที่ตัวเอง
แม่ของเราเสิร์ฟอาหาร ทำเหมือนว่าเราใช้ชีวิตกันแบบปกติ ผมเห็นพ่อกุมมือน้องใต้โต๊ะอาหารเหมือนพยายามปลอบใจไม่ให้น้องสติหลุด น้องผมทานข้าวต่อไปโดยที่มีมือที่แห้งเหี่ยวหนังติดกระดูกอยู่บนไหล่เธอพร้อมกับเสียงกระซิบเบาๆที่ออกมาจากปากเธอ เป็นดั่งคลื่นรบกวนที่ดังไปทั่วห้อง
นั่นคือสิ่งที่อยู่กับเราตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เราพยายามใช้ชีวิตตามปกติโดยมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะออกไปทำธุระนอกบ้านเธอก็ยังสามารถตามเรามาได้ และแม้ว่าครอบครัวเราทั้ง 4 คนจะนั่งอยู่ในรถ เธอก็จะปรากฏตัวข้างๆกระจกหรือยืนข้างๆถนนให้เราได้เห็นตลอด เราอยู่กันแบบเงียบๆโดยไม่ให้ญาติหรือใครที่ไหนมาเยี่ยมและห้ามใครไปค้างบ้านเพื่อนเป็นอันขาด
เราทำได้แค่กระซิบคุยกันเบาๆเมื่อเวลาที่จำเป็นต้องพูดถึงการปรากฏตัวของ “เธอ” ตอนที่เธอไม่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น พ่อห้ามไม่ให้พวกเราบอกเรื่องนี้กับใคร มันเป็นวิธีเดียวที่จะกักขังเธอไว้ได้ เราจึงสรุปได้ว่าเธออาจจะตามหลอกหลอนได้แค่ทีละครอบครัว คนนอกไม่สามารถมองเห็นเธอได้เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะรับรู้ถึงการมีตัวตนของเธอ
ผมพึ่งรู้ไม่กี่ปีมานี้ว่าพ่อของผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอปรากฏตัว ย้อนไปในช่วงยุค 70 น้าของเราถูกมันสิงสู่ต่อจากคนอื่นและมันตามน้าผมกลับมาที่บ้าน และในปี 1999 ตอนเราไปเที่ยวอ่าวอยู่ดีๆพ่อของเราก็คิดถึงเธอขึ้นมาและนั่งก็ทำให้ “เธอ” กลับมาปรากฏตัวในชีวิตของเขาและครอบครัวเรา เราตกลงกันว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับคนอื่นและมันเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่เราเคยทำเลย
เวลาไปไหนมาไหนเราพยายามไปด้วยกันทั้งหมดและพยายามไม่แยกตัวหรือให้ใครไปไหนมาไหนคนเดียว
และสิ่งนั้นมันยากมากสำหรับแม่ผม แม่ต้องอยู่บ้านคนเดียวกับ “เธอ” ในขณะที่ผมและน้องอยู่ที่โรงเรียนและพ่อก็ไปทำงาน ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปในวันที่แม่ผมเสียสติ ในคืนฤดูหนาวเดือนกุมภาพันธ์ เราพึ่งกินข้าวเย็นกันเสร็จและวันนี้แม่ผมอยากจะเข้านอนเร็วกว่าปกติ แม่ของผมนั่งอยู่บนเตียงพยายามไม่สนใจ “เธอ” ให้มากที่สุด แต่แม่ก็ทนไม่ไหว ผมได้ยินเสียงแม่กรีดร้องออกมาจากห้องนอนด่าทอให้ “เธอ” ปล่อยพวกเราไป พ่อของผมรีบวิ่งขึ้นบันไดไปเพื่อที่จะหยุดแม่
นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นแม่ พรมสีขาวที่เปื้อนไปด้วยเลือดคือสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ “เธอ” ยังยืนอยู่ในห้องนั้นแต่แม่ผมหายไป ไม่กี่อาทิตย์ต่อมาเธอก็มากระซิบข้างหูผมแล้วบอกว่า ผมสามารถเจอกับแม่ได้อีก เพียงแค่ผมต้องมองไปที่ “เธอ” แล้วถามเธอว่าทำยังไง …. แต่ผมไม่เคยทำอย่างงั้น
เหตุผลที่ผมออกมาเล่าเรื่องนี้ให้กับทุกคนเพราะ …ผมอยากให้ทุกคนคิดถึงเธอ
ผมเจอเธออีกครั้งในเช้าวันนี้ ครั้งแรกในรอบ 18 ปีและผมไม่อยากเสียภรรยาหรือลูกๆไป ผมอยากให้คุณคิดถึงรูปร่างของเธอ ผมสีดำมืดของเธอ ผิวสีเทาของเธอ คิดซะว่าตอนนี้เธออยู่ที่บ้านของคุณเธอจะได้ปล่อยผมไปซักที
เธอกำลังตามคุณไปแล้ว และถ้าคุณเห็นผู้หญิงคนนั้นในบ้านของคุณ คุณต้องทำเป็นไม่สนใจเธอนะ เพื่อตัวคุณเอง
….ผมขอโทษ…
Original : You’re Going to Notice a Woman in your Home, You Must Ignore Her. (reddit.com/r/nosleep/comments/9v5r4m/youre_going_to_notice_a_woman_in_your_home_you/)
แปลโดย เพจ The Dark Corner