Home กระทู้ผีพันทิป ร้านอาหารกลางป่า

ร้านอาหารกลางป่า

ร้านอาหารกลางป่า
ร้านอาหารกลางป่า

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว หรือประมาณช่วงกลางๆปี 2562 ช่วงนั้นผมเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยใหม่ๆ ผมเลยเกิดไอเดียว่าทำไมเราไม่ชวนเพื่อนไปทริปต่างจังหวัดกันสักหน่อยล่ะ ตอนนั้นเลยชวนเพื่อนไป 3 คน รวมผมเป็น 4 คน พอชวนกันเสร็จก็ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวกันที่กาญจนบุรี ทุกคนก็ต่างคนต่างไปเตรียมตัวกัน จนในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องเดินทาง

การเดินทางเราจะใช้รถส่วนตัวไปกัน โดยผลัดกันขับระหว่างผมและเพื่อนอีกคนนึงที่ชื่อต้น โดยผมจะเป็นคนขับไปกลับ ส่วนต้นจะเป็นคนขับในตัวจังหวัดขณะเที่ยว เราตกลงกันว่าจะพักสัก3วัน2คืน ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งไปทีไรแขกแทบจะเต็มตลอดขนาดไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว เพราะที่นี่ชื่อดังมากในเมืองกาญ หายังไงก็น่าจะเจอ 

พอถึงห้องก็แบ่งกันห้องละ 2 คนโดยผมกับต้นจะนอนห้องเดียวกัน ส่วนอีก 2 คนเขาเป็นแฟนกันก็เลยให้อยู่ด้วยกัน จากนั้นก็ตกลงกันว่าสัก 6 โมงเย็นเดี๋ยวหาร้านนั่งชิลล์จิบเหล้าจิบเบียร์กันเพลินๆสักหน่อย พอถึงเวลานัดหมายทุกคนก็แต่งตัวลงมาและก็นั่งรถไปกัน จากนั้นบทสนทนาก็เริ่มขึ้น

ต้น : เห้ย นี่เรามากาญรอบที่ 5 ได้แล้วมั้ง เราไปลองหาร้านใหม่ดีมะ กูเริ่มเบื่อร้านเดิมแล้วว่ะ มากี่ทีก็กินร้านเดิม
ผม : อืมก็ได้นะ แต่จะไม่หลงเอาหรอ ถึงจะมาบ่อยแต่ที่นี่กว้างจะตาย
ผม : อืมก็ได้นะ แต่จะไม่หลงเอาหรอ ถึงจะมาบ่อยแต่ที่นี่กว้างจะตาย
ต้น : เออๆ กูก็ขับไปเรื่อยๆก่อนแล้วกัน ถ้าหลงก็ใช้ GPS เอา แล้วที่เหลือเอาไง

คู่แฟนคู่นี้ฝ่ายชายชื่อบอส ส่วนผู้หญิงชื่อนัท

นัท : แล้วแต่เลย เอาจริงก็เริ่มเบื่อร้านเดิมๆละ
บอส : งั้นก็เอาตามนั้นแหละ เรามีเวลาทั้งคืน

ดังนั้น พวกเราจึงสรุปกันว่าจะขับรถไปเรื่อยๆเพื่อหาร้านนั่งชิลล์สักร้าน ขับไปได้สักช่วงนึงตอนนั้นเวลาประมาณ 3-4 ทุ่มได้ ผมก็เริ่มสังเกตว่าทั้งสองฝั่งถนนมืดมากๆแถมนานๆทีจะมีรถวิ่งผ่านมาสักคันแล้วระยะทางก็ไกลจากโรงแรมไปเรื่อยๆ จนผมเองทักขึ้นมาว่า

ผม : คิดว่าเรากลับทางเก่ากันดีกว่านะ อันนี้มันวังเวงยังไงชอบกล
ต้น : ไม่ต้องวนหรอกเมื่อกี้เห็นป้ายร้านนึงอะ มันเขียนว่าใกล้วิวน้ำตกด้วยนะ ห่างไป 300 เมตรเองเดี๋ยวก็จะถึงละ
ผม : เห้ย กูก็นั่งมองทางอยู่ตลอดนะ ไม่เห็นเจอเลย แล้วก็ร้านอาหารอะไรจะไปตั้งใกล้ๆน้ำตก ยิ่งตอนกลางคืนนี้มันจะไม่อันตรายหรอ
ต้น : บ้าป่ะเนี่ย เขาก็คงตั้งใกล้ๆเฉยๆ คงไม่ใกล้ถึงขนาดไปติดริมลำธารอะไรหรอก นี่คิดมาก

พอขับไปเรื่อยก็เจอซอยๆนึง ข้างหน้าซอยเขียนว่ามีร้านอาหารข้างในซอยจริงๆ ผมไม่ขอเอ่ยชื่อร้านนะแต่ป้ายเก่าๆเขียนว่า”ร้าน…บาร์ ในซอย 1 กม.” แล้วให้นึกภาพว่าเป็นซอยที่ทั้งสองข้างทางเป็นป่าและไม่มีไฟไปเลยตลอดแนว จนผมยังแอบคิดว่าถ้าเข้าไปแล้วโดนล่อมาฆ่านี่คือคงไม่มีคนรู้เลยนะเนี่ย จนนัทก็เตือนมาว่า

นัท : เห้ยคิดว่าแปลกๆว่ะ คือร้านอาหารอะไรอยู่ในซอยป่าอย่างนี้ หรืออย่างน้อยเสาไฟสักต้นต้องมีบ้างสิ นี่เข้าไปแล้วเกิดอะไรมันอันตรายนะ
ต้น : เห้ย จะกลัวอะไรมีผู้ชายอยู่กันตั้ง 3 คน อย่างน้อยถ้าลองขับกันไปก่อน ถ้าชอบมาพากลก็วนรถออกซะ
นัท : คืออย่าหาว่างั้นงี้เลยนะ พูดตรงๆว่าไม่ได้กลัวเรื่องเจอคนเลย
บอส : อะๆ ไอต้นงั้นอย่าไปเลย นัทมันกลัว หาร้านใกล้ๆโรงแรมก็ได้ จริงๆป้ายมันเก่าขนาดนั้นเผลอๆร้านยังมีอยู่ไหมก็ไม่รู้

แต่ตอนนั้นผมนึกอะไรอยู่ก็ไม่รู้นะจนผมพูดไปว่า

ผม : อืม น้ำมันเราก็เต็มถัง,ระบบอะไรๆก็เช็คกันก่อนมาแล้ว ลองเข้าไปสักหน่อยมะ ถ้าเจอร้านอาหารก็โชคดีได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่เจอก็กลับ
นัท : อืม เอายังไงดีล่ะ ถ้าอยากไปกันมาก็ไปก็ได้ แต่ถ้าไม่เจอร้านรีบวนรถกลับนะ
ต้น : ได้ๆ

เราก็ขับเข้าไปเรื่อยๆจนผ่านไปสัก 5-10 นาทีได้

ต้น : ลองช่วยกันมองหน่อย กูมั่นใจว่าน่าจะถึงแล้วนะ
ผม : ไม่เห็นเลยนะ ขับมาถูกใช่ไหม
ต้น : มันเป็นทางตรง จะมีอะไรให้หลงล่ะ
นัท : งั้นกลับกันไหม มองไม่เห็นร้านอะไรเลยนะ
ต้น : งั้นขอขับไปอีกสักนิดนึงนะเผื่อร้านบอกระยะทางผิด

จนในที่สุดก็เจอแสงไฟกลุ่มนึงลอดออกมาจากป่า

บอส : เห้ย นั่นไง ใช่ร้านอาหารป่ะ ไฟเหลืองๆ 10 กว่าดวงนั่นอะ
ต้น : ใช่แล้วแหละ คงไม่ใช่กระสือหรอกมั้ง(หัวเราะ)
นัท : จะลงไปหรอ ช่วยลงไปดูกันก่อนได้ไหม กลัวอะ

ต้นจึงอาสาลงไปดูคนเดียว แล้วให้ผมมานั่งฝั่งคนขับแล้วเตรียมตัวจอดรถเข้าร้านและให้บอสอยู่กับนัทเบาะหลัง

ผ่านไปสัก 5 นาทีได้ ผมก็เห็นว่านานเกินไปแล้วนะ จึงว่าจะลงจากรถไปตาม แต่ทันใดนั้นเอง ต้นก็วิ่งหน้าตั้งมาที่รถแล้วรีบเคาะกระจกพร้อมพูดว่า 

“ไอ้เ  ี้ย เปิดรถเร็วๆๆ” ผมกับคนในรถก็งงๆกัน ก่อนที่จะถามมันก็สวนมาว่า “กลับรถเดี๋ยวนี้ เ  ี้ยรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เร็วสิเร็ว” ผมก็รีบออกไปให้ที่สุดด้วยความตกใจ ระหว่างขับไปต้นก็พูดอีก “ขับเร็วกว่านี้สิ เดี๋ยวมันตามทัน ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นขับไป” จนในที่สุดผมก็ขับออกมานอกซอยสำเร็จต้นก็พูดขึ้นมาว่า”จอดรถเดี๋ยวนี้” ผมก็ถาม “อะไรอีก เดี๋ยวให้หยุดๆขับๆ” ต้นแสดงสีหน้าโกรธมากแล้วสบถด่าออกมาจนลงจากรถแล้ววิ่งหนีเข้าป่าในซอยไป

ผมกับบอสก็ตกใจว่าต้นทำอะไรของมันอยู่ดีๆวิ่งเข้าซอยไป พวกผมจึงวิ่งตามเข้าป่าไปกัน 2 คนเพราะรถเข้าไม่ได้แล้วให้นัทเฝ้ารถไว้ตรงถนนใหญ่ที่มีรถผ่านมาบ้าง ผมกับบอสวิ่งตามไปสักระยะนึง ผมก็ตะโกนถามไปตลอดว่า”เห้ย วิ่งเข้าไปทำไม มีอะไรแน่ไอต้น” จากนั้นอยู่ดีๆนัทก็โทรมาหาบอสตอนวิ่งนั่นแหละ แล้วก็คุยกันสักไม่ถึงสิบวิได้ บอสก็หน้าตาช็อคอะไรสักอย่างไปเลยแล้วก็วางหู จากนั้นก็ดึงแขนผมแล้วบอกว่า

“กลับรถเถอะ ไม่ต้องไปตามมันต่อแล้ว” ผมก็ถามกลับ”เอ้า ทำไมเดี๋ยวไอ้ต้นก็หลงป่าหรอก” บอสก็มองไปรอบๆในสภาพที่เป็นป่าทั้งหมดท่ามกลางความมืดและก็กระซิบมาที่หูผมราวกับกลัวใครจะมาได้ยินว่า “นัทโทรมาบอกว่าเมื่อกี้ไอต้นโทรมาหา ต้นมันยังอยู่ที่ร้านในป่าตรงนั้นอยู่เลย” ผมถึงกับช็อคไปชั่วขณะ จากนั้นบอสก็พูดต่อ”มันโทรมาร้องไห้บอกว่าตรงนั้นที่เห็นไม่ใช่ร้านอาหารแต่เป็นศาลตั้งอยู่ในป่าแล้วมีเทียนอยู่หลายเล่มเลย ต้นมันกำลังจะวิ่งกลับไปบอกแต่พวกเราอยู่ดีๆก็ขับรถหนีมันออกมา” ผมถึงกับก้าวไม่ออก แล้วเราวิ่งตามอะไรกันอยู่ ผมกับบอสมองไปรอบๆคือเห็นแต่ความมืด ต้นที่วิ่งอยู่ตรงหน้าก็หายลับไปแล้ว พวกเราจึงเดินตัวซีดกลับรถไปด้วยสภาพเปียกเหงื่อแล้วตกลงกับบอสว่าจะกลับเข้าไปรับต้นออกมา

พอกลับเข้ารถ บอสก็พูดประโยคนึงออกมาที่ทำให้ผมไม่เคยลืมเลยนั่นก็คือ

บอส : เป็นไง ไอต้นล่ะ ตกลงมันวิ่งหายไปไหน

ผมช็อคกับสิ่งที่มันถามมาก ก็เมื่อกี้เดินไปด้วยกันนี่ แล้วมันก็บอกเองว่าต้นยังอยู่ที่เดิม บอสเลยพูดกลับมาว่า

บอส : เห้ย ลงไปดูมันคนเดียวนะ กูอยู่เป็นเพื่อนนัทบนรถไง นี่กูยังไม่ได้ลงจากรถตั้งแต่ออกจากโรงแรมเลยนะ

ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว มือไม้ผมสั่นไปหมด ผมบอกเรื่องที่เจอไปกับทุกคน มันสองคนก็หน้าซีดไปเลยทีเดียว แต่ตอนนั้นผมไม่ไหวแล้วคือมือสั่นไปหมดแค่คิดถึงเหตุการณ์ที่เจอก็ขนลุกแล้ว จนต้องให้บอสมาขับรถไปรับไอต้นแทน พอขับเข้าไปอีกครั้งเจอไอต้นยืนโบกอยู่พร้อมทำสีหน้างงๆว่า 

“รีบขับหนีไปไหนกัน กูกำลังจะเดินมาบอกว่ามันเป็นศาลเก่าๆอะ แต่มีหลายศาลเลยมีเทียนหลายเล่ม สงสัยไม่กลัวไฟป่ากันเลยมั้งเนี่ย แถมมียันต์อะไรไม่รู้เต็มไปหมดเลย โคตรน่ากลัว ดีนะที่กูไม่กลัวอะไรพวกนี้ ลองให้ไอนัทมามันคงร้องไห้ไปแล้ว55555” 

ตอนนั้นทุกคนคือหน้าซีดกันหมดไม่มีใครกล้าบอกไอต้น จนในที่สุดพอกลับโรงแรมก็มานั่งคุยกัน จนไอต้นเองก็ช็อคๆเหมือนกัน หลังจากนั้นก็ไม่เคยกลับไปเที่ยวกาญอีกเลย และไม่ได้ตามสืบต่อว่าร้านอาหารร้านนั้นหรือป้ายนั้นมีอยู่จริงไหมด้วย….เรื่องราวก็ประมาณนี้จบ

เรื่องมันผ่านมา 2 ปีแล้วนะครับ อาจตกหล่นไปบ้าง แต่ตอนนี้กลายเป็นเรื่องอำๆกันในหมู่เพื่อนแล้วครับไอ้เรื่องที่เราเจอนี้ แต่ตอนนั้นมันน่ากลัวมากๆจริงๆ

ขอบคุณที่มา สมาชิกพันทิปหมายเลข 3807092 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here