ย้อนกลับไปตอนปี 2002 เดือนธันวาคม ผมได้ไปเที่ยวสิงคโปร์เป็นครั้งแรกในชีวิต ซื้อแพ็คเกจ ตั๋วเครื่องบิน Swiss Air + ที่พัก 2 คืน + City Tours ครึ่งวัน + รถรับส่งสนามบิน ราคา 7 พันกว่าบาท 2 คน ไปกับแม่ได้เข้าพักที่โรงแรม 3 ดาวแห่งหนึ่ง บนถนนออร์ชาร์ด ใกล้ MRT Somerset แต่ไม่อยู่ติดกับถนนเลย ต้องเข้าซอยแยกไปนิดนึง เป็นโรงแรมที่ทัวร์ไทยและคนไทยนิยมมานอนมาก เพราะทำเลดี ราคาไม่แพง ห้องพอใช้ได้ ด้านหน้าและด้านหลังเป็นโรงแรมเชนใหญ่ระดับ 5 ดาว ด้านนึงมองเห็นสวนของ Istana ปัจจุบันตึกทุบทิ้งไปแล้ว และสร้างขึ้นมาใหม่แล้ว
เช็คอินท์เข้าไปได้ห้องพักแบบ Connecting Room มีประตูเชื่อมกับอีกห้อง แต่ไม่น่าจะเปิดให้ใช้แล้ว เพราะเขาวางเตียงปิดตรงประตูไว้เลย ก็ไม่ได้คิดอะไร วันแรกบินไปถึงตอนเย็น ก็ออกไปกินข้าวแล้วกลับเข้ามานอน นอนหลับไปได้ประมาณตี 1 รู้สึกตัวตื่น จำได้ว่าได้ยินเสียงลอดมาจากห้อง Connecting เป็นเสียงคนพูดภาษาจีน ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ พูดกันเสียงดังมาก ได้ยินเสียงเปิดปิดและลากกระเป๋าเดินทางไปมา
ตอนนั้นรำคาญมาก นอนต่อไม่หลับเลย กำลังจะลุกขึ้นมาโทรหารีเซพชั่นให้ช่วยส่งคนมาบอกให้อีกห้องเงียบหน่อย แต่มองไปทางเตียงแม่เห็นแม่นอนพลิกไปพลิกมา ก็ไม่อยากรบกวน เลยคิดว่าทนๆไปเดี๋ยวก็เงียบไปเอง แต่เสียงไม่เงียบเลย ผ่านไปราว 10 นาที ก็เลยลองลุกเบาๆ มาแอบมองลอดตาแมวที่ประตู ไฟตรงทางเดินสว่าง สักพักมีผู้หญิงแต่งตัวคล้ายแม่บ้านเดินผ่านประตูไป ผมเลยเปิดประตูออกไปแจ้งเขาว่าเสียงอีกห้องดังรบกวนมาก
แม่บ้านคนนั้นดูแล้วน่าจะคนฟิลิปปินส์ พูดอังกฤษได้ดี ก็แจ้งไปว่าห้องข้างๆเสียงดังรบกวนมาก เสียงมันลอดผ่านประตู Connecting Room มาเป็นชั่วโมงแล้ว ดึกมากแล้วด้วย แม่บ้านบอกว่าห้องข้างๆไม่มีคนพัก
คือ แบบตอนนั้นใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม แล้วเสียงมันมาจากไหน โดนเข้าแล้วแน่ๆ ผมรีบปิดประตูกลับมานอนเลยทีนี้ เอาผ้าเช็ดตัวมามัดแล้วปิดหูไว้ ไม่ให้ได้ยินเสียง คิดแล้วก็ขำตัวเอง แม่ก็นอนหลับแต่ดิ้นไปดื้นมา แต่ผมมันก็นอนไม่หลับแล้วไง
สักพักได้ยินเสียงเปิดปิดประตูจากห้องนั้นดังมาก เราก็ขนลุกเลย ได้ยินเสียงลากกระเป๋า เสียงคนเดินตรงทางเดินผ่านห้องเราไปมา เสียงพูดคุยกัน กลัวมากนอนไม่หลับ จนตี 4 กว่าๆ แม่ก็ยังนอนหลับอยู่ ผมทนไม่ไหว กลั้นใจลุกลงไปตรงรีเซพชั่น คือ กะจะไปเล่าให้ฟัง แล้วขอเปลี่ยนห้องตอนเช้าเลย พอลงไปถึงล็อบบี้ก็เจอครอบครัวคนจีน 3 คน พ่อแม่กับลูกอายุ 10 กว่าขวบ ขนกระเป๋าอะไรต่ออะไร ลงมานั่งกันอยู่ตรงล็อบบี้
ผมก็แจ้งไปว่าพักห้องไหน ได้รับการรบกวนยังไง รีเซพชั่นก็แจ้งไปว่าห้องข้างๆเราก็คือครอบครัวที่มานั่งอยู่ตรงนี้ไง กำลังเช็คเอ้าท์แล้ว รอตอนเช้าจะเรียกแท็กซี่มารับ ผมก็เงิบเลย แล้วที่แม่บ้านบอกว่าไม่มีคนพัก คือ โกหก?
ผมเลยแจ้งรีเซพชั่นว่าเจอแม่บ้านฟิลิปปินส์บอกว่าไม่มีคนพัก ทำไมโกหกกัน รีเซพชั่นก็ขอโทษ แล้วบอกว่าจะเปลี่ยนห้องตอนนี้เลยก็ได้นะ มีห้องว่าง จะอัพเกรดห้องให้ ผมก็เลยบอกว่าตอนนี้ตี 4 ขอเปลี่ยนตอนเช้านะ ตอนนี้ง่วงขอกลับไปนอนก่อน ตอนนั้นโล่งใจแล้วว่าไม่ได้เจอผี กลับไปก็เงียบสงบ หลับไปจนตื่นมาตอน 7 โมง ก็เล่าให้แม่ฟังว่าเมื่อคืนเจออะไร แม่บอกว่านอนไม่สบาย มันอึดอัด คือหลับนะ แต่อึดอัด นอนไม่อิ่ม ก็อาบน้ำลงมากินข้าว รอทัวร์มารับไป City Tours ตอน 9 โมง ก็แจ้งขอย้ายห้องต่างๆนานา รีเซพชั่นบอกให้ขึ้นมาเก็บของ เดี๋ยวจะให้เบลล์บอยขนของย้ายห้องให้
จากนั้นก็ขึ้นมาเก็บของ มีแม่บ้านน่าจะเชื้อสายมาเลย์มาแจ้งอีกครั้งว่าเบลล์บอลจะมาย้ายของให้ ให้เช็คของให้ดี ก็เลยเล่าให้เขาฟังว่า เจอแม่บ้านฟิลิปปินส์เมื่อคืน โกหกว่าอีกห้องไม่มีคนพัก แม่บ้านคนนั้นบอกว่า ที่ชั้นนี้กะดึกไม่มีแม่บ้านฟิลิปปินส์นะ และทางโรงแรมไม่ได้ให้แม่บ้านมาเดินรบกวนไปมาหน้าห้องแขกตอนกลางคืน แถมตอนกลางคืนก็ไม่มีกะแม่บ้านฟิลิปปินส์ด้วย!!!
ตอนนั้นแบบขนลุกจากหัวไปถึงเท้าเลยครับ กลับมาย้อนคิด เออ! แล้วครอบครัวคนจีนทำไมต้องลุกมาเช็คเอ้าท์กลางดึก เสียงที่ดังๆก็ผมได้ยินก็คงเสียงเก็บข้าวของ เขาเจออะไรมาเปล่า ….สรุปไม่ย้ายห้องแต่ย้ายโรงแรมเลย!!!
ที่มา ผู้ใช้พันทิป นาม รักคนอ่าน