ต้องรีบออก

ต้องรีบออก
ต้องรีบออก

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณพลอย ตอนนั้นคุณพลอยมีโอกาสได้เดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยไปถึงช่วงราวๆบ่ายสามโมง อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าศรีสะเกษจะอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน แต่คนในหมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้พูดภาษาอีสานกัน หากแต่จะใช้ภาษาส่วย ซึ่งถือเป็นภาษาท้องถิ่นในแถบนั้น 

หลังจากที่ได้มาถึงไม่นาน หลานสาวก็ชวนคุณพลอยไปเที่ยวตลาดในหมู่บ้านกัน แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในบริเวณที่เรียกว่าชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความเคร่งครัดอยู่พอสมควร คุณพ่อจึงได้แนะนำว่าให้กลับมาก่อนมืดค่ำ เพราะชาวบ้านแถวนี้ หากตกเย็นแล้วก็ไม่มีใครออกมาเดินเพ่นพ่านกัน  คุณพลอยรับคำอย่างว่าง่าย 

คุณพลอยกับหลานสาวใช้เวลาเดินเที่ยวอยู่ในตลาดพักใหญ่ ก่อนจะพากันกลับบ้าน แต่ขณะที่กำลังจะออกจากตลาดก็มีหญิงชราที่ในมือถือตะกร้าไม้สานใบหนึ่ง เดินผ่านมาทางคุณพลอย ก่อนที่จะใช้มืออีกข้างสะกิดแขนคุณพลอย พร้อมบ่นพึมพำและชี้ไปที่ของในตะกร้า แต่คุณพลอยไม่รู้ภาษาส่วย จึงทำได้แค่ยิ้มให้คุณยายคนดังกล่าว พอคุณยายเห็นว่าไม่ใช่คนในพื้นที่จึงเปลี่ยนมาใช้ภาษากลางแทน ซึ่งคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านก็ใช้ภาษากลางเป็นภาษาที่สองกันอยู่แล้ว  “หนูเอ้ย ช่วยยายซื้อหน่อย ยายเหลือไม่เยอะแล้วลูก ยายเอาถั่วกับลูกกระบกมาขาย ยายขายไม่แพงหรอก ถุงละแค่สิบบาทเอง ถือว่าช่วยคนเถ้าคนแก่นะ” 

แม้ว่าบทสนทนาจะดูเหมือนคุณยายมีเจตนาแค่จะขายของให้ได้ แต่ในขณะที่คุณยายกำลังเจียแจ้วอยู่นั้น กลับมีพฤติกรรมแปลกๆ คือคุณยายคล้องตะกร้าไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง แต่อีกมือหนึ่งก็เอาแต่จับและลูบไล้แขนของคุณพลอยไม่ยอมปล่อยตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แล้วจู่ๆคุณยายก็พูดขึ้นมาว่า “ผิวหนูเนี่ย เนียนนุ่มน่าดูเลยนะ หนูไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหม” คุณพลอยตอบว่า “เปล่าค่ะยาย หนูพึ่งมาจากกรุงเทพ บังเอิญมาธุระที่อุบลเลยหาเวลาว่างแวะมาเยี่ยมคุณพ่อกับแม่เลี้ยงที่นี่ค่ะ” 

อย่างไรก็ตามคุณยายคนนั้นก็ยังคงลูบไล้แขนของคุณพลอยอยู่ตลอดเวลาที่พูดคุยกัน จนคุณพลอยเอง อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ จึงช่วยคุณยายแกซื้อถั่วมาสองถุง ก่อนคุณยายแกจะถามต่อว่า “แล้วบ้านที่ว่าอยู่ไหน” มาถึงจุดนี้เป็นฝ่ายคุณพลอยเองที่เริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว รู้จักกันหรือก็ไม่ใช่ แต่คุณยายคนนี้ดูพยายามตีสนิทชิดเชื้อมากพิกล 

ตอนนั้นคุณพลอยอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเจอมิจฉาชีพเข้าให้แล้ว หากแต่ความจริงกับเป็นอะไรที่น่ากลัวและน่าสะพรึงกว่านั้น หลานสาวที่มองดูเหตุการณ์อยู่จึงตัดสินใจสะกิดเตือนคุณพลอยว่า ไม่ต้องไปคุยต่อความยาวกับยายแก รีบกลับบ้านกันดีกว่า “อยู่ไม่ไกล ไม่ไกลจากนี่หรอกค่ะ” คุณพลอยตอบคุณยายแล้วรีบเดินออกมาทันที 

ในค่ำคืนเดียวกันนั่นเองหลังจากทานข้าวและอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ก่อนเตรียมตัวจะเข้านอน คุณพลอยใช้เวลากับการเล่นมือถืออยู่พักนึง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจขึ้นมา เมื่อเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติอยู่ที่มุ้งนอน อะไรที่ว่ามันดูคล้ายกับใบหน้าของคนที่กำลังโน้มตัวลงมาพาดมุ้งจนหย่นลงมาเกือบจะถึงแขนทางซ้ายมือของเธอ และด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัว คุณพลอยเผลอทำมือถือหลุดล่วงออกจากมือ จนไม่ทันได้สังเกตว่า มีอะไรบางอย่างมาสัมผัสที่แขนของเธอเข้าให้ละ

กว่าคุณพลอยจะรู้ตัวก็ตอนที่รู้สึกถึงความเย็นวาบที่บริเวณแขน ราวกับว่ามีใครเอาน้ำเย็นเฉียบมาถูแขนไปมา แต่เนื่องจากความมืดทำให้คุณพลอยมองไม่เห็นต้นเหตุของความเย็นที่ว่า อย่างไรก็ตามยังคงมีแสงไฟจากหจ้าจอโน็ตบุ๊คที่สว่างพอให้เห็นรอบๆตัว หลังจากสายตาเริ่มชินกับความมืด คุณพลอยก็ตะหนักได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ไหนความมืด กระทั่งคลื่นแสงจากจอคอมไปจับกับสิ่งนั้น 

คุณพลอยช๊อคทั้งยืนจนแทบสิ้นสติ เพราะสิ่งที่กำลังเห็นตรงหน้า มีใครบางคนกำลังลงลิ้นเลียที่แขนนุ่มเนียนของเธออย่างเอร็ดอร่อย นั่นทำให้โสตประสาทของคุณพลอยสั่งการให้ร้องกรี๊ดออกมาอย่างสุดเสียงโดยไม่ต้องคิด กระทั่งพ่อกับแม่เลี้ยงที่นอนอยู่ชั้นบนต้องวิ่งลงมาดู “พ่อ ใครไม่รู้โผล่หน้าเข้ามาในมุ้ง ทำเหมือนจะมากัดแขนและมันก็แลบลิ้นเลียแขนหนู” 

ฝ่ายพ่อก็บอกให้แม่เลี้ยงดูสิว่ามันคืออะไร ก็พบว่าที่มุ้งมีรอยน้ำเหมือนน้ำลาย และที่แขนก็มีเช่นกัน พอเห็นดังนั้นแม่เลี้ยงจึงไปเคาะประตูเรียกคุณยายที่นอนอยู่ในห้องข้างๆ  คุณยายเอาผ้าขาวมาพาดคอแล้วเดินออกไปนอกบ้าน และพูดภาษาส่วยพร้อมกับจุดธูป 

จากนั้นก็ให้แม่เลี้ยงเอาธูปไปปักที่มุมบ้านทั้งสี่มุม แล้วให้พ่อเอาไม้เคาะตามเสารั้วบ้าน ขณะที่คุณยายเดินไปพร้อมกับพ่อ คุณยายก็พูดภาษาส่วยไปด้วย ฝ่ายแม่เลี้ยงหลังจากเอาธูปไปปักที่มุมบ้านเสร็จแล้วก็พาคุณพลอยขึ้นบ้านไปไหว้พระ แล้วเอาตะกรุดมาใส่ให้ ส่วนคุณยายก็ตามขึ้นมาสวดมนต์ หลังสวดมนต์เสร็จก็เอาสายสิญจน์มาคล้องที่คอ คล้องแขนและขาทั้งสองข้าง และบอกให้คุณพลอยเข้านอน 

คุณพลอยที่อยู่ในอาการเสียขวัญจึงขอกินยานอนหลับ แต่แม่เลี้ยงบอกว่าห้ามกินเด็ดขาด เพราะถ้าหลับแบบไม่รู้สึกตัว เค้าจะมาเอาพลอยไปได้ ในที่สุดคืนนั้นพลอยก็ร้องไห้จนเหนื่อยและเผลอหลับไป  

พอตื่นขึ้นมาประมาณเจ็ดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น คุณยายก็บอกคุณพลอยว่า อย่าพึ่งออกจากบ้าน เพราะไม่รู้ว่าเค้าไปหรือยัง แล้วให้คนไปตามหมอธรรมมาทำพิธีให้ตอนเที่ยง และให้พลอยเอาไข่ไก่ดิบไปให้เค้าเพื่อทำพิธี ฝ่ายแม่เลี้ยงก็จะออกไปหาของทำกับข้าวกินตอนเที่ยง 

ขณะนั้นมีรถขายผักมาจอดขายของอยู่อีกฟากหนึ่งของสนามฟุตบอล ที่อยู่บริเวณหน้าบ้าน แม่เลี้ยงก็เลยเดินผ่านสนามฟุตบอลเพื่อจะไปซื้อของ ขณะที่แม่เลี้ยงเดินไปประมาณครึ่ีงสนามก็หันหน้ากลับมามองที่คุณพลอยและจะโกนข้ามฝั่งถามว่า “จะเอาอะไรไหมลูก” คุณพลอยก็พยายามฟังว่าแม่เลี้ยงพูดอะไร แล้วจู่ๆแม่เลี้ยงก็ล้มลงที่กลางสนาม สักพักก็ลุกขึ้นมาตาขวางใส่แล้ววิ่งตรงมาหาคุณพลอยอย่างรวดเร็ว น้าข้างบ้านที่กำลังตั้งท้องอยู่เห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาขวางแม่เลี้ยงไว้

ฝ่ายพ่อกับน้าเขย พอเห็นก็เข้าไปช่วยกันจับแม่เลี้ยงเอาไว้ แล้วแม่เลี้ยงก็ตะโกนออกมาเป็นภาษาส่วย ด้วยคำด่าทอ ตอนนั้นพลอยก็ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร เพราะฟังไม่รู้เรื่อง ฝ่ายน้าสะใภ้ก็บอกว่า “หนู รีบไปเอาเสื้อผ้าเอาของที่จำเป็นและสตาร์ทรถไปเดี๋ยวนี้” ฝ่ายคุณพลอยที่กำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็รีบวิ่งขึ้นไปเอาของบนบ้าน จากนั้นก็ขี่รถออกจากบ้านพร้อมกับน้าสะใภ้ไปยังรีสอร์ทแห่งหนึ่งของญาติ  แล้วน้าสะใภ้ก็บอกให้คุณพลอยอยู่ที่นี่ไปสักพักก่อน 

พอสักประมาณบ่ายสามโมงพ่อก็โทรมาหาแล้วเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า “รู้ไหมว่าที่แม่เลี้ยงตะโกนพูดว่าอะไร แม่บอกว่า กูจะเอามึง กูจะเข้ามึง กูจะสิงมึง เอาตัวมัน ถ้ากูเข้าได้กูจะไปนอนกับผู้ชาย ถ้ามึงไปหาผู้ชายไปนอนไม่ได้ กูจะกินมึงแทน กูจะเข้า กูจะเข้า” 

คุณพลอยเลยถามกลับว่า “แม่เลี้ยงเป็นอะไรไป” พ่อเลยบอกว่า “คนที่มาเข้าสิง เค้ามาเฝ้าตั้งแต่เมื่อคืน แต่คนในบ้านเราสวดไล่เค้า “กูเลียมันแล้ว รูมันไม่เปิด กูเข้าไม่ได้ กูเข้ามันไม่ได้ กูเฝ้าตั้งแต่เมื่อคืน แต่บ้านพวกมึงสวดไล่กู จนถึงตอนเช้า ถ้ากูยังเข้าหามันไม่ได้ กูก็จะเข้าอีนี่ ผ่านอีนี่ไปหามัน” 

แต่พ่อก็บอกคุณพลอยว่า “ให้สบายใจได้เพราะตอนนี้หมอธรรมทำพิธีให้แล้ว แล้วรู้ไหมว่ามันเกิดจากอะไร เพราะลูกไปให้ยายคนนั้นจับ ยายคนนั้นจะมาตีสนิทกับผู้หญิงต่างถิ่นที่ผิวพรรณดี หน้าตาดี แล้วเค้าจะเข้ามาสิง จากนั้นก็จะไปนอนกับผู้ชายให้มีอะไรกับผู้ชาย จนเสร็จกิจแล้ว ตอนเช้าเค้าก็จะออกไป แต่ถ้าหากมีญาติพี่น้องรู้ว่าโดนผีสิง ยายคนนั้นก็จะกินข้างในคนที่ถูกสิงแทน” 

มีประวัติหญิงต่างถิ่นมาเสียชีวิตที่นี่แล้วถึงสี่ราย และก็มีอีกไม่รู้กี่คนที่ถูกเข้าสิง แล้วไปนอนกับผู้ชายแบบไม่มีสติอีก แล้วก็มีคนบอกว่า คนที่จะโดนมักจะเป็นคนที่ธาตุอ่อน ดวงตก เค้าจึงเข้าสิงได้ แต่โชคดีที่ตอนนั้นคุณพลอยดวงไม่ตกเค้าเลยเข้ามาไม่ได้ ส่วนประวัติของยายคนนี้ก็คือ 

เมื่อก่อนนั้นยายแกเป็นคนทำคุณไสยให้กับผู้หญิงเพื่อให้คนมาหลงมารัก  แต่ก็ไม่มีลูกหลานคนไหนมาสืบทอดต่อ จนมันย้อนกลับเข้าตัวเองทำให้แกยังคงหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องพวกนี้ พอเวลามีงานเทศกาลต่างๆ ยายคนนี้ก็จะแต่งตัวสวยๆออกจากบ้าน แต่จะไม่มีใครเห็นยายที่งานเลย และจะมีข่าวว่ามีหญิงสาวหมู่บ้านอื่นถูกลักพาตัวไปหรือถูกรุมโทรมตลอด 

หลังจากนั้นพ่อจึงให้คุณพลอยกลับบ้านที่อุบลทันที เพราะให้อยู๋ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว พอวันรุ่งขึ้นคุณพลอยตื่นมาก็พบว่ารอยที่โดนเลียนั้นเป็นสีม่วงช้ำ เหมือนคนโดนทุบโดนตี ต้องใช้เวลาเป็นสิบวันรอยนี้ถึงหายไป หลังจากเหตุการณ์นี้คุณพลอยก็ไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านนั้นอีกเลย และเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้ 

ขอบคุณที่มา The Shock เรื่องต้องรีบออก คุณพลอย
ถอดความโดย คลังหลอน

***ไม่อนุญาติให้คัดลอกบทความไปเผื่อแพร่ที่อื่น นอกจากแชร์ลิงค์ หากนำไปดัดแปลงเป็นรูปแบบอื่น กรุณาแปะลิงค์ต้นฉบับไว้ด้วยครับ*** 

Previous articleยุติการเผยแพร่
Next articleยุติการเผยแพร่