Home กระทู้ผีพันทิป หญิงสาวที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างคนนั้น

หญิงสาวที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างคนนั้น

หญิงสาวที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างคนนั้น
ทริปหลอนโรงแรมไม้เก่า

ย้อนกลับไปสัก 20 ปีก่อน ตอนผมยังเป็นหนุ่ม เพิ่งเรียนจบเริ่มทำงานใหม่ๆ ผมกับเพี่อนอีกสี่คนชวนกันไปเที่ยวเมืองกาญจน์ เพื่อนกลุ่มนี้ก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับตอนออกล่าท้าผีนั่นแหละ สมัยยังเป็นวัยรุ่นตอนนั้นทุกคนล้วนแต่ห้าวหาญไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด แม้แต่ความตาย

เราเคยไปเที่ยวด้วยกันบ่อย ที่เที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพเราลุยมาทุกย่าน ไปแบบไม่มีแผนอะไร ไม่เคยเป็นห่วงที่กินที่นอน ขอให้ได้ไปแค่นั้น ที่ที่ไม่ควรจะนอนอย่างศาลาริมทาง ศาลาวัด เราก็เคยนอนมาแล้ว ครั้งนี้ก็เหมือนเดิม เรากะไปหาที่พักเอาข้างหน้า เพื่อนคนหนึ่งขับรถปิ๊กอัพของที่บ้านไป พวกเราสี่คนก็สลับกันไปนั่งกับเพื่อนคนขับบ้างนั่งกระบะท้ายบ้างสนุกสนานเฮฮาไปตลอดทาง

พวกเราตระเวณเที่ยวไปทั่วเมืองกาญจน์ ที่สุดท้ายที่เราแวะเที่ยวตอนเย็นคือสุสานทหารสัมพันธมิตร ออกมาจากบริเวณสุสานก็ใกล้มืดเต็มที ผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีที่พัก จึงบอกกับเพื่อนๆ ว่า “หาที่พักเหอะ นอนโรงแรมกันดีกว่า กูพอมีตังค์” เพื่อนๆ ทุกคนเห็นด้วย เราขับรถตระเวนหาที่พัก แค่หลายที่บอกไม่ว่าง แต่ผมคิดว่าพวกเขาเห็นสภาพเราแล้ว้ลยไม่อยากรับเราเข้าพักมากกว่า

จนเกือบสองทุ่ม เรามาเจอโรงแรมไม้เก่าๆ สี่ชั้นแห่งหนึ่ง อยู่ในซอยลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ประมาณร้อยเมตร เป็นโรงแรมโทรมๆ คิดว่ามีอายุพอสมควร รอบข้างเป็นป่าละเมาะ มีบ้านเรือนร้านค้าอยู่ห่างออกไปประปราย โรงแรมยุคเก่าที่ไม่มีระเบียงด้านนอก แต่มีหน้าต่างบานพับแบบโบราณรายรอบ หน้าต่างไม้บานพับแบบที่มีตะขอยึด ที่ยุคนี้แทบไม่เห็นแล้ว แต่ตามโรงเรียนแถบชนบทก็ยังพอมีให้เห็น

เราเดินผ่านโถงมืดๆ เข้าไปหาชายแก่ที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ จึงเข้าไปสอบถามว่าห้องว่างหรือเปล่า ลุงทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยตอนที่เห็นเรา แล้วลุงก็แจ้งราคาห้องพัก แล้วบอกเราว่าจะพักห้องไหนก็เลือกเอาได้เลย “ได้หมดเหรอลุง” เพื่อนคนหนึ่งถาม 

“ใช่ ลองเปิดประตูดู ห้องไหนว่างไฟสว่างก็เข้าไปเลย” ผมหันไปรอบๆ สำรวจโรงแรม มันเป็นโรงแรมแบบมีโถงกลาง ชั้นล่างเป็นโถงใหญ่มีห้องอยู่สองสามห้องคิดว่าไม่น่าใช่ห้องพัก น่าจะเป็นห้องพักคนดูแล ห้องเก็บของ และห้องน้ำ เคาน์เตอร์อยู่ลึกติดผนังด้านในและติดกับบันได ทุกชั้นมีบันไดขึ้นอยู่ด้านซ้ายด้านเดียว

ชั้นสองถึงชั้นสี่มีระเบียงรอบโถงกลางมีห้องพักรายรอบ ระเบียงเป็นรูปตัวยู วนไปอีกด้านซึ่งเป็นทางตัน ถ้าอยากลงชั้นล่างหรือขึ้นชั้นบนต้องย้อนกลับมาทางเดิม ชั้นบนทุกชั้นมีห้องพักห้าห้อง มีห้องน้ำรวมอยู่ถัดจากสองห้องแรก ไฟตามทางเดินที่เป็นหลอดแบบมีไส้ขดลวดให้แสงสีเหลืองหม่นติดบ้างไม่ติดบ้างทำให้บรรยากาศดูทึบทึม

เราเดินสำรวจขึ้นไปเรื่อยๆ บางห้องประตูถูกปิดไว้ บางห้องก็เปิดแง้มไว้ ไม่มีวี่แววสิ่งมีชีวิตใดๆ ใช่แล้วครับ ทั้งโรงแรมมีแค่เรา เราเดินขึ้นไปชั้นบนสุด สามห้องแรกรวมทั้งห้องน้ำปิดประตูเงียบเชียบ ยกเว้นสองห้องในสุดที่ประตูเปิดแง้มไว้ มีแสงไฟวับแวมลอดออกมาเหมือนจะรอต้อนรับเรายังไงยังงั้น เพื่อนสามคนเลือกห้องสุดทางเดิน ส่วนผมกับเพื่อนอีกคนจับจองอีกห้อง

ประมาณตีหนึ่ง ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่ห้องผม เรานั่งกินเหล้า ล้อมวงเล่นไพ่บนเตียง โดยเปิดประตูห้องไว้ ผมนั่งหันหน้าไปทางประตู ระหว่างที่กำลังก้มๆ เงยๆ ยกแก้วจั่วไพ่กันอยู่นั้น สายตาผมเหลือบไปเห็นเงาดำเคลื่อนตัวผ่านประตูห้องไปทางห้องในสุด ทางนั้นไม่มีทางลงทางออก แล้วใครกันที่เข้าไปและเข้าไปทำไม หรือจะเป็นแขกคนใหม่เข้าไปดูห้อง แต่ถ้าเข้าไปแล้วเจอกระเป๋าที่เพื่อนผมวางไว้เดี๋ยวก็คงออกมา หรือจะเป็นคนดูแลเข้าไปเช็คห้อง เดี๋ยวก็คงออกมาทางเดิม ผมคิด

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นมีใครออกมา ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงแล้วผมชักสงสัยเลยลุกขึ้นเพื่อออกไปดูให้รู้แน่ ผมก้าวผ่านประตูออกไปที่ระเบียงก่อน เพื่อจะดูว่าลุงคนดูแลยังอยู่ที่เคาน์เตอร์ไหม ในความมืดสลัวลุงยังนั่งอยู่ที่นั่นเงยหน้ามาสบตาผมพอดี สายตาผมคงไม่ฝาดผมเห็นลุงแสยะยิ้มให้ผม ผมพยักหน้าให้ลุงแล้วถอยออกจากราวระเบียงเดินไปทางห้องริมสุด

ประตูห้องเปิดแง้มอยู่ มีแสงไฟลอดออกมา  ผมค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปช้าๆ มีเสียงเอี๊ยดเบาๆ สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมตัวชาวาบ เมื่อในห้องว่างเปล่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ มีเพียงกระเป๋าของเพื่อนที่วางอยู่บนเตียง ผมเห็นบานหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่กำลังโยกไหว ทั้งที่ตอนนั้นไม่มีลมเลยซักนิด ตะขอคงหลุดจากบานหน้าต่างเสียดสีกับฝาผนังไม้เสียงดังแกรกกราก แล้วร่างที่ผมเห็นเดินเข้ามาล่ะ… หายไปไหน ใจผมเต้นระรัว หันหลังกลับไปเข้าห้อง ยกแก้ว เล่นไพ่ต่อโดยไม่บอกใคร คืนนั้นก็ผ่านไป

วันถัดมาตอนสายพวกผมก็เตรียมตัวกลับ เดินลงมาถึงโถงชั้นล่างผมมองหาลุงคนดูแลเพื่อจะถามอะไรหน่อยแต่ก็ไม่เห็น คงออกไปหาอะไรกิน ผมคิด เราขับรถออกมาจากโรงแรมถึงปากซอยที่มีร้านค้าอยู่ ผมบอกเพื่อนคนขับให้จอด เพื่อจะลงไปซื้อน้ำ ระหว่างที่ป้าคนขายกำลังสาละวนหยิบขวดน้ำใส่ถุงให้ผมอยู่นั้น ผมตัดสินใจเอ่ยถาม “ป้าครับ โรงแรมด้านในนั้นมีอะไรผิดปกติบ้างไหม” ป้าหันมาสบตาผม สีหน้าสีตามีแววหวาดกลัวนิดๆ

“…เจอเหมือนกันเหรอลูก”

“เจออะไรกันเหรอครับ….ป้าช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม…”

ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ป้าอีกเล็กน้อย รอฟังสิ่งที่ป้ากำลังจะเล่า…

เมื่อราวสิบปีที่แล้ว มีหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งกระโดดจากหน้าต่างโรงแรมลงมาฆ่าตัวตายอย่างน่าสยดสยอง มารู้ทีหลังว่าเธอท้องอยู่ด้วย ตายทั้งกลม เธอเป็นสาวบ้านป่า พบรักและอยู่กินกับหนุ่มกรุงเทพที่เป็นข้าราชการปกครองที่ถูกส่งมาทำงานที่นี่ หนุ่มคนนี้ มีนามสกุลที่มีชื่อเสียงอยู่ในวงสังคมตอนนั้น พ่อแม่ของหนุ่มไม่ชอบใจอย่างแรงเมื่อรู้ข่าว รีบใช้อิทธิพลในวงสังคมเดินเรื่องให้หนุ่มได้กลับไปทำงานในกรุงเทพ แต่เขาแข็งขืน หนุ่มแจ้งข่าวคนรักว่าจะกลับมารับไปอยู่ด้วยกันในจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน ให้สาวออกจากบ้านมารอเขาอยู่ที่โรงแรมแห่งนั้น แต่หนุ่มก็เงียบหายไร้วี่แวว สาวรออยู่ด้วยความทุกข์ระทมอยู่สองเดือนท้องก็เริ่มใหญ่ขึ้น.. เงินก็เริ่มหมด…แล้วก็…ใช่แล้วครับ…หน้าต่างห้องนั้น

วันดีคืนร้ายมีคนเห็นหญิงสาวนั่งอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ห้อยขาลงมา มีเลือดไหลจากต้นขาหยดลงทางปลายเท้าติ๋งๆ เป็นที่หวาดผวา บางคนหนักกว่านั้นเห็นตอนกำลังทิ้งตัวลงมาด้วยถึงขั้นย้ายบ้านหนี.. 

ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมได้บอกลาป้าหรือไม่ช่วงที่หันหลังออกจากร้าน ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนมีใครมาเปิดกระโหลกแล้วหย่อนก้อนน้ำแข็งเย็นๆ ลงในสมองผมรู้สึกชาทั้งตัวทั้งความรู้สึก เส้นขนทุกเส้นที่อยู่บนตัวผมลุกชูชันความคิดของผมสับสนปนเปไปหมด ในระหว่างนั่งรถกลับกรุงเทพ

ทำไมต้องเป็นผม ..ผมเป็นคนไม่กลัวผี ..ผมไม่เชื่อเรื่องผี…ตาผมคงฝาดไปเอง…ป้าเล่าเรื่องผีมาหลอกผม…ป้าโกหกกก…ไม่….ไม่…….ไม๊มมมมม….

ขอบคุณที่มาสมาชิกพันทิปหมายเลข 4493994

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here