มันเป็นเรื่องราวของชายคนขับรถแท็กซี่ ที่ได้ไปพบเจอกับเหตุการณ์สุดพิศวง เขาเล่าว่า คืนนั้นเวลาสักประมาณตีหนึ่งกว่าๆ เขาได้ไปเจอลูกค้าคนหนึ่งกำลังยืนโบกรถอยู่ที่หน้าวัดในแถวๆยานดอนเมือง
เขาไม่รอช้ารีบขับรถเข้าไปจอดรับและสอบทางเส้นทางที่ลูกค้าจะไป “จะไปไหนครับยาย”
“ยายจะกลับบ้านแถวรังสิตคลอง6 ไอ้หนุ่มเอ็งไปส่งยายที่ไป”
“ได้เลยครับยาย ขึ้นรถมาก่อนเลย ข้าวของ ของยายเดี๋ยวผมช่วยขนขึ้นรถให้เองครับ”
“เออๆ ขอบใจมาก ขอบใจมากนะ”
หลังจากที่ยายขึ้นรถแท็กซี่มาแล้วแกก็ได้บอกถึงจุดหมายปลายทางบ้านของแกให้กับคนชายคนขับรถแท็กซี่
เขาก็คิดในใจว่าคืนนี้ช่างโชคดีเสียจริงๆ ได้ไปส่งลูกค้าใกล้ๆ กับละแวกบ้านเขาตั้งใจว่าถ้าส่งยายเสร็จ
ก็จะกลับเข้าไปพักผ่อนที่บ้าน
ขับรอออกมาได้สักพัก ในระหว่างทางชายหนุ่มก็ได้ชวนยายพูดคุย ไปเรื่อยเปื่อยตามภาษาคนขับรถแท็กซี่
“ดึกๆ ดื่นๆ ป่านนี้แล้วยายไปทำอะไรที่วัดละ แล้วขนข้าวขนของอะไรมาด้วยเยอะแยะเต็มไปหมด”
“ยาย มาฟังพระสวดศพ คืนสุดท้ายแล้ว นี้ก็เลยขนของที่ยายเอามาใช้ที่วัดกลับบ้านมาด้วยเลย”
คำตอบที่ชายคนขับรถแท๊กซี่ได้รับกลับมามันทำให้เขารู้สึกเย็นสันหลังวูบขนลุกไปทั้งตัว และเริ่มรับรู้ถึงความอึดอัดภายในรถขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเขาเริ่มกลับมานึกขึ้นได้ว่า
บริเวณหน้าวัดที่เขารับยายมานั้น มักจะมีเรื่องเล่าของพวกคนขับรถแท็กซี่ด้วยกันว่า มักจะได้ไปพบเจอกับผู้โดยสารหญิงสาวชุดดำ ให้ไปส่งยังสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วผู้โดยสารคนนั้นก็จะหายไปตัวไปในระหว่างทาง
แต่ในตอนนี้คนที่เขารับมานั้น เป็นยายแก่ที่รับอายุก็น่าจะประมาณ 60 กว่าปี เห็นจะได้ ยายคนนี้ไม่น่าจะเป็นอย่างในเรื่องที่เล่าๆ กันหรอก เขาเลยลองหาชวนยายแกคุยไปถึงเรื่องเส้นทางที่จะให้ไปส่ง เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศภายในรถ
“เอ่อ ……ยายวิ่งมาถึงคลองหกตรงนี้แล้วไปอีกไกลไหมล่ะบ้านยายนะ”
“ไม่ไกล ไกลไม่ หรอก เดี๋ยวผ่านหน้าวัดข้างหน้าแล้วเลี้ยวเข้าซอยไปหน่อย ไม่ไกลไม่ไกล”
เขาก็เลี้ยวรถเข้าซอยไปตามที่ยายบอก ถนนเส้นนี้เมื่อขับรถเข้ามามันเป็นถนนเส้นเลียบคลอง ไฟตามทางถนนบ้านพักอาศัยของผู้คนก็ยังพอมีอยู่บ้าง เป็นระยะ ระยะ
ขับรถผ่านไปได้สักระยะแสงไฟส่องถนนและบ้านผู้คนต่างๆ ก็ค่อยๆ ลดน้อย หายลงไป ถนนทั้งเส้นก็เหลือแต่เพียงความมืดและเปลี่ยวมากยิ่งขึ้นไปทุกที่
“ยายพามาถูกทางแน่นะ ทางนี้ทำไมมันดูเปลี่ยวๆ ยังไงพิกล”
“ถูกแล้ว ถูกแล้วทางนี้แหละไปอีกไม่ไกล ใกล้จะถึงแล้ว”
ในระหว่างทาง ขับรถมาได้สักระยะหนึ่งแสงไฟหน้ารถเขาส่องไปเห็นอะไรบางอย่างอยู่ตรงริมถนนข้างทาง พอขับรถเข้าไปใกล้ๆ เข้าจึงได้เห็น ว่าเป็นตาลุงแก่ๆ คนหนึ่งจอดรถซาเล้ง เอาไว้อยู่บริเวณข้างทาง
ท่าทางแกกำลังก้มๆ เงยๆ หาเก็บของอะไรบางอย่างอยู่ พอรถกำลังจะวิ่งผ่านไปจึงได้รู้ว่า ตาลุงคนนั้นกำลังเก็บหาของเก่าอยู่ที่ข้างๆ กองขยะ
ลุงคนนั้นแกหันหน้ากลับมามองและส่งยิ้มให้กับเขา ประเมินด้วยสายที่มองลุงแกน่าจะอายุ 60 กว่าๆ เห็นจะได้ ผมหงอกขาวไปทั้งหัว ใส่เสื้อผ้ามอมแมม เลอะๆ เทอะๆ หน่อย
เขาขับรถไปได้อีกสักระยะผ่านไปประมาณสามสี่กิโลกว่าๆ แสงไฟรถเขาก็ได้ส่องเห็นอะไรบางอย่าง ที่บริเวณข้างทางริมถนน เขาเห็นเป็นคนชายแก่คนหนึ่งยืนก้มๆ เงยๆ อยู่ที่บริเวณข้างทางนั้น พอขับรถเข้าไปใกล้ๆ จึงได้เห็นว่าชายแก่นั้น ดูคล้ายๆ กับตาลุงที่เขาเพิ่งขับรถผ่านไปเมื่อกี้ทั้งเสื้อผ้าท่าทาง อีกทั้งยังมีรถซาเล้งคันเก่าๆ ที่เหมือนกันอีกด้วย
ในขณะที่รถกำลังจะวิ่งผ่าน ชายแก่นั้น แกก็หันหน้ามองเข้ามาในรถ ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เขาก็ได้เห็นถึงใบหน้าและรอยยิ้มของชายแกคนนั้นอย่างชัดเจน ใบหน้า ทรงผม ผมที่หงอกขาวไปทั้งหัว ใช่เลย นี้เป็นลุงคนเดียวกันกับลุงแก่ๆ ที่เขาเพิ่งขับรถผ่านไปเมื่อตะกี้
เฮ้ย!!!! มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ตาลุงนั้นๆ จะถีบรถซาเล้งแซงรถของเขา จนมาดักอยู่ที่ทางข้างหน้าบนถนนเส้นนี้ ก็ในเมื่อรถเขาก็ขับมาด้วยความเร็วอยู่พอสมควร มันเป็นไปไม่ได้เลย
ชายคนขับรถแท็กซี่ ก็ลองพยายามเหลียวหลังหันกลับไปมอง เขาก็ยังเห็นว่าตาลุงคนนั้น ก็กำลังก้มๆ เงยๆ เก็บของเก่าอยู่
เขาได้แต่คิดในใจว่าคงจะตาฝาดไปเองก็ได้ แต่ก็ยังรู้สึกแปลกกับเหตุการณ์ที่ได้เจออยู่เหมือนกัน
“ใกล้…ใกล้… จะถึงรึยังละยาย”
“จะถึงแล้วจะถึงแล้ว ตรงไปอีกหน่อยพอถึงต้นไทรใหญ่ๆ ข้างหน้าเลี้ยวซ้ายเข้าซอย ไปอีกหน่อยก็ถึงละ”
เขาอยากที่จะไปส่งยายให้ถึงบ้านและได้ออกไปจากถนนเส้นนี้เสียที่ จึงเร่งความเร็วรถขึ้นไปอีก ขับรถมาได้อีกสักระยะ ก็ไกลจากจุดที่เจอลุงคนที่สองพอสมควร เขาก็ได้เห็นกับต้นไทรใหญ่ที่ยายบอก
เขาชะลอรถเพื่อเตรียมที่จะเลี้ยวเข้าซอยแสงไฟหน้ารถก็ได้ไปส่องเห็นกับ ชายแก่ๆ คนหนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ บริเวณกองขยะใต้ต้นไทร คุณพระช่วย!! ชายแก่คนนั้น ที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งเสื้อผ้าทรงผมและรถซาเล้งที่จอดอยู่ มันเหมือนกับเป็นภาพซ้ำวนกลับมาอีกครั้ง
ในระหว่างที่รถกำลังชะลอ จะเลี้ยวเข้าซอย ผ่านต้นไทรต้นนั้น ตาลุงแก่เก็บของเก่าก็ได้หันหน้ามองเข้ามาที่รถแท็กซี่ ใบหน้าและรอยยิ้มของลุงคนนั้นเขาจำได้เป็นอย่างดีเพราะว่าเขาเพิ่งได้เจอมาเมื่อสองครั้งก่อนหน้านี้ ใช่แล้วมันเป็นใบหน้าของคนคนเดียวกัน เป๊ะ เขาเจอลุงคนนี้ คนเดียวถึงสามครั้ง สามจุด ตาเขาคงไม่ฝาดไปแน่ๆ ถนนเส้นนี้ มันมีอะไรกัน
ภายในรถที่แอร์เย็นฉ่ำ แต่ตัวเขานั้น กลับมีเหงื่อแตกท่วมไปทั้งตัว เขาขับรถตรงต่อไปในซอย อย่างลุกลี้ลุกลนหันซ้ายหันขวา มองกลับไปกลับมา
“เอ็งเป็นไร ของเอ็งวะไอ้หนุ่ม ขับรถท่าทางลุกลี้ลุกลน”
“ยาย ยาย ….ยายเห็นลุงแก่ๆ เก็บของเก่าข้างทางนั้นไหม”
ชายคนขับรถแท็กซี่จึงได้เล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เขาได้เจอให้กับยายได้ฟัง
“ฮะๆ ฮะ” เสียงหัวเราะอันเย็นยะเยือกของยาย แกขำออกมาก่อนจะตอบกับชายหนุ่มไปว่า “เอ็งเห็นพวกมันหรอ ที่เอ็งเห็นมันนะ มันไอ้ เชิด ไอ้ชิด ไอ้ชัย มันเป็นพี่น้องฝาแฝดกันสามคน มันออกมาหาเก็บของเก่าเอาไปขาย ตอนกลางวันพวกมันร้อน มันเลยชอบออกมาหาของกัน ในตอนกลางคืนแบบนี้ละ”
“หา เป็นพี่น้อง ฝาแฝด แฝดสามคนเลยรึยาย ปัดโถ่ ฉันก็นึกกลัวว่าจะเป็นผี ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าตอนขับรถกลับแล้วเจออีกจะทำอย่างไรดี” ” คำตอบของยาย ทำให้เขาผ่อนคลายความกลัวไปได้เป็น อย่างมาก แล้วรถของเขาก็ได้มาจอดส่งถึงหน้าบ้านของยายพอดี
“จอดๆ จอดตรงนี้และถึงแล้วถึงแล้ว เอ่อ ๆ ขอบใจ ขอบใจเอ็งมากๆ นะ เอาไปเลยยายให้ลูกไม่ต้องทอนไม่ต้องทอน”
ยายใจดีควักเงินจ่ายค่ารถ ให้เขาไปห้าร้อยบาท ถึงแม้มิเตอร์มันจะขึ้นมาเพียงสามร้อยบาทเท่านั้น
“ขอบคุณมากๆ เลยครับยาย เดี๋ยวผมช่วยถือของขึ้นไปส่งให้ที่บนบ้านของยายนะ”
“เออๆ ขอบใจมาก ขอบใจ เดี๋ยวยายขึ้นไปเปิดประตูบ้านก่อนนะ”
บ้านของยายเป็นบ้านไม้สองชั้นยกสูง มีพื้นที่บริเวณใต้ถุนบ้านเหมือนกับบ้านไม้ตามต่างจังหวัดทั่วๆ ไป เขาได้เดินขนของขึ้นตามยายไปบนบ้านชั้นสอง ก็เกิดปวดปัสสาวะขึ้นมาจึงว่าจะขอใช้ห้องน้ำที่บ้านของยาย
“ยาย ยาย ฉันขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ ปวดเบานะยาย”
“เออๆ ได้สิได้สิ เอ็งเดินตรงเข้าไปอย่างเดียวเลยนะ เลยโต๊ะกินข้าวไปหน่อยแล้วเลี้ยวขวา
เอ็งก็จะเจอกับห้องน้ำ มันมืดหน่อยเดี๋ยวยายไปเปิดไฟให้นะ” เสียงของยายตอบกลับออกมาจากในความมืดภายในบ้าน
คนขับรถแท็กซี่ ก็ค่อยๆ เดินตรงฝาเข้าไปในความมืดตามที่ยายได้บอก เขาก็ได้มาหยุดอยู่ตรงบริเวณโต๊ะกินข้าว และแล้วแสงสว่างทั้งหมดภายในบ้านมันก็ได้ถูกเปิดออก!
เขาจึงได้รู้ว่า ตัวเขาเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงที่หน้าหิ้งพระ เขาพยายามกวาดสายตามองหายายภายในบ้านแต่ก็ไม่เจอแต่อย่างใด จนกระทั่งเขาได้เงยหน้าขึ้นไปมองที่หิ้งพระ รูปถ่ายใบหน้าของยายคนที่เขารับขึ้นรถมา กำลังยิ้มให้เขาอยู่ที่บนหิ้ง พร้อมทั้งมันยังมีโกศกระดูกวางเอาไว้อยู่ข้างหน้ารูปถ่ายใบนั้นด้วย
อีกทั้งข้างๆ รูปของยายก็ยังมีรูปของลุงเก็บของเก่าที่เขาเพิ่งได้เจอบนถนน วางเอาไว้อยู่คู่กัน อีกต่างหาก ตัวเขายืนขาสั่นหมดเรี่ยวแรงอยู่ที่หน้ารูปของ2ตากับยายนั้น
“เจอรึยังละไอ้หนุ่ม” เสียงของยายกระซิบถามลอยขึ้นมา
คนทำรถแท็กซี่พอได้ยินเสียงนั้นสติเขาก็แตกกระเจิง ปัสสาวะราดลงพื้นตรงนั้นแล้ววิ่งแหกปากร้องตะโกนกลับไปที่รถ “เจอแล้ว ผีหลอก ช่วยด้วย ผีหลอก ผีหลอกฮือๆ ช่วยด้วย” เขากลับขึ้นมาบนรถได้ ก็รีบขับรถออกมาจากบ้านของยาย โดยที่ไม่สนใจเลยว่าจะมีเสียงของยายคนนั้นร้องเรียก ตะโกนตามหลังเขามา
“ไอ้หนุ่ม กลับมาก่อน กลับมา เอ็งกลับมาก่อน เอ็งขึ้นมาบนบ้าน มาฉี่กลางบ้านข้าแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย”
ยายคนนั้นแกก็หันหลังกลับไปแล้วได้แต่บ่นพึมพำกับรูปพี่ชาวฝาแฝดของแกบนหิ้งพระว่า
“ยายดี ทำฉันอีกแล้วนะ ฉันต้องมาทำความสะอาดเช็ดฉี่ไอ้หนุ่มนั้นอีก คืนนี้แทนที่จะได้รีบนอนหลับพักผ่อน ใครแปลกหน้า มาที่บ้านเห็นภาพยายดีก็คิดว่าเป็นฉันตายไปแล้วทุกที่ ” “แนะไม่ต้องมายิ้มให้ฉันเลยนะ”
ในบางครั้งสิ่งที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้า เราอาจจะเชื่อว่านั้นคือความเป็นจริง แต่ถ้าเราได้ ลองคิดวิเคราะห์แยกแยะกันให้ดีๆ ความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า มันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงอย่างที่เราเห็น ก็ได้นะครับ
ที่มาสมาชิกพันทิปmacneto