เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคุณหมีได้ฟังมาจากคุณพ่อ เรื่องเกิดขึ้นแถว ๆ แถวชลบุรี อำเภอบางพระ ขอเริ่มเรื่องเลยละกันนะครับ
ย้อนไปเมื่อสัก 40-50 ปีก่อน คุณพ่อผม ช่วงนั้นอายุประมาณสัก 13-14 วัยกำลังที่จะเข้าช่วงเป็นวัยหนุ่ม ครอบครัวของท่านในตอนนั้นไม่ค่อยจะสมบูรณ์แบบ คุณปู่เป็นคนที่ค่อนข้างเมาแล้วชอบอาละวาด ชอบตีลูกๆ ตีน้อง ตีแม่ ตีทุกคนในบ้านนั่นแหละ เวลาทานเหล้ากลับมาพ่อผมจะโดนตลอด จนกระทั่งคุณย่า เขาทนไม่ไหว จึงพาหนีจากตัวเมืองแปดริ้ว มาตายเอาดาบหน้า มีเงินติดตัวทั้งหมดอยู่ประมาณ 40 บาท ก็คิดในใจว่าถ้าเงินหมดที่จังหวัดไหน ก็จะอาศัยอยู่ที่จังหวัดนั้น
คุณย่าดั้นด้นมาเรื่อย จะมีคุณย่าผม มีพี่ชาย แล้วก็มีน้องสาวคุณพ่ออีกคนนึง รวมทั้งหมดเป็น 4 คน นั่งรถแดงกันไป ตอนนั้นคิดว่าจะมาจันทบุรีครับ เพราะว่าจันทบุรีในสมัยนั้นก็อุดมไปด้วยพืชผักผลไม้ ปลูกอะไรขายก็ได้ น่าจะใช้ชีวิตง่าย ๆ ได้อยู่ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ได้ไปหยุดอยู่ตรงหนองมนแทน เพราะว่าคุณย่านึกได้ว่ามีคนรู้จักอยู่แถวนี้ ในยุคนั้นมันไม่มีโทรศัพท์มือถือ กะว่าไปตายเอาดาบหน้าจริงๆ
พอมาเฝ้าอยู่ตลาดหนองมน บังเอิญมีเจอคนรู้จักมาทักถามว่าเป็นยังไงมายังไง คุณย่าผมก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังทั้งหมดว่ามีปัญหามา คนรู้จักก็บอกว่า “เออ งั้นมาเฝ้าสวนให้หน่อย” “คุณย่าผมก็ตอบตกลง คุณยาเลยพาทุก ๆ คน นั่งรถแดงไปที่สวนนั้น เดินทางไปประมาณ 20 กว่ากิโล แถวนั้นจะเป็นตีนภูเขา พอไปถึง ก็เห็นสวนมัน สวนป่าอ้อย และมีสวนผลไม้แซมอยู่ ส่วนที่พักที่คิดว่าเป็นบ้าน แต่มันไม่ใช่ มันเป็นเพิงลิเกเก่า ไม่มีกำแพง เหมือนศาลาใหญ่ๆเท่านั้นเอง ไม่มีห้องน้ำ เวลาจะขับถ่ายก็ต้องถือจอบอันนึง แล้วไปใกล้ ๆ สวน แล้วขุดหลุ่มเพื่อทำธุระ ส่วนข้างหลังของเพิงลิเกจะเป็นบ่อกรวด ที่เขาจะตักหน้าดินอะไปทำอุตสาหกรรมหรือปูนอะไร พอฤดูฝน จะทำให้บ่อกรวดมีน้ำขัง คุณพ่อบอกว่า ความใหญ่ของบ่อกรวด จะประมาณ 2 สนามฟุตบอลได้ ถ้าตกลงก็อย่าหวังว่าจะได้ขึ้นมา
ช่วง 2-3 วันแรกไม่มีปัญหา ตอนกลางคืนอากาศจะหนาว หนาวมาก แถมยังไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่มีเครื่องอำนวยอะไรเลย จุดตะเกียงเพื่อให้แสงสว่าง ในวันแรก คุณพ่อเดินไปอาบน้ำครับ ตามชนบท เครื่องปั๊มน้ำจะเป็นคันเหล็กโยก เดินไปประมาณ สัก 15 ก้าว ก็จะเป็นบ่อน้ำ สำหรับเอาไว้ใช้ในการเกษตรต่างๆ แต่เวลาอาบจะไม่ใช่บ่อน้ำนี้ จะใช้ตัวปั๊มน้ำ ก็ต้องโยกๆๆ เข้าไป น้ำที่ออกมามันก็จะเป็นน้ำขุ่นๆ ปนขี้ดิน
ในช่วงนั้นคุณพ่อใช้ชีวิตลำบากมาก หัวนี่เต็มไปด้วยขี้ดินทั้งนั้นเลย เพราะว่าน้ำมันไม่สะอาด แต่ก็ต้องทนใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้ วันนั้นประมาณสัก 5-6 โมงเนี่ย คุณพ่อผมเดินไปอาบน้ำ เห็นป้าอยู่คนนึง อายุราวๆสักประมาณ 60 ตัวผอมๆ นุ่งผ้าถุงสีดำ ใส่เสื้อสีขาว อยู่ดีๆก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ มานั่งอยู่บนเข่งที่เอาไว้ครอบต้นกล้า แล้วมองมาที่คุณพ่อแล้วยิ้มให้ คุณพ่อก็อาบน้ำไป ก็ไม่ได้สนใจอะไร เวลานั้นก็ประมาณ 5-6 โมงเย็น ตะวันยังไม่ตกดิน เห็นป้าคนนั้นมาทุกวันๆ จนมีความคุ้นชิน คุณพ่อก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร
พอผ่านประมาณ 2 อาทิตย์ วันนั้นคุณย่ามาเก็บมันเก็บพืชผักเอาไปขายในตลาด ทำให้เหลืออยู่กันสามคนพี่น้องในเพิงลิเก คุณพ่อก็มาเล่าให้พี่ชายเขาฟัง พี่ชายของพ่อผม (ชื่อลุงแดง) พ่อบอกลุงแดงว่า ทุกเย็นเวลาไปอาบน้ำจะเห็นป้าคนเเดิมมายืนมองตลอดเลย หน้าตาของป้าแกจะมีรอยเหี่ยวย่น และยิ้มตลอดเวลาที่มอง แต่ยิ้มเหมือนเอ็นดูเด็ก ลุงแดงก็บอกว่า เห้ยย เขาชองมีงหรือเปล่า ลุงแดงแซวพ่อ
พอคุยกันจบ พ่อผมก็ไปอาบน้ำเหมือนเดิม แล้วคุณย่าก็กลับมา พ่อกำลังโยกๆๆน้ำอยู่ แล้วป้าคนเดิมแกก็มานั่งบนเข่งนี้เหมือนเดิม แต่ทุกครั้งที่แกมา คุณพ่อไม่ได้สังเกตว่าแกเดินมาจากตรงไหน เห็นอีกทีก็มานั่งอยู่ที่เข่นนั้นแล้ว ก็คิดว่าคงเป็นชาวบ้านแถวนี้ เห็นเด็กก็คงจะเอ็นดูเด็ก แล้วพ่อก็อาบน้ำไปปกติ แต่คราวนี้แกมาแปลกกว่าทุกครั้ง ป้าแกกวักมือเรียก พ่อก็เหมือนกึ่งกล้าๆกลัวๆ จึงบอกว่าไม่ไปพร้อมส่ายหัว พออาบน้ำเสร็จก็มาเล่าให้คุณย่าฟังว่ามีป้าคนเดิมมากวักมือเรียก คุณย่าก็บอกว่าอย่าไปนะ ถ้าไปจะโดนจับเรียกค่าไถ่ แต่น้ำเสียงที่คุณย่าพูด เหมือนย่ากลัวๆอะไรสักอย่าง เหมือนย่ากุมความลับไว้แต่ไม่ได้บอกลูกๆให้ฟัง
และแล้วเรื่องขนลุกก็เกิดขึ้น คืนนั้น ระหว่างที่ย่ากำละงนอนอยู่ ด้วยความที่มันเป็นเพิงลิเกอะ มันไม่มีกำแพงล้อมรอบ คุณพ่อได้ยินเสียงคนเดินคุยกันมาจากทางบ่อกรวด คุณพ่อผมก็ลืมตาขึ้นมาดู พร้อมกับหยิบไฟตะเกียงขึ้นมา แสงไฟจากตะเกียงมันสว่างไม่มาก ก็พยายามเพ่งมอง พอสายตาปรับความมืดได้ ก็เห็นเป็นผู้ชายสองคนเดินกอดคอคุยกันมา เล่นกัน ตบหัวกัน พ่อเห็นว่าสองคนนี้เดินผ่านเพิงลิเกไป หายไปทางสวนทางด้านหลัง คุณพ่ออุ่นใจ แถวนี้คงจะมีชาวบ้านเยอะ
วันถัดมา พ่อผมมีหน้าที่จะต้องไปเก็บพวกมะม่วง ลำไย อะไรที่มันพอขายได้ต้องเก็บให้หมด คุณพ่อไปกับน้องสาว (น้องสาวพ่อตอนนั้นอายุประมาณสัก 10 กว่าขวบ) เดินลัดทางที่เขาอาบน้ำ เข้าไปในสวน ระหว่างที่เก็บอยู่ น้องสาวพ่อเห็นใครสักคน กำลังขย่มบนต้นไม้ ตอนนั้นประมาณบ่ายสอง พ่อก็แหงนหน้าขึ้นไปดู ปรากฏว่าเห็นเด็ก ขย่มอยู่บนต้นไม้แล้วก็นั่งกินมะม่วงอยู่ประมาณสัก 2-3 คน ขนาดตัวของเด็กพวกนั้นเท่าแก้วโอเลี้ยงเอง นั่งกินมะม่วงแล้วก็หัวเราะ คิกๆๆๆ เหมือนสุขใจที่ได้แกล้งคุณพ่อ แล้วเด็ก ๆ พวกนั้นก็ยื่นมะม่วงให้พ่อ แต่ไม่พูดไร
ตอนนั้นพ่อผมไม่ได้คิดไร ได้แต่สงสัยว่า เห้ยย ทำไมไอ้เด็กพวกนี้มันตัวเล็กจังวะ แล้วเด็กสองสามคนนี้ก็กระโดดจากต้นไม้ต้นนี้ ก็ไปต้นโน้น พ่อคุณเห็นงั้นก็ตกใจเลยบอกว่า หึ๊ยยยย กลับบ้านดีกว่า ชักจะไม่ค่อยดีละ พี่จูงมองน้องสาวเดินกลับเพิงลิเก แล้วเสียงเด็กหัวเราะก็ตามมาข้างหลัง คิกคักๆๆ เหมือนกับมีความสุขได้แกล้งคุณพ่อ
พอถึงเพิงลิเกก็เล่าให้คุณย่าฟัง ย่าก็บอกว่า เออ ถ้าเจอไรมาก็เงียบๆไว้เถอะ เราต่างถิ่นมา เราอาศัยเขาอยู่
คืนนั้น ขณะที่พ่อหลับอยู่ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายเดินคุยกันมาทางบ่อกรวดอีกแล้ว เดินมาๆ แล้วก็หัวเราะกัน คุยกัน ตบหัวกันเล่นเหมือนเดิม พวกเขาคุยกันสนุกสนานมาก พอเดินมาถึงใกล้ๆ เพิงลิเกพ่อเลยถามว่า น้าๆ น้าบ้านอยู่แถวนี้หรอ ผู้ชายสองคนนี้นบอก เออ บ้านกุเนี่ยก็อยู่หลังเพิงนี่แหละแล้วผู้ชายสองคนนี้ก็เดินหายเลย แต่พอก็ไม่ได้คิดอะไร กลับมานอนต่อ
พอวันต่อมา คุณพ่อออกไปเล่นตามประสาเด็กๆ กลับมาก็ประมาณ 6 โมงเย็น คุณย่าก็ไล่พ่อให้ไปอาบน้ำ คราวนี้ไปอาบกับพี่ชาย ก็คุยกันไปหยอกล้อกันไปตรงปั๊มน้ำ ระหว่างที่พ่อสระหัวอยู่ อยู่ดีๆ พี่ชายเงียบแต่คุณพ่อยังหลับตาอยู่ คุณพ่อก็พยายามรีบๆๆล้างหัว พอตาเท่านั้นแหละ ก็เห็นคุณป้าคนเดิมมานั่งที่เดิมอีก มานั่งยิ้ม ในมือถือลูกมะเฟือง แล้วก็กวักมือเรียกคุณพ่อกับพี่ชาย ด้วยความที่คุณพ่อเห็นทุกวันอยู่แล้วก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร เผลอตัวจะเดินเข้าไปหา พี่แดงจับมือ บอกเห้ยย มึงอย่าไปนะ แล้วก็ดึงมือพ่อวิ่งเข้าไปในเพิงลิเก คุณพ่อก็งงมาก อ้าวว ทำไมอ่ะๆ พี่ชายบอกว่า เออน่า ขึ้นๆมาก่อน แล้วก็ร้องไห้ พอพ่อเห็นพี่แดงร้องไห้ก็ยังงง พ่อบอกว่า ทำไมอ่ะ ไม่เห็นมีไรเลย
จนสามสี่ทุ่มคุณแม่กลับมาก็เข้าปลอบใจพี่แดง จนมานั่งกินข้าว แม่ก็ถามว่า ไหนมีไร เล่ามาสิ ลุงแดงเล่าว่า ช่วงที่พ่อผมเอาแชมพูสระหัวอยู่เนี่ย สาเหตุที่ดึงน้องออกมาจากที่ตรงนั้น คือหนูเห็นคุณป้าท่านนั้นมานั่งบนเข่งก็จริง แต่เขาปีนขึ้นมาจากบ่อ แล้วก็ค่อยๆเดินย่องเข้ามา ย่องเข้ามา คือลุงแดงเห็นแล้ว ว่าป้าคนนี้ไม่ได้มาจากไหนเลย คือปีนขึ้นมาจากบ่อนั่นเอง ลักษณะการปีนก็คือ มือเกาะขอบบ่อก่อน แล้วค่อยๆดันตัวขึ้นมา ลุงแดงก็เล่าให้คุณย่าฟัง คุณแม่ก็ อื้ม จะบอกให้นะ แถวนี้อ่ะ ผีทั้งนั้นแหละ ที่พวกมีงเจอกันเนี่ย เพราะว่าข้างหลังโรงลิเกเนี่ย มันเป็นป่าช้า
คุณย่าก็บอกเริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว เพราะว่าตัวคุณย่าเองก็เจอเหมือนกัน คุณย่าบอกว่า คืนนึงขณะที่ย่ากำลังเขาหลับอยู่ อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงชายสองคนเดินกอดคอกันมา เหมือนกับที่คุณพ่อเจอ แต่แกไม่ได้เล่าให้ฟัง เพราะว่ากลัวลูกจะกลัว ก็มองไปเห็นชายสองคนนั้นเดินกันมา อยู่ดีๆชายอีกคนนึง ถีบชายอีกคนนึงตกลงไปในบ่อกรวด แล้วชายคนนั้นอะก็ปีนขึ้นมา แล้วก็หัวเราะ เอิ๊กๆๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บ่อกรวดนั้นนะ ความสูงประมาณตึก 4 ชั้นได้ คือมันลึกมาก แต่ผู้ชายที่ตกลงไปกลับปีนขึ้นมาเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นแล้วก็เดินกอดคอกันไป แล้วหายไปทางหลังโรงลิเกตลอด
จนกระทั่งเช้าต่อมา ย่าบอกว่าอยู่ไม่ไหวแล้ว จะต้องย้ายที่อยู่ละ แต่ว่าคุณย่าก็ออกไปตลาดก่อน ปล่อยให้พี่น้องอยู่กันสามคน อยู่กันจนดึก คุณย่าก็ยังไม่กลับมา คุณพ่อก็หลับอยู่ในมุ้งกับพี่ชายและน้องสาวรอคุณแม่มา แล้วคุณพ่อได้ยินเสียงคนคุยกันในเพิงลิเก แต่ด้วยความที่ว่ารู้ละว่าแถวนี้อ่ะมันไม่ธรรมดา ก็พยายามหรี่ตาแอบมองดูว่าใคร คุณย่ากลับมาแล้วหรือเปล่า ก็ปรากฏว่าเห็นผู้ชายสองคนนั้นอีกแล้ว แต่คราวนี้มานั่งอยู่กลางเพิงลิเก นั่งอยู่กลางบ้านเลย นั่งคุยกันคิกคักๆ เท่านั้นยังไม่พอนะ ด้วยความที่ว่ามันไม่มีกำแพง คุณพ่อผมเห็นป้าท่านคนเดิม มือข้างนึงถือลูกมะเฟือง ค่อย ๆ เดินย่องมา ค่อยๆย่องมา แล้วก็มาถามชายสองคนนั้นว่า คุยอะไรกันหน่ะ คุยด้วยคนสิ แล้วก็คุยกันเหมือนคนไม่ได้เจอกันนาน
พ่อได้แต่นอนตัวแข็งสั่น ขนลุก ทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าทำอะไร แต่ก็ยังแอบมองพวกเขาคุยกัน สักพักการสนทนาของทั้งสามคนนั้น เริ่มดังขึ้น ดังขึ้น แล้วก็เงียบลง แล้วหนึ่งในสามคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า เห้ย!! มันยังไม่นอนวะ แล้วค่อยๆคลานเข้ามาหาพ่อ เอาหน้ามาแนบกับมุ้ง แล้วพูดว่า ไหน มึงยังไม่นอนหรอ พ่อเห็นอย่างนั้นก็ตกใจ ด้วยความกลัวจึงเปิดมุ้งแล้ววิ่งไม่คิดชีวิตเลย วิ่งจนเลยบ่อกรวด วิ่งชนต้นไม้ ชนอะไร วิ่งไปได้ประมาณ 3 กิโลโดยไม่หยุด วิ่งจนหอบ แล้วก็นั่งลง แล้วก็สลบไปเลย
คุณย่ากลับมาประมาณเที่ยงคืน นั่งรถตุ๊กๆมา ก็เห็นว่าพ่อนอนอยู่ข้างทาง จึงเข้าไปอุ้มกลับเพิงลิเก แล้วก็ขนของขึ้นรถตุ๊กๆ ออกจากเพิงลิเกกันคืนนั้นเลย
1-2 ปีผ่านไป ทางครอบครัวเริ่มมีเงิน จึงกลับมาเยี่ยมพี่คนรู้จักที่ให้ที่พักอยู่ เพราะว่าก็ถือเป็นผู้มีพระคุณ แล้วพี่คนนั้นก็ถามย่าว่า ทำไมอยู่ๆย้ายไปเลยละ ไปไม่บอกกันก่อนเลย แล้วคุณย่าก็บอกว่า ก็ไม่ให้ไปได้ไงก็เจอจังๆแบบนั้น ทำไมไม่บอกกันก่อนว่าขนาดนี้ แล้วถ้าลูกฉันตกบ่อกรวดตายหรือฉันหัวใจวายตายจะทำยังไง เจ้าของที่ก็บอกว่า คุณป้าที่เห็นเนี่ย คือคุณแม่เขาเอง เขาเดินมาเก็บผลไม้เพื่อเอาไปขาย แล้ววันนั้นแกมาเก็บลูกมะเฟือง แล้วทำอีท่าไหนไม่รู้ แกก็เดินๆมาเพื่อที่จะปั๊มน้ำบาดาล ก็เป็นลมหน้ามืดตกลงไปในบ่อนั้น แกเสียในบ่อ ตอนที่เจอศพหน่ะครับ มือยังถือมะเฟืองอยู่เลย แกถึงคลานขึ้นมาจากบ่อน้ำตรงนั้น แล้วในมือถือมะเฟืองอยู่
ส่วนชายสองคนนั้น ตอนที่ขุดบ่อกรวดกันใหม่ๆ ชายสองคนนี้ก็คือคนงาน ตอนที่ใช้ระเบิดดิน แล้วเกิดพลาดโดนดินถล่มทับตายทั้งสองคนเลย แล้วที่ตรงนั้นมันเป็นตีนเขาก็จริง แต่ที่ด้านหลังโรงลิเกมันเป็นป่าช้าทั้งนั้นเลย
ส่วนเด็ก ๆ ที่ขึ้นไปขย่มต้นไม้ก็คงจะเป็นวิญาณแถวนั้น แต่มีอีกเรื่องที่จะบอกนะ เพิงลิเกที่พักอยู่น่ะ เมื่อก่อนมันเป็นศาลาพักศพที่เค้าเอาไว้พักศพก่อนจะเอาไปเผา ที่ไม่บอกว่าเป็นศาลาพักศพเพราะว่ากลัวจะอยู่กันไม่ได้
สุดท้ายคุณพ่อบอกว่า สาเหตุที่ไม่เห็นว่าคุณป้าคนนั้นมาจากทางไหน เพราะว่าจะเจอคุณป้าทีไรจะช่วงสระผมแล้วหลับตาทุกที พอลืมตาขึ้นมาก็จะเห็นคุณป้านั่งอยู่บนเข่งแล้ว
ที่มาเดอะช็อค23