เรื่องหลอนของโรงเรียนเอกชน

เรื่องหลอนของโรงเรียน
เรื่องหลอนของโรงเรียน

เรื่องแรก ย้อนกลับไปช่วงตอนเรียนม.ต้น ถ้าจำไม่ผิดก็สักช่วง ม.1-ม.2 ตอน ม.ต้น เราเรียนอยุ่ที่โรงเรียนคริสต์เอกชนแห่งหนึ่งแถวบางบัวทอง ซึ่งเราเป็นลูกของครูที่โรงเรียน เขาจะเรียนกันว่า คุรุทายาท

เหล่าคุรุทายาทตัวเเสบๆก็จะเป็นพวกที่ต้องอยู่โรงเรียนดึกประจำเวลาที่ทาง โรงเรียนมีการประชุมครู สัก 3 ทุ่มได้ ก็จะปล่อยให้เหล่าเด็กๆที่เป็นลูกครูนี้ละมาอยู่รวมกัน ในห้องพักครูของชั้นประถม ซึ่งใกล้กับชั้นล่างๆและใกล้กับป้อมยามมากที่สุด แน่นอนว่าการเล่นของเด็กวัยนั้นคือ… ไม่ซ่อนแอบก็ไปลองของ เดินสำรวจดึกมืดๆ

จริงๆแล้วทางโรงเรียนช่วงสร้างใหม่ๆ เคยมีอุบัติเหตุช่างตกลงมาเสียชีวิต ทุกตึก (ทุกตึกที่สร้างจริงๆ) และเคยมีคนเห็นอยู่บ่ายครั้ง ในความเป็นลูกครูทำให้เราได้อยู่กันดึกโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เพราะความซนและอยากรู้อยาก เห็นในสมัยนั้นทำให้เราก็เออออไปตามเพื่อนๆและน้องๆ

ในช่วงที่อยู่ที่ตึกเก่า พวกเราเล่นซ่อนหากัน ก็จะเกิดเหตุการณ์ ผีลักซ่อนอยู่ครั้ง 2 ครั้ง เเบบ หาบางคนไม่เจอ หาตั้งแต่ชั้น1-6 หายันห้องน้ำ จนเราต้องยกมือไหว้ บอกขอให้เจอจะกลับบ้านกันเเล้ว สักพักหนึ่ง คนที่เราหาไม่เจอก็เดินกลับมาเอง พอถามไถ่ เขาก็บอกหลบอยู่ที่ห้องน้ำชั้น 3 ซึ่ง!มันเป็นไปไม่ได้ เราหากันหมดเเล้วแต่ก็ไม่เจอ

พอไปเล่นที่ตึกเก่าเเล้ว แน่นอนว่าเราจะไปต่อกันที่ตึกมารีอา ซึ่งเป็นตึก 2 อยู่ใกล้กับตึกเก่า วันนั้นเป็นวันประชุมครูอีกเช่นเดิม รอบนี้เราไปรวมตัวที่ห้องพยาบาล คราวนี้…ไปลองของที่ห้องนาฏศิลป์ 

ห้องนาฏศิลป์ของโรงเรียนเรา จะอยู่ที่ชั้น4 (ถ้าจำไม่ผิดนะ จะเป็นชั้นเดียวกับที่มีสนามบาส) ทั้งหมดขึ้นลิฟท์กันไป ถ้าจำไม่ผิดมีกันอยู่ 5-6 คน เราก็ค่อยๆเอาไฟฉายส่องกันเพราะมันค่อนข้างมืด มีแต่เเสงจากพระจันทร์ส่องมาให้พอเห็นทางรางๆเท่านั้น

ห้องนาฏศิลป์เป็นห้องที่ค่อนข้างกว้าง ประมาณห้องเรียน 3 ห้องต่อกัน และจะมีบานเลื่อนเอาไว้เลื่อนกั้นตรงที่วางแท่นเศียรครู กับ ที่ฝึกซ้อม ตรงแท่นเศียรครูก็จะมีพวกเครื่องดนตรีไทยวางไว้อยู่หลายชิ้น ทุกคนก็เอาไฟฉายส่องมองโน่นนี้กันในห้องเรียนนาฏศิลป์ แต่แล้วซักพักทุกคนก็เงียบเสียงลง หนึ่งในทีมพูดขึ้นมาว่า ได้ยินเสียงคนเดินไหม ซึ่งพวกเราทุกคนพยักหน้า แต่พอสาดไฟฉ่ายไปรอบๆก็ไม่เจอใครเลย เเต่เสียงเดินก็ยังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แน่นอนว่าเริ่มใจคอไม่ดีกันเเล้ว ไม่รู้จะผีหรือคน

แต่ความอยากรู้อยากเห็นมันก็มีมากกว่าความกลัว ทุกคนยังเอาไฟส่องเข้าไปยังด้านในห้อง เราส่องไปเห็นเศียรครู เป็นเศียรฤาษีและเศียรพระพิราพ เราก็มองเฉยๆไม่เห็นมีอะไร ก็เลื่อนไปส่องอย่างอื่น ก็เห็นบานเลื่อนที่กั้นระหว่างที่ฝึกซ้อมกับแท่นเศียรครูเคลื่อนไหวได้เอง มันค่อยขยับเหมือนมีคนรูดให้มันเปิด 

สักพัก อีกคนร้องก็ร้องว๊ากขึ้นมาก พร้อมกับวิ่งไปเลยจ้า แล้วเท่านั้นละ วงแตก ทุกคนก็วิ่งกันไป ขามาขึ้นลิฟท์ ขาลงวิ่งลงบันได ไอ้เราก็ไม่เห็นอะไรเท่าไหร่ตอนนั้น ก็แค่วิ่งตามลงมา เลยถามว่าเห็นอะไร ผลคือ เพื่อนบอกว่า เห็นผู้หญิงยืนรำอยู่ในห้อง (ทั้งๆที่ตอนแรกเรามองก็ไม่มีใครแถมห้องก็ล็อค) เพื่อนมันตกใจมากก็เลยร้องออกมาแล้ววิ่งเปิดโปงทำให้วงแตก เราก็คิดขำๆว่า เออก็ยังดีสงสัยมาเตือนๆว่าอย่าให้เราดื้อกัน ท่านไม่ได้ทำร้ายเด็กๆ

ต่อมาเป็นเรื่องที่เราเจอส่วนตัวกับที่โรงเรียนนี้ ตอนนั้นเราขึ้นสัก ม.3 ได้แล้ว วันนั้นจำได้ว่าเป็นช่วงบ่ายๆ เราก็ไปห้องน้ำเพราะว่าจะไปถ่ายเบา ก็เดินไปตามระเบียง จนมาถึงสุดท้ายที่จะต้องเดินลงไปครึ่งชั้นเพราะห้องน้ำจะมีทุกชั้น แล้วมันต้องผ่านกับห้องเก็บของของชั้นดาดฟ้า (ซึ่งปกติเราก็ชอบแอบมานั่งแถวนั้นนั้นละ ถึงเขาจะบอกว่าผีดุก็ตามแต่เราไม่เคยเจอ อย่างมากก็แค่เห็นหางๆตา) 

วันนั้นจำได้ว่า สักช่วยบ่ายสองบ่ายสามได้ก่อนเลิกเรียน เราเดินผ่านตรงบันไดแล้วเหมือนมีอะไรดลใจให้มองไปทางห้องเก็บของของชั้นดาดฟ้า แสงแดดที่ตกกระทบสาดส่องให้ไปจนถึงสุดขั้นบนได จนถึงประตูห้องเก็บของ ทว่ามีเงาสีดำทมึนยืนอยู่ตรงบันไดช่วงขั้นที่ 5 (ค่อนข้างใกล้เรามาก) เราก็มองตามด้วยความงุนงง เราพิจารณาในสิ่งที่เห็นดำปี๊เป็นร่างคนผู้ชาย เห็นทรวงทรงหมด เเต่ตาเขาแดงก่ำ แถมตาโตแถมจะถลึงตาใส่เรา ไอ้เราก็ยืนมองเขา ก็นึกว่าคนก็ยังคิดว่าเอ๊ะ…เเล้วเขาไม่มีเงาหรอ…พอคิดได้สักพัก ดูจากทรงแล้วเขาคงมาไม่ดีเท่าไหร่ เราเลยเดินผ่านมาทางลงบันไดเดินติดกำแพง ห่างไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย แต่…ร่างนั้นก็หันตัวมาพร้อมกับใช้สองมือจับราวบันไดเเล้วยืนตัวมามองตามเรา

เราก็ทำเป็นมองไม่เห็น เเต่ก็เห็นหางตาตอนเดินผ่านเขานั้นละว่าเขามองเราจนเหลียวหลัง พอเข้าห้องน้ำได้ นี้คือหายปวดแล้วนะ  กำลังคิดว่าจะปลอดทุกข์ดีไหมหรือไงดี สุดท้ายตัดสินใจไม่ปลอดทุกข์ เปิดประตูห้องน้ำ แล้วเดินจ่ำอ้าวผ่านจุดเดิมไปเลย ก็ยังเห็นเขายังชะโงกอยู่ที่เดิมนั้นละ (จะเดินอ้อมลงไปอีกชั้นก็ขี้เกียจไง) 

พอถึงห้องเรียนก็เอามาเล่าให้เพื่อนในห้องฟัง พอดีว่ามีคนรู้เรื่องเขาก็เล่าว่า จริงๆตึกนี้มีช่างตายตอนสร้างตึก เห็นว่าตกจากนั่งร้าน เเต่เนื่องด้วยความเป็นโรงเรียนคริสต์ จึงไม่ได้มีพิธีทำบุญหรือเชิญดวงวิญญาณ แล้วก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนเห็นร่างเดียวกันจากชั้นนี้ละ ที่ชะโงกตัวออกไปตรงราวระเบียง ชนิดที่ว่างเห็นถึงครึ่งตัว จนเกิดความเเตกตื่นระยะนึง จนในที่สุดทาง โรงเรียนก็สร้างหลังโคมครอบตั้งแต่ชั้น 4 ไว้ ทำให้คนด้านล่างตึกจะมองไม่เห็นชั้นบนๆค่ะ

Previous articleยุติการเผยแพร่
Next articleแป้งอย่ารับสาย ถ้ามีใครโทรมาหาไม่ต้องรับสาย ห้ามรับเด็ดขาด