เรื่องนี้ขอบอกว่าเป็นเรื่องจริง มีสถานที่จริงคนในเหตุการณ์ก็มีอยู่จริง เป็นความเชื่อส่วนบุคคลใครไม่เชื่อก็อ่านเล่น ๆ ก็ได้ครับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ผมต้องไปแข่งร้องประสานเสียงที่จังหวัดสกลนคร รถออกจากโรงเรียนตอน 07.00 น. ถึงที่โรงแรมก็ประมาณ 15.30 น. สภาพโรงแรมภายนอกก็ดูดีนะครับ แต่ข้างในค่อนข้างเก่า หลังจากรับกุญแจจากอาจารย์แล้วก็ไปที่ห้องครับ ห้องพักอยู่ชั้นหนึ่งแต่ว่าห้องจะอยู่เกือบสุดทางเดิน แล้วทางเดินโรงแรมนี้บรรยากาศค่อนข้างเหมือนกับโรงพยาบาลมากกว่า
พอถึงห้องทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็เห็นเงาดำ ๆ ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ( โรงแรมนี้แปลกกว่าที่อื่นเพราะว่าห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุดไม่เหมือนที่อี่นที่ห้องน้ำจะอยู่ข้างประตู ) พอเห็นเราก็ไม่ได้คิดไร คิดว่าคงเหนื่อยจากการเดินทางก็เลยตาฝาด แล้วเงานั้นก็หายเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากนั้นผมก็จัดของจนเสร็จแล้วก็ไปเข้าห้องน้ำ แต่พอเข้าห้องน้ำเสร็จประตูห้องน้ำกลับเปิดไม่ออกพยายามเปิดเท่าไหร่ก็ไม่ออก พยายามเรียกน้องที่อยู่ห้องเดียวกันแต่น้องเค้าไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว และแล้วสิ่งที่กลัวก็มา
เริ่มมีเสียงแปลกๆคล้ายๆเสียงคนร้องให้แต่ก็ไม่ใช่ เสียงนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ด้านหลัง มือก็พยายามเปิดประตูแต่ก็ไม่ออก สิ่งที่อยู่ข้างหลังก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเข้ามาชิดตัว ตอนนั้นสติแตกแล้ว อยู่ๆ ก็เปิดประตูออก พอประตูเปิดออกผมก็วิ่งออกจากห้องทันที ตอนนั้นในใจคิดแล้วว่ายังไงก็จะไม่อยู่ห้องนี้เด็ดขาด ผมก็ไปห้องเพื่อนกะว่าจะไปนอนด้วยแต่ดันได้เพื่อนมาอยู่ห้องด้วยแทน
คืนแรกที่ต้องนอนห้องนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สะดุ้งตื่นมาตอนตีสี่ แล้วนอนไม่หลับในหัวก็คิดแต่ว่าที่เราเจอเนี่ยมันมีจริงหรือเราคิดไปเอง พอคิดอย่างนั้นก็อยากพิสูจน์ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องไปคนเดียว พอเดินออกไปได้สักพักไม่รู้ทำไม อยู่ดีๆก็ไปเคาะประตูห้องคนอื่นแล้วเคาะไปเรื่อยๆจนถึงหน้าเคาน์เตอร์ หลังจากนั้นก็เดินกลับมาที่ห้อง ก็ไม่เจออะไรนี่หว่าสงสัยคิดไปเองจริงๆ หลังจากนั้นก็นอนต่อ พอเช้าก็ไปซ้อมแต่ก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง
คืนที่สอง ทุกอย่างยังดูปกติไม่มีอะไร อยู่ๆก็มีเสียงเคาะประตู เราก็คิดว่าคงเป็นเพื่อนมาหา แต่พอเปิดประตูไปก็ไม่เจอใคร สักพักก็มีเสียงเคาะอีกคราวนี้ไม่เปิดแต่ส่องดู ก็ไม่เห็นใคร แล้วก็มีเสียงเคาะอีกไปส่องอีกก็ไม่เห็นใครเหมือนเดิม พอครั้งที่สี่คราวนี้เดินไปเปิดประตูเลยแต่พอเปิดมา เพื่อนห้องอื่นก็เปิดออกมาพร้อมกัน ประมาณ 6-7 ห้อง คือชั้นหนึ่งจะเป็นของวงเราทั้งหมดเลย
เพื่อนห้องอื่นก็บอกว่ามีคนมาเคาะประตูเหมือนกันหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่เห็นคนเคาะซักที ในใจก็คิดแล้วโรงแรมนี้ชักจะแปลกๆแล้ว แต่ก็คิดในแง่ดีไว้ก่อนว่าเพื่อนอาจจะแกล้ง แล้วคืนนี้ต้องรีบนอนด้วย เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องแข่งแล้ว ก็เลยเข้านอน
คืนที่สามหลังจากที่แข่งเสร็จแล้วผมก็ไปดูวง ม.ปลายซ้อม วงเราจะซ้อมกันที่ชั้นสี่ของโรงแรม ผมดูไปสักพัก ก็ไปเดินเล่นกับเพื่อนแล้วก็พี่ในวง เดินไปจนสุดถึงระเบีบงด้านนอกที่เป็นบันไดหนีไฟ ผมเดินมาคนแรก พอผมจับที่ราวจับเท่านั้นแหละเห็นเป็นภาพว่าบันไดหนีไฟนี้พังลงไปแล้วผมก็ตกลงไปด้วย พอเห็นแค่นั้นผมก็ถอยออกมาจนติดผนังทันทีเพื่อนก็ถามว่าเป็นไร ผมก็ตอบไปว่าไม่มีไร พอมองลงไปข้างล่างก็เห็นวงดนตรีไทยของโรงเรียนเราซ้อมกัยอยู่ข้างศาลพระภูมิ ก็เอะใจว่ามาอยู่นี่หลายวันแล้วแต่ทำไมไม่เคยสังเกตเห็นศาลพระภูมิตรงนี้เลย ทั้งๆที่เราก็ไปซ้อมกับเพื่อนแถวนั้นบ่อยๆ
พอเห็นศาลเราก็เลยยกมือใหว้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครอง หลังจากนั้นผมก็ลงไปเอาโทรศัพท์ที่ห้องแต่ลงไปคนเดียว ตอนลงก็ลงลิฟท์นะ แต่ตอนขึ้นด้วยความที่ห้องผมอยู่ค่อนข้างไกลจากลิฟท์ ผมก็เลยขึ้นบันไดหนีไฟ สามชั้นแรกก็ไม่เจออะไร
พอจะขึ้นมาชั้นสี่ ในระยะที่แบบตาของเราตรงกับพื้นพอดี ก็เห็นเป็นขาคนแต่บริเวณนั้นค่อนข้างมืด เลยเห็นไม่ชัด ตอนแรกคิดว่าคงเป็นขาเพื่อนแต่พอมองดีๆ ไม่ได้ใส่รองเท้า แล้วเท้าก็ไม่ติดพื้นด้วย ทันทีที่เห็นแบบนั้นก็วิ่งไปบริเวณที่ซ้อมทันที แต่พอวิ่งมาถึงกลับไม่มีคนอยู่ซักคน เราก็เลยรีบกลับไปที่ชั้นล่างแต่ก็ไม่มีใครอยู่ซักคนอีก ผมรออยู่หน้าห้อง ซักพักทุกคนก็เริ่มทะยอยลงมา พอผมถามว่าไปไหนกันมา ทุกคนก็บอกว่าพึ่งลงมาเมื่อกี้ แต่เมื่อกี้ผมไม่เห็นใครซักคนที่ชั้นสี่ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
คืนนี้เพื่อนๆ นัดกันว่าจะมาดูคนอวดผีที่ห้องผม เพราะว่าห้องผมใหญ่กว่าห้องอื่นมาก ผมก็นั่งเล่นกับเพื่อนในห้องรอเพื่อนคนอื่นๆมา พอเพื่อนมาผมก็เห็นเป็นเงาลางๆ ตามเพื่อนเข้ามา ( ลืมบอกไปว่าผมมีเซ้นส์มาตั้งแต่เด็กแล้วและเพื่อนที่อยู่ห้องด้วยกันก็มีเซ้นส์เหมือนกัน ) พอเห็นแบบนั้นผมก็กระซิบถามเพื่อนว่าเห็นมั๊ย เพื่อนก็บอกว่าเห็น หลังจากนั้นทุกครั้งที่มีเพื่อนคนอื่นเข้ามาจะมีเงาลางๆ ตามเข้ามาด้วยทุกครั้ง
ผมกับเพื่อนก็ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่เราเห็นคือเค้าอยู่กันเต็มห้องเลย ในตอนนั้นในห้องเรามีอยู่เก้าคนแต่ความรู้สึกคือเหมือนคนอยู่เต็มห้องผมก็อดทนจนคนอวดผีจบ เพื่อนก็ทยอยกลับกัน แต่สิ่งที่ตามมากลับไม่ยอมกลับไปด้วย ยังคงอยู่ในห้อง ตอนนั้นนั่งกันอยู่สามคนกับรุ่นน้อง เพื่อนอีกคนที่มีเซ้นส์ทนไม่ไหวไปอยู่ห้องอื่นแล้ว
สักพักก็มีเสียงเคาะประตู พอไปดูก็ไม่มีใคร จึงปิดประตูกลับเข้าห้อง สักพักก็มาเคาะอีกแต่ครั้งนี้เคาะรัวมากจนน่ากลัว ผมตัดสินใจไปอยู่ห้องเพื่อนที่อยู่ข้างๆกัน ในห้องนี้เราอัดกันนอนบนเตียงเดียวห้าคน แต่เสียงเคาะก็ยังตามมาอีก เสียงเคาะเริ่มรุนแรงและดังขึ้นเรื่อย เหมือนข้างนอกมีคนเคาะอยู่เยอะมากและพยายามจะเข้ามาให้ได้ พวกเราขยับเข้ามารวมกัน จ้องมองที่ประตู เสียงเคาะก็ยิ่งหนักมากกว่าเดิม เป็นแบบนี้อยู่นาน จนพวกเราเผลอหลับกันตอนไหนไม่รู้
พอเช้าผมกลับไปที่ห้องพบว่าเสื้อผ้าของผมไปอยู่ในห้องน้ำและเปียกหมด เหมือนมีคนแกล้ง แต่กุญแจห้องอยู่กับผม แล้วเมื่อคืนก็ล็อกห้องก่อนออกจากห้องแล้ว ไม่มีทางที่ใครจะเข้ามาแกล้งได้แน่ๆ ผมรีบเก็บเสื้อผ้า อาบน้ำแล้วก็ออกจากห้องทันที เพราะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่อยู่ที่นี่
พอเราออกจากโรงแรมก็ไปนั่งรอวง ม.ปลายแข่ง แล้วก็มีพี่คนนึงพูดขึ้นมาว่าเจอผีที่โรงแรม พอพี่เค้าพูดคนอื่นก็เริ่มพูดเหมือนกัน ปรากฎว่าคนที่พักอยู่ชั้นหนึ่งเจอเหมือนกันหมด แต่ชั้นอื่นไม่เจออะไร ซึ่งที่เจอก็มีหลายรูปแบบ ทั้งในห้องน้ำ มาขูดเตียงบ้าง มานั่งบนหัวเตียงบ้าง อยู่ดีๆประตูเปิดเองบ้าง แล้วมีน้องคนนึงบอกว่าวิญญาณเหล่านั้นยังตามเกาะมากับรถด้วย แต่พอถึงโรงเรียนก็หายไปเพราะว่าที่โรงเรียนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองที่โรงเรียนอยู่ พวกเค้าก็เลยเข้ามาไม่ได้หลังจากนั้นก็หายไปเลย…จบแล้วครับ จริงๆเจอเยอะกว่านี้แต่จำไม่ค่อยได้
ที่มาสมาชิกหมายเลข 2610938