ในจังหวัดนครนายก มีสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง เป็นเมืองโบราณ มีซากเมืองเป็นป่ารกชัฏ มีการปรับปรุงบางส่วน จึงทำให้น่ากลัวน้อยลง เมื่อเทียบกับอดีต มีการขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากรว่า “เมืองดงละคร”
สถานที่นี่ เวลาเดือนเพ็ญ จะมีเสียงมโหรีบรรเลงเพลงโบราณแว่วมา เหมือนมีการแสดงละครใน มีผู้คนพยายามไปสืบเสาะดูว่า เพลงลอยมาจากที่ใด ก็ไม่พบอะไร…การมีเพลงมโหรีแว่วมานี้เอง ชาวบ้านจึงเรียกว่า “ดงละคร”
สามเดือนที่ผ่านมา ผมสนใจเรื่องนี้ จึงขับรถยนต์ลุยเข้าไปกลางดึก เข้าไปท่ามกลางป่ารกชัฏที่เชื่อว่า มีวิญญาณอยู่ ขับรถเข้าไปถึงใจกลางป่าอันน่ากลัวเวลาประมาณสามทุ่ม ข้างทางมีแต่ความมืดสนิท คนที่ประสาทอ่อนคงไม่กล้าเข้าไปแน่ๆ
พอถึงใจกลางพื้นที่ที่น่ากลัว ก็ดับเครื่อง ปิดไฟดับสนิท มองเห็นแต่ความมืด…ก็ทำจิตว่า “ถ้าในบริเวณนี้มีวิญญาณ ที่ต้องการความช่วยเหลือ ก็ขอให้ออกมาคุยกัน เรายินดีที่จะช่วยพวกท่าน”
อึดใจใหญ่ๆ ก็มีร่างเงาของหมู่คนลอยมาช้าๆ จากแนวป่าเบื้องหน้า พอมาใกล้ก็เห็นว่า เป็นกลุ่มคนในชุดโบราณประมาณ 8 คน เป็นหญิงมากกว่าชาย จึงสอบถามกันทางจิต เพราะภาษาโบราณคงไม่กระดิกหูทั้งสองฝ่าย
ได้ความว่า ที่นี่หัวหน้าเป็นผู้หญิง ได้รับคำสั่งจาก นครหลวง (นครธม) ให้มาสร้างเมืองเพื่อขยายอาณาจักร เพื่อจัดหาธัญญาหารส่งเข้าเมืองหลวง มาทำการก่อสร้างได้สามปี ยังไม่ทันเรียบร้อย ก็เกิดโรคระบาดทางน้ำ เกิดโรคห่ากิน (อหิวาตกโรค) ผู้คนตายเกือบหมดจาก 700 คน เหลือไม่ถึงร้อยคน จึงต้องทิ้งเมืองกลับนครไป
วิญญาณคนที่ตายก็ยังคงอยู่ที่นี่ และรอคอยคนที่มีวิชามาช่วยปลดปล่อย และพวกตนมาจากในวัง จึงเล่นเครื่องบรรเลงเพลงมโหรีได้ เพื่อการรอคอย พวกเราดีใจที่ท่านมา เรารู้ว่า ท่านช่วยเราได้
เรามีความตั้งใจที่จะช่วยพวกท่าน แต่สิ่งแรกที่ปรารถนา คืออะไร คำตอบ ตอนโรคห่าระบาด พวกเราหิวน้ำมาก จนกระทั่งบัดนี้ จึงอยากขอน้ำสะอาดก่อน และขอให้แผ่บารมีปลดปล่อยพวกเราด้วย ผมจึงบอกพวกเขาไปว่า รับรู้แล้ว และจะมาอีกครั้งในอีกสองวันข้างหน้า
เมื่อครบกำหนด เราก็ชวนสมาชิกชมรมอีกคนมาด้วยกัน ซื้อน้ำสิงห์ขวดกลางใส่เต็มท้ายรถ มาตอนกลางวัน ก็ขับรถวนหาสถานที่ ก็พบว่า มีศาลาโล่งอยู่แห่งหนึ่งจึงเข้าไป พบว่ามีคนมาถวายพระพุทธรูปขนาดเล็ก และตัวละครนางรำเกือบ 500 ตัว เพื่อให้สมกับเป็นดวงละคร นางรำ
เราทะยอยเปิดขวดทุกขวด แล้วจึงอัญเชิญพลังของพระพุทธบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ เข้าลงในน้ำทุกหยด เพื่อเพิ่มกำลังในการปลดปล่อยวิญญาณ เมื่อเรียบร้อยก็กล่าวอัญเชิญวิญญาณทั้งหลาย ที่รอคอยอยู่ทั่วดงละครให้มา เพราะเราเอาน้ำมาให้แล้วตามที่สัญญาไว้
ทันทีที่กล่าวจบ วิญญาณเล็กๆ ที่เรืองแสงเหมือนหิ่งห้อยนับร้อยๆ บินลอยวนมา แล้วจุ่มตัวลงในขวดน้ำทุกขวด เหมือนผึ้งโฉบลงดอกไม้เพื่อดูดน้ำหวาน แล้วก็บินมาวนรอบๆ ตัวพวกเรา เพื่อแสดงมุทิตา แล้วค่อยๆ ลอยขึ้นฟ้า จางหายไปจนหมดสิ้น ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที
เราสองคนที่ไปด้วยกัน รู้สึกอิ่มใจที่ได้ช่วยให้วิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานอยู่หลายร้อยปีได้ไปผุดไปเกิดเสียที
ข้างศาลาที่ว่า พบว่ามีต้นไม้ใหญ่ จึงเพ่งพบว่า เป็นเทพารักษ์สององค์ดูแลอยู่ ก็สวัสดีเขาไป…และถัดไปมีบ่อน้ำเก่าลึกลับ มีร่องรอยว่า มีคนมาตัก ก็ก้มลงมอง…สัมผัสได้กับพลังที่ดีมาก จีงขอแสดงความเคารพ ขอให้แสดงตน ปรากฏว่าเป็นพญานาคมีอายุมากจนตัวเป็นสีขาว เขาบอกว่า บ่อน้ำนี้ศักดิสิทธิ์ เขามาเฝ้านานแล้ว
หันไปดูจึงเห็นป้ายที่ทางการทำไว้ อธิบายว่า “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เหมือนน้ำมนต์ ผู้ใดดื่มกินจะหายจากโรคได้ และเป็นแหล่งน้ำที่ตักน้ำส่งเข้าสำนักพระราชวังในโอกาสที่มีการทำน้ำสรงที่ศักดิ์สิทธิ์ตลอดมา” ก็เป็นเรื่องที่เล่าต่อให้ฟัง
ขับรถกลับออกมา ด้วยความสบายใจ ที่ได้ช่วยวิญญาณและเชื่อว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป จะไม่มีใครได้ยินเสียงบรรเลงมโหรีอีกต่อไป..และ “ดงละคร” ก็คงจะเป็นตำนานต่อไปอีกนานแสนนาน